cervical cancer symptoms treatment prevention scaled

11 ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูก

มะเร็งปากมดลูก สามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย แต่โดยส่วนใหญ่มากเกิดจากไวรัส HPV จนกระทั่งพัฒนาไปเป็นมะเร็งปากมดลูก ดังนั้นก่อนที่จะทราบถึงปัจจัยที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก เราควรทำความรู้จักกับโรคนี้ให้ดีเสียก่อน

มีคำถามเกี่ยวกับ มะเร็งปากมดลูก? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

สาเหตุของโรคมะเร็งปากมดลูก

เกิดจากการติดเชื้อแป๊ปปิโลมาไวรัส หรือเชื้อ HPV (Human Papilloma Virus) ซึ่งจะเกิดได้บ่อยกับเพศหญิงที่เริ่มต้นมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย และหญิงที่มีบุตรหลายคน และหญิงที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ และยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆได้แก่ การไม่รักษาสุขอนามัย การติดเชื้อเอชไอวี

อาการของโรคมะเร็งปากมดลูก

ในระยะเริ่มต้น มะเร็งปากมดลูกมักจะไม่มีอาการ ในระยะท้ายจะมีอาการได้ดังนี้

  • มีเลือดผิดปกติจากอวัยวะเพศในช่วงมีประจำเดือน หลังจากมีเพศสัมพันธ์หรือเวลาตรวจภายใน ช่วงมีประจำเดือนอาจจะมีเลือดออกมากกว่าปกติและมีประจำเดือนเป็นเวลานาน และหญิงวัยทองบางรายก็อาจมีเลือดออกได้
  • มีตกขาวมากขึ้นกว่าปกติ
  • ปวดบริเวณหัวหน่าว
  • เจ็บระหว่างมีเพศสัมพันธ์์

แต่อย่างไรก็ตาม อาการข้างต้นอาจเกิดจากสาเหตุการติดเชื้อชนิดอื่นหรือโรคอื่นก็ได้ ควรปรึกษาแพทย์ร่วมด้วย

การวินิจฉัยโรคมะเร็งปากมดลูก

ระยะเวลาในการพัฒนาจากเซลล์ที่อาจเกิดเป็นมะเร็งไปสู่การเป็นโรคมะเร็งใช้เวลาประมาณ 10 ปี ในระหว่าง 10 ปีนี้เราสามารถตรวจพบระยะต้นของการเริ่มเป็นมะเร็งได้โดยใช้วิธีแป๊ปสเมียร์

ดังนั้นหญิงที่มีเพศสัมพันธ์แล้วทุกคนควรจะได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก และควรตรวจซ้ำทุก 3 ปี และอาจตรวจทุก 5 ปีได้ถ้าผลการตรวจแป๊ปสเมียร์และผลการตรวจหาเชื้อ HPV นั้นปกติ

การรักษามะเร็งปากมดลูก

สูตินารีแพทย์สามารถให้การรักษาบริเวณปากมดลูกได้อาจใช้วิธีการผ่าตัดด้วยเลเซอร์ การผ่าตัดด้วยความเย็น (Cryosurgery Therapy) และการตัดปากมดลูกด้วยห่วงไฟฟ้า (LEEP)

มีคำถามเกี่ยวกับ มะเร็งปากมดลูก? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

วัคซีนสำหรับป้องกันมะเร็งปากมดลูก

ปัจจุบันมีวัคซีนสำหรับเชื้อ HPV บางสายพันธุ์แล้ว เช่น วัคซีนการ์ดาซิล สามารถป้องกันเชื้อได้ 4 สายพันธุ์ (Gardasil, Merck and Co) ซึ่ง 2 ใน 4 สายพันธุ์นั้นเป็นสาเหตุหลักของการเกิดมะเร็งปากมดลูกและอีก 2 สายพันธุ์นั้นเป็นเชื้อสาเหตุของหูดอวัยวะเพศ

วัคซีนเซอร์ราวิค (Cervarix, Glaxo Smith Kline Beecham) สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ 2 สายพันธุ์ ซึ่งสายพันธุ์ต่างๆในวัคซีนเหล่านี้เป็นสาเหตุหลักของกว่า 70% ของการเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกทั้งหมด แต่ถึงแม้จะเคยรับวัคซีนแล้วก็ควรเข้ารับการตรวจคัดกรองแป๊ปสเมียร์ด้วยเช่นกัน

ซึ่งช่วงอายุที่เหมาะสมของการรับวัคซีนคือก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ซึ่งโดยทั่วไปจะให้ในเด็กหญิงอายุ 12-13 ปี แต่วัคซีนสามารถให้ได้ในเพศหญิงอายุตั้งแต่ 9-45 ปี แต่หากได้รับวัคซีนหลังจากเคยเพศสัมพันธ์ไปแล้ว วัคซีนจะไม่มีผลป้องกันเชื้อที่อาจจะได้รับก่อนหน้านั้นได้ ซึ่งทำให้ยังมีความเสี่ยงอยู่

การฉีดวัคซีนแนะนำให้ฉีดทั้งหมด 3 เข็ม การฉีดเข็มที่ 2 และ 3 จะฉีดหลังจากเข็มแรก 1 และ 6 เดือน ตามลำดับ โดยเชื้อ HPV ยังสามารถก่อโรคมะเร็งอื่นได้อีก เช่น มะเร็งทวารหนัก มะเร็งอวัยวะเพศหญิง หรือ มะเร็งลำคอ ซึ่งการได้รับวัคซีนก็สามารถป้องกันมะเร็งเหล่านี้ได้ด้วย

11 ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูก

มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งเพียงชนิดเดียวที่เราสามารถป้องกันการเกิดโรคได้อย่างสิ้นเชิง แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากการขาดความรู้และขาดการคัดกรองที่ดี โรคมะเร็งปากมดลูกก้ยังคงแพร่กระจายอยู่ทั่วไป ซึ่งปัจจัยเสี่ยงต่างๆมีดังนี้

  1. การติดเชื้อ HPV เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุด ซึ่งเชื้อ HPV โดยปกติจะติดต่อผ่านทางเพศสัมพันธ์โดยเชื้อมีหลายหลายสายพันธุ์ แต่เชื้อสายพันธุ์สำคัญที่ก่อมะเร็งได้แก่ HPV 16, HPV 18, HPV 31, HPV 33, HPV 45
  2. การสูบบุหรี่ หญิงที่สูบบุหรี่จะมีความเสี่ยงสูงกว่าหญิงที่ไม่สูบบุหรี่ โดยมีข้อมูลว่าบุหรี่หรือยาสูบ สามารถทำลายสารพันธุกรรมในเซลล์ปากมดลูกได้ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาเป็นเซลล์มะเร็งต่อไป และการสูบบุหรี่ยังทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำลงซึ่งทำให้ติดเชื้อ HPV ได้ง่ายขึ้น
  3. การติดเชื้อคลาไมเดีย นอกจากเชื้อ HPV แล้ว เชื้อแบคทีเรียคลาไมเดีย ยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งซึ่งแบคทีเรียชนิดนี้สามารถทำลายอวัยวะสืบพันธุ์และติดต่อผ่านเพศสัมพันธ์ได้
  4. ภูมิคุ้มกันต่ำ ผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวี (Human immunodeficiency virus, HIV) มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งปากมดลูกสูงเนื่องจาก เชื้อเอชไอวีทำลายระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยลงทำให้ร่างกายไม่สามารถต่อสู้กับเซลล์มะเร็งได้ ในบางกรณีหญิงที่ติดเชื้อเอชไอวี มะเร็งปากมดลูกจะพัฒนาและมีความรุนแรงขึ้นได้เร็วและง่ายกว่าในหญิงปกติ ดังนั้นผู้ป่วยโรคเอดส์จึงมีความเสี่ยงสูงต่อมะเร็งปากมดลูก ผู้ที่เปลี่ยนอวัยวะก็เช่นกัน ในผู้ที่เปลี่ยนอวัยวะจะมีภูมิคุ้มกันที่ต่ำกว่าปกติซึ่งจะทำให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากมดลูกได้
  5. การขาดสารอาหาร เพศหญิงที่รับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ได้รับสารอาหารไม่เพียงพออาจจะเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ และภาวะอ้วนก็เช่นกัน
  6. ผู้หญิงที่ใส่ห่วงคุมกำเนิด (Intrauterine device, IUD) มีการศึกษาพบว่าห่วงคุมกำเนิดไม่ได้ช่วยเป็นตัวขัดขวางการเข้ามาของเชื้อ HPV ได้แต่จะเป็นตัวกักเชื้อไว้แทนนำไปสู่การเป็นมะเร็งปากมดลูกได้
  7. มีบุตรหลายคน เหตุผลรับรองยังไม่ชัดเจนนักแต่คาดว่าจะเกิดมาจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้มีการป้องกันทำให้ผู้ที่มีบุตรหลายคนนั้น สัมผัสกับเชื้อ HPV ซ้ำๆ จึงทำให้เสี่ยงกับการติดเชื้อและการทีระบบฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงไปในหญิงตั้งครรภ์ทำให้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
  8. การตั้งครรภ์ตั้งแต่อายุน้อย เด็กหญิงที่ตั้งครรภ์ตั้งแต่อายุน้อย (น้อยกว่า 17 ปี) มีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อสูงกว่าหญิงที่ตั้งครรภ์หลังจากอายุ 25 ปี
  9. ความยากจน เป็นปัจจัยสำคัญอีกอย่างหนึ่ง เนื่องจากในผู้ที่มีรายได้น้อย การเข้าถึงระบบสาธารณะที่มีคุณภาพก็น้อยลงเช่นกัน รวมถึงการเข้าถึงการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วย
  10. การใช้ยาฮอร์โมน เช่น ยา Diethylstilbestrol (DES) ซึ่งคือยาฮอร์โมนที่ให้ในเพศหญิงเพื่อป้องกันการแท้ง หรือบหญิงที่แม่เคยใช้ยา Diethylstilbestrol ขณะตั้งครรภ์อยู่ อาจจะก่อให้เกิดมะเร็งอวัยวะเพศหรือปากมดลูกชนิดเคลียร์เซลล์อะดีโนคาร์ซิโนมา (clear-cell adenocarcinoma) โดยอัตราในการเกิดจะประมาณ 1 ใน 1000 ของหญิงที่เป็นมะเร็ง
  11. ประวัติครอบครัว หากคนในครอบครัวคือ แม่ พี่สาว มีประวัติเป็นมะเร็งปากมดลูก ความเสี่ยงจะสูงขึ้นกว่าคนปกติถึง 2-3 เท่าเมื่อเทียบกับคนไม่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งปากมดลูก

ถึงโรคมะเร็งปากมดลูกจะมีความเสี่ยงสูง แต่สามารถคัดกรองและฉีดวัคซีนป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งได้ จึงควรพบแพทย์เพื่อขอรับคำปรึกษาเรื่องมะเร็งตามความเหมาะสม


เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก (HPV)

มีคำถามเกี่ยวกับ มะเร็งปากมดลูก? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

หากคุณติดตั้ง LINE บนคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว ระบบจะเปิดบัญชีทางการ LINE ของ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ โดยอัตโนมัติ

หากคุณยังไม่ได้ติดตั้ง LINE บนเดสก์ท็อป โปรดสแกน QR โค้ดด้วย LINE บนโทรศัพท์มือถือของคุณเพื่อเริ่มแชทกับ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ