HDmall สรุปให้
ปิด
ปิด
- สารสกัดกัญชาทางการแพทย์ (Cannabis Based Medicine) คือ สารออกฤทธิ์ในกัญชาที่มีสรรพคุณในการรักษาโรค เป็นสารในกลุ่มแคนนาบินอยด์ (Cannabinoids) ได้แก่ เตตราไฮโดรแคนนาบินอยด์ (Tetrahydrocannabinol: THC) และแคนนาบิไดอัล (Cannabidiol: CBD)
- โรค หรือภาวะที่สามารถใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์รักษาได้ มีข้อมูลงานวิจัยชัดเจน ได้แก่ ภาวะคลื่นไส้อาเจียนในผู้ที่ได้รับยาเคมีบำบัด โรคลมชักที่รักษายาก และโรคลมชักที่ดื้อต่อยารักษา ภาวะปวดปลายประสาทที่รักษาด้วยวิธีอื่น ๆ แล้วไม่ได้ผล ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็งในผู้ที่เป็นโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง และภาวะเจ็บป่วยเรื้อรังในผู้ใหญ่
- ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์ เช่น ง่วงซึม เวียนศีรษะ มองเห็นสีผิดปกติ คลื่นไส้ ท้องผูก ความจำ ความสามารถในการตัดสินใจ และควบคุมลดลง ความดันโลหิตต่ำ ปากแห้ง หูแว่ว และเกิดความผิดปกติทางจิต เช่น ประสาทหลอน หรือซึมเศร้า
- กัญชาแต่ละสายพันธุ์จะมีสัดส่วนของสารออกฤทธิ์ที่แตกต่างกัน ทำให้ผลการรักษาและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้แตกต่างกันตามไปด้วย จึงควรใช้ผลิตภัณฑ์สารสกัดกัญชาทางการแพทย์ที่ระบุปริมาณของสารออกฤทธิ์ชัดเจน และใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น
- เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจสุขภาพชายและหญิงของแต่ละโรงพยาบาลได้ที่นี่ หรือแอดไลน์ @HDcoth
หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขได้ปลคล็อคการใช้ยากัญชา หรือสารสกัดกัญชาทางการแพทย์ในการรักษาโรคหรือศึกษาวิจัย เมื่อปี 2562 กระแสการใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์ก็เริ่มค่อยๆ ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
ในบทความนี้ HDmall.co.th จะพาไปทำความรู้จักกับสารสกัดกัญชาทางการแพทย์ว่า คืออะไร ใช้รักษาโรคอะไรได้บ้าง และวิธีการใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์อย่างปลอดภัย
สารสกัดกัญชาทางการแพทย์ คืออะไร?
สารสกัดกัญชาทางการแพทย์ (Cannabis Based Medicine) คือ สารออกฤทธิ์ในกัญชาที่มีสรรพคุณในการรักษาโรค เป็นสารในกลุ่มแคนนาบินอยด์ (Cannabinoids) ได้แก่
- เตตราไฮโดรแคนนาบินอยด์ (Tetrahydrocannabinol: THC) มีฤทธิ์ต่อระบบประสาท ช่วยทำให้ผ่อนคลาย นอนหลับได้ง่ายขึ้น ลดอาการคลื่นไส้อาเจียน และกระตุ้นความอยากอาหาร
- แคนนาบิไดอัล (Cannabidiol: CBD) ช่วยลดการอักเสบ อาการชักเกร็ง และมีคุณสมบัติยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์เนื้องอกหลายชนิดในหลอดทดลอง
สารสกัดกัญชาทางการแพทย์ ส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ในรูปของสารสกัดน้ำมันกัญชา อาจมีส่วนประกอบของ THC และ CBD ในขวดเดียว หรือมีแค่สารใดสารหนึ่งก็ได้ โดยจะใช้หยดใต้ลิ้น 1-2 หยด หรือตามคำแนะนำของแพทย์
อย่างไรก็ตาม กัญชาแต่ละสายพันธุ์จะมีสัดส่วนของสารออกฤทธิ์ที่แตกต่างกัน ทำให้ผลการรักษาและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้แตกต่างกันตามไปด้วย จึงควรใช้ผลิตภัณฑ์สารสกัดกัญชาทางการแพทย์ที่ระบุปริมาณของสารออกฤทธิ์ชัดเจน และใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น
สารสกัดกัญชาทางการแพทย์ ใช้รักษาโรคอะไรได้บ้าง?
โรค หรือภาวะที่สามารถใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์รักษาได้ มีข้อมูลงานวิจัยชัดเจน ได้แก่
- ภาวะคลื่นไส้อาเจียนในผู้ที่ได้รับยาเคมีบำบัด
- โรคลมชักที่รักษายาก และโรคลมชักที่ดื้อต่อยารักษา
- ภาวะปวดปลายประสาทที่รักษาด้วยวิธีอื่น ๆ แล้วไม่ได้ผล
- ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็งในผู้ที่เป็นโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง
- ภาวะเจ็บป่วยเรื้อรังในผู้ใหญ่
โรค หรือภาวะที่คาดว่าสามารถใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์รักษาได้ แต่ยังขาดข้อมูลงานวิจัยในด้านของความปลอดภัยและประสิทธิผล ได้แก่
- โรคพาร์กินสัน
- โรคอัลไซเมอร์
- โรควิตกกังวล (Generalised anxiety disorder: GAD)
- โรคปลอกประสาทอักเสบอื่นๆ ที่ไม่ใช่ปลอกประสาทเสื่อมแข็ง
- โรคมะเร็งระยะสุดท้าย หรือโรคอื่นๆ ที่ต้องดูแลแบบประคับประคอง (Palliative care)
- การเพิ่มความอยากอาหาร ลดการสูญเสียน้ำหนักในผู้ติดเชื้อเอชไอวี (HIV)
- ลดอาการภาวะป่วยทางจิตจากเหตุการณ์รุนแรง (Post-Traumatic stress disorder: PTSD)
ใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์อย่างไรให้ปลอดภัย?
แนวทางการใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์ให้ปลอดภัย มีดังนี้
- ควรใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์ภายใต้การดูแลของแพทย์ กับสถานพยาบาลที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณะสุข สามารถตรวจสอบรายชื่อสถานพยาบาลได้ที่ https://www.medcannabis.go.th/คลินิกกัญชา
- การใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์จะใช้ก็ต่อเมื่อยารักษาโรคอื่นๆ ไม่ได้ผล หรือใช้ร่วมกับยารักษาแผนปัจจุบันเพื่อเสริมประสิทธิภาพในการรักษา
- เมื่อเริ่มใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์ ควรใช้ในปริมาณน้อยที่สุดก่อน หากยังไม่ได้ผล จึงค่อยปรับเพิ่มขนาดยาขึ้นทีละน้อย
- หากกำลังรับประทานยารักษาโรคประจำตัว จะต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา เพราะอาจเกิดอันตรกิริยาระหว่างยาได้
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์
การใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง ดังนี้
- ง่วงซึม เวียนศีรษะ
- มองเห็นสีผิดปกติ
- คลื่นไส้
- ท้องผูก
- ความจำ ความสามารถในการตัดสินใจ และควบคุมลดลง
- ความดันโลหิตต่ำ
- ปากแห้ง
- หูแว่ว
- เกิดความผิดปกติทางจิต เช่น ประสาทหลอน หรือซึมเศร้า
เมื่อเกิดผลข้างเคียง หรืออาการผิดปกติหลังจากใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์ ควรแจ้งให้แพทย์ผู้ทำการรักษาทราบทันที
ใครที่ไม่สามารถใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์ได้?
ผู้ที่ไม่สามารถใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์ได้ มีดังนี้
- หญิงตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร เนื่องจากสาร THC สามารถส่งผ่านรก หรือน้ำนมได้ และอาจทำให้มารดามีอาการทางจิตประสาทและอารมณ์แปรปรวนได้
- ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงในการทำร้ายตนเอง
- ผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้า โรคอารมณ์สองขั้ว โรคจิตจากสารเสพติด โรคจิตเภท
- ผู้ที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด
- ผู้ที่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคตับ โรคไต ที่มีอาการรุนแรง
- ผู้ที่มีประวัติแพ้สารสกัดกัญชา
- ผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาด้วยวิธีการดมยาสลบ เพราะอาจทำให้เกิดอาการหัวใจเต้นผิดปกติ ความดันโลหิตแปรปรวน อุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติ หนาวสั่น และทางเดินหายใจอุดกั้นได้
- ผู้ป่วยเด็ก เพราะการใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์จะส่งผลเสียในระยะยาวต่อพัฒนาการทางสมอง ทำให้เชาวน์ปัญญาลดลง
กฎหมายเกี่ยวกับการใช้กัญชาทางการแพทย์
ในปัจจุบัน ยากัญชา หรือสารสกัดกัญชาทางการแพทย์ได้รับการอนุญาตให้ใช้รักษาโรคหรือศึกษาวิจัยอย่างถูกกฎหมายแล้ว แต่ตำรับยาจะต้องได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ทั้งยาแผนปัจจุบันและยาแผนไทย
สามารถตรวจสอบรายชื่อผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์ได้ที่ https://www.medcannabis.go.th/ผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์/ยาสารสกัดกัญชา
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสารสกัดกัญชาทางการแพทย์จะได้รับอนุญาตแล้ว แต่ทุกส่วนของพืชกัญชา ทั้งใบ ดอก ยอด ผล รวมทั้งวัตถุหรือสารต่างๆ เช่น ยาง น้ำมัน ยังจัดเป็นยาเสพติดอยู่
สิ่งที่ได้รับการยกเว้นมีเพียงสารสกัดในกัญชาเท่านั้น ได้แก่ สาร CBD บริสุทธิ์ มากกว่า หรือเท่ากับ 99% ที่มี THC เจือปนไม่เกิน 0.01% และสารสกัดกัญชาที่มี CBD เป็นหลัก และมี THC ไม่เกิน 0.2%
การใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์ หรือยากัญชา ไม่มีวางจำหน่ายทั่วไป ไม่สามารถซื้อมาใช้ด้วยตนเองได้ เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้หลายอย่าง เพื่อความปลอดภัย ควรใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกัญชา
หากมีอาการผิดปกติ หรือรู้สึกไม่สบาย ควรเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาด้วยยาแผนปัจจุบันก่อน เนื่องจากสารสกัดกัญชาทางการแพทย์ได้รับการแนะนำให้ใช้ในกรณีที่การรักษาด้วยยาแผนปัจจุบันไม่ได้ผล หรือใช้เสริมกับยาแผนปัจจุบันเท่านั้น
สนใจตรวจสุขภาพร่างกาย สามารเปรียบเทียบ ราคาและแพ็กเกจตรวจสุขภาพชายและหญิงของแต่ละโรงพยาบาลได้ที่นี่ หรือจองผ่านไลน์ @HDcoth มีแอดมินใจดีให้บริการจองคิวนัดหมายกับโรงพยาบาล ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9 โมงเช้าถึงตีหนึ่ง ไม่เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์!
ที่มาของข้อมูล
ปิด
ปิด
- กระทรวงสาธารณสุข, กัญชาเพื่อการรักษา กับคำถามที่พบบ่อย (http://healthydee.moph.go.th/view_article.php?id=653), 27 ธันวาคม 2564.
- กรมการแพทย์, คำแนะนำการใช้กัญชาทางการแพทย์ (https://mnfda.fda.moph.go.th/narcotic/wp-content/uploads/2021/04/Guidance-Updated-v-update-V.4260464.pdf), 27 ธันวาคม 2564.
- กระทรวงสาธารณสุข, ปลดล็อค...กัญชาทางการแพทย์เสรี (https://www.medcannabis.go.th/คำถามที่พบบ่อย/กฏหมาย), 27 ธันวาคม 2564.
- แพทยสภา, สารสกัดกัญชาในทางการแพทย์ (https://tmc.or.th/pdf/fact/Info_cannabis_for_doctor.pdf), 27 ธันวาคม 2564.
- ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดตำรับยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ ที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่ที่ให้เสพเพื่อรักษาโรคหรือการศึกษาวิจัยได้ พ.ศ. ๒๕๖๒ (http://cannabis.fda.moph.go.th/wp-content/uploads/PDF/law/ประกาศกระทรวงสาธารณสุข-เรื่อง-กำหนดตำรับยาเสพติดให้โทษในประเภท-5-ที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่-ที่ให้เสพเพื่อรักษาโรคหรือการศึกษาวิจัยได้-พ.ศ.-2562.pdf), 27 ธันวาคม 2564.