นวดอโรมา อีกรูปแบบการนวดผ่อนคลาย พร้อมสูดกลิ่นน้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาติ

นอกเหนือจากกิจกรรมเดินช็อปปิ้ง ดูหนัง ฟังเพลง หรือพบปะเพื่อนฝูง อีกกิจกรรมผ่อนคลายความเครียดที่หลายคนนิยมทำกันก็คือ การไปนวด ซึ่งเป็นอีกแนวทางสร้างความผ่อนคลายและยังช่วยบำบัดความตึงเครียดให้กับทั้งจิตใจและกายได้อย่างล้ำลึก

การนวดในปัจจุบันแบ่งออกได้หลายรูปแบบ โดยในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกการนวดอโรม่า ซึ่งแนวทางการนวดเพื่อผ่อนคลายร่างกายอีกรูปแบบหนึ่งที่น่าสนใจ

นวดอโรม่าคืออะไร?

นวดอโรม่า (Aroma Massage) คือ ศาสตร์การนวดอีกแขนงหนึ่งที่มุ่งเน้นการใช้น้ำมันหอมระเหย (Essential Oil) เข้ามาเป็นเครื่องมือสำคัญประกอบการนวดเพื่อสร้างความผ่อนคลายให้กับร่างกาย จัดเป็นอีกประเภทการนวดที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน

นวดอโรม่าช่วยอะไร?

การนวดอโรม่ามีประโยชน์หลักๆ ในด้านการเพิ่มความผ่อนคลาย รายละเอียดมีดังต่อไปนี้

  • คลายเส้นให้กับกล้ามเนื้อที่ตึงเครียดจากการทำกิจกรรมหนักๆ มาเป็นระยะเวลานาน เช่น การเดินเยอะๆ การออกกำลังกาย การนั่งทำงานอยู่กับที่เป็นเวลานานๆ
  • สร้างความผ่อนคลายให้กับจิตใจที่กำลังตึงเครียดหรือวิตกกังวล ผ่านการสัมผัสกลิ่นหอมของน้ำมันนวด
  • เพิ่มคุณภาพการนอนหลับ ทำให้ผู้เข้ารับบริการมีปัญหานอนหลับยากสามารถนอนหลับได้ง่ายขึ้น
  • กระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต ให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้อย่างทั่วถึง ผ่านการกดน้ำหนักและรีเส้นตามจุดต่างๆ ของผิวหนังและกล้ามเนื้อ
  • ขับลมปราณ สร้างสมดุลให้กรดและแก๊สภายในร่างกาย

น้ำมันนวดอโรม่าที่นิยมมีอะไรบ้าง?

น้ำมันที่ใช้ประกอบการนวดอโรม่าแบ่งออกได้หลากหลายชนิด ส่วนมากสกัดมาจากสมุนไพรหรือดอกไม้ธรรมชาติที่มีกลิ่นหอม และมีสรรพคุณช่วยเสริมความผ่อนคลายให้กับผู้เข้ารับบริการได้เป็นอย่างดี

ในร้านนวดชั้นนำหลายแห่งยังมีการคิดค้นน้ำมันอโรม่าสูตรของตัวเองขึ้นมา เพื่อเพิ่มเอกลักษณ์ของกลิ่นน้ำมันและเป็นตัวเลือกในการรับบริการให้กับลูกค้าที่สนใจอีกด้วย

โดยตัวอย่างกลิ่นน้ำมันอโรม่าที่ผู้เข้ารับบริการนิยมเลือกใช้ ได้แก่

  • น้ำมันกลิ่นลาเวนเดอร์
  • น้ำมันกลิ่นเบอร์กาม็อท
  • น้ำมันกลิ่นคาโมมาย
  • น้ำมันกลิ่นวานิลลา
  • น้ำมันกลิ่นกุหลาบ
  • น้ำมันกลิ่นซีดาร์วูด
  • น้ำมันกลิ่นเจอราเนียม
  • น้ำมันกลิ่นซิตรัส หรือกลิ่นส้ม

นวดอโรม่าต่างกับนวดแบบอื่นอย่างไร?

นอกเหนือจากการนวดอโรม่า ก็ยังมีศาสตร์การนวดแบบอื่นๆ ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ เช่น

  • การนวดสวีดิช (Swedish Massage)
  • การนวดสปอร์ต (Sport Massage)
  • การนวดทุยหน่า หรือนวดกดจุด (Tuina)
  • การนวดแผนไทย (Thai Massage)
  • การนวดจัดกระดูก (Chiropractic)

ศาสตร์การนวดเหล่านี้มีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อฟื้นฟูและรักษากล้ามเนื้อ หรือเพื่อรักษาสุขภาพที่มีความผิดปกติเกิดขึ้น ต่างจากการนวดแบบอโรม่าที่เป็นการนวดในระดับเพื่อสร้างความผ่อนคลายให้กับร่างกายและจิตใจ แต่ไม่ได้ลงลึกไปถึงขั้นช่วยรักษา หรือป้องกันอาการผิดปกติของร่างกายได้

อีกความแตกต่างที่เห็นได้ชัดของการนวดโรม่าก็คือ “น้ำมัน” ศาสตร์การนวดแบบอื่นๆ จะไม่ได้มีการใช้น้ำมันเข้ามาเป็นเครื่องมือช่วยประกอบการนวดเสมอไป แต่การนวดอโรม่าจะต้องมีการใช้น้ำมันหอมระเหยเข้ามาเป็นส่วนประกอบในการนวดทุกครั้ง ถือเป็นเอกลักษณ์สำคัญที่ขาดไม่ได้ในการนวดรูปแบบนี้เลยก็ว่าได้

นวดอโรม่าต่างกับนวดออยไหม?

การนวดอโรม่ากับการนวดออยเรียกได้ว่า เป็นแนวทางการนวดที่ทับซ้อนกันอยู่ก็เป็นได้ เพราะมีแนวทางการให้บริการคล้ายคลึงกัน นั่นก็คือ มีการใช้น้ำมันเข้ามาเป็นส่วนประกอบของการนวดด้วย

ในร้านนวดบางแห่งเรียกการนวดอโรม่าในอีกชื่อว่า การนวดน้ำมันหรือการนวดออย ดังนั้นหากจะบอกว่า การนวด 2 รูปแบบนี้เป็นการนวดประเภทเดียวกันก็ไม่ผิดนัก

อย่างไรก็ตาม การนวดออยกับการนวดอโรม่าก็ยังมีความแตกต่างเล็กน้อยที่ซ่อนอยู่ โดยการนวดออยในบางร้านนวดจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับกลิ่นหรือประเภทของน้ำมันหอมระเหยมากเท่ากับนวดอโรม่า และอาจมีการนวดลงน้ำหนักที่เข้มข้นกว่า ขึ้นอยู่กับแนวทางการให้บริการของแต่ละร้าน

ในขณะที่การนวดอโรม่าจะมีแนวทางการให้บริการที่ชัดเจนกว่า นั่นคือ การใช้กลิ่นและประเภทของน้ำมันที่หลากหลายเข้าบำบัดสร้างความผ่อนคลายให้กับผู้เข้ารับบริการ และไม่มีการนวดลงน้ำหนักที่แรงเกินไป โดยจะอยู่ในระดับน้ำหนักที่เบาจนถึงปานกลางเท่านั้น

นวดอโรม่าบ่อยๆ ได้ไหม?

ปัจจุบันยังไม่มีกฎข้อห้ามเกี่ยวกับความถี่ในการรับบริการนวด ผู้เข้ารับบริการสามารถเข้าไปรับบริการนวดอโรม่าได้บ่อยๆ ตามที่ต้องการ

อย่างไรก็ตาม การนวดบ่อยเกินไปก็อาจทำให้ระบบไหลเวียนเลือด กล้ามเนื้อ หรือกระดูกที่ถูกกดลงน้ำหนักจากการนวดบ่อยๆ เกิดปัญหาช้ำได้

หากคุณชื่นชอบการนวดอโรม่า ก็อาจลองแบ่งเวลานวดในความถี่ประมาณ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อไม่ให้ร่างกายบอบช้ำมากเกินไป และมีการเว้นเวลาให้ร่างกายได้พักบ้าง หรืออาจปรึกษากับผู้ให้บริการก่อนตัดสินใจก็ได้

ใครเหมาะกับการนวดอโรม่า

  • ผู้ที่ต้องการหากิจกรรมยามว่างทำภายใต้บรรยากาศที่เงียบสงบ และมีกลิ่นหอมจากน้ำมันหอมระเหย
  • ผู้ที่อยากผ่อนคลายความเครียด ความวิตกกังวล หรือสภาวะความวุ่นวายทางจิตใจ ผ่านการกดนวดกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกาย
  • ผู้ที่รู้สึกกล้ามเนื้ออ่อนล้า และอยากนวดคลายเส้นในรูปแบบที่ได้สัมผัสกลิ่นหอมจากธรรมชาติ ร่วมกับมีการนวดที่ไม่ลงน้ำหนักแรงเกินไปจนรู้สึกเจ็บ
  • ผู้ที่ชื่นชอบการสูดกลิ่นหอมจากน้ำมันที่สกัดจากดอกไม้หรือพืชธรรมชาติชนิดต่างๆ

ใครไม่เหมาะกับการนวดอโรม่า

แม้การนวดอโรม่าจะเป็นกิจกรรมที่ช่วยให้ผ่อนคลาย มีประโยชน์หลายข้อ แต่สำหรับบางคนที่มีโรคประจำตัวบางชนิด หรือเงื่อนไขบางอย่าง ก็ไม่ควรรับบริการนวดอโรม่า เพราะอาจเกิดผลเสียหรืออันตรายก็เป็นได้ โดยผู้ที่ไม่ควรนวดอโรม่า มีดังต่อไปนี้

  • ผู้ที่กล้ามเนื้อมีอาการบาดเจ็บและต้องการการนวดในเชิงบำบัดรักษา การนวดอโรม่าอาจไม่ตอบโจทย์ปัญหานี้ เนื่องจากมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความผ่อนคลายเป็นหลัก ไม่ใช่เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ
  • สตรีมีครรภ์ ถึงแม้การนวดอโรม่าจะไม่ได้เป็นการนวดที่กดน้ำหนักแรง และน้ำมันนวดส่วนมากก็สกัดมาจากธรรมชาติ แต่ในพืชผลบางชนิด กลิ่นและสรรพคุณของมันก็สามารถสร้างผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ต่อการตั้งครรภ์ได้ และยังไม่ควรเสี่ยงไปรับบริการจนกว่าจะคลอดบุตร
  • ผู้หญิงที่กำลังมีประจำเดือน เพราะการกดนวดอาจทำให้เกิดอาการไข้ขึ้นหรือปวดท้องประจำเดือนกว่าเดิมได้
  • ผู้ที่มีอาการแพ้น้ำมันหรือดอกไม้บางชนิด เพราะมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแพ้น้ำมันหอมระเหยที่ใช้ในการนวดอโรม่าจนอาการภูมิแพ้กำเริบหนักได้
  • ผู้ที่กำลังมีไข้ เพราะการนวดทุกรูปแบบจะไปกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดให้ทำงานมากขึ้น ซึ่งเสี่ยงทำให้ไข้สูงขึ้นกว่าเดิมได้
  • ผู้ที่กำลังเป็นโรคติดเชื้อหรือโรคติดต่อทุกชนิด เพราะมีความเสี่ยงที่ผู้ป่วยจะแพร่กระจายเชื้อไปถึงผู้ให้บริการด้วย
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับระบบไหลเวียนเลือด เพราะอย่างที่กล่าวไปในข้างต้นว่า การนวดจะไปกระตุ้นให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานมากขึ้น ซึ่งก็อาจไปกระทบต่ออาการของโรค ส่งผลให้มีอาการแสดงรุนแรงขึ้นกว่าเดิมได้
  • ผู้ป่วยภาวะหรือโรคเกี่ยวกับกระดูก เพราะการกดนวดอาจไปสร้างความเสียหายให้กับกระดูกที่กำลังผิดปกติมากกว่าเดิม
  • ผู้ป่วยโรคมะเร็ง เพราะเชื้อมะเร็งสามารถแพร่กระจายผ่านทางหลอดเลือดได้ การกดนวดซึ่งเป็นการกระตุ้นการทำงานของระบบไหลเวียนเลือดอาจยิ่งไปเร่งทำให้เชื้อมะเร็งแพร่กระจายลุกลามมากขึ้น
  • ผู้ป่วยโรคเบาหวาน เพราะมีโอกาสที่การนวดจะทำให้กล้ามเนื้อเจ็บหรือช้ำกว่าเดิม ซึ่งจากอาการของโรคนี้จะทำให้กล้ามเนื้อกลับมาฟื้นฟูหายได้ช้ากว่าปกติ
  • ผู้ที่มีแผลสดหรือผิวหนังเปิด ควรรักษาผิวให้หายเสียก่อน เพราะการสัมผัสผิวหนังจากการนวดอาจทำให้แผลติดเชื้อและหายช้ากว่าเดิมได้

นวดอโรม่าต้องถอดเสื้อผ้าหมดไหม?

การนวดอโรม่าไม่จำเป็นต้องถอดเสื้อผ้าออกหมดทุกชิ้น แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการให้บริการในร้านนวดแต่ละแห่ง เนื่องจากการนวดอโรม่าเป็นการนวดที่ต้องทาน้ำมันลงไปบนผิวที่เปิดเปลือย บางครั้งการใส่เสื้อผ้าก็อาจสร้างข้อจำกัดในการให้บริการได้

โดยส่วนมากร้านนวดจะอนุญาตให้ผู้เข้ารับบริการใส่กางเกงชั้นในเอาไว้ในระหว่างนวดได้ หรือร้านนวดบางแห่งก็อาจให้ผู้เข้ารับบริการถอดเสื้อออกจนหมด แต่จะมีการใช้ผ้าขนหนูปกปิดในส่วนของจุดซ่อนเร้นและบริเวณหน้าอกให้ เพื่อสร้างความสบายใจให้กับผู้ที่รู้สึกไม่สะดวกใจ

หากคุณรู้สึกไม่สบายใจในประเด็นนี้ ก็สามารถสอบถามทางร้านนวดล่วงหน้าก่อนเกี่ยวกับเงื่อนไขการแต่งกายระหว่างรับบริการ เพื่อให้ช่วงเวลาระหว่างรับการนวดเป็นไปด้วยความผ่อนคลาย และปราศจากความวิตกกังวลอย่างแท้จริง

การเตรียมตัวก่อนนวดอโรม่า

  • หากมีโรคประจำตัว อาการแพ้เกสรดอกไม้ น้ำมันหอมระเหย หรือพืชพันธุ์ธรรมชาติชนิดใด ให้แจ้งทางร้านล่วงหน้าก่อนรับบริการ หรือหากไม่แน่ใจในเงื่อนไขด้านสุขภาพของตนเอง ให้ปรึกษาแพทย์ล่วงหน้าก่อนรับบริการ
  • ไม่ควรกินอาหารก่อนมารับบริการมากเกินไป เพราะการกดนวดอาจทำให้รู้สึกจุกเสียด หรืออยากอาเจียนระหว่างรับบริการนวดได้
  • สวมใส่เสื้อผ้าที่ถอดออกง่าย เพื่อสะดวกต่อการเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนและหลังรับบริการ
  • อาบน้ำมาก่อน หรือสอบถามว่าทางร้านนวดมีห้องอาบน้ำให้ก่อนเข้ารับบริการหรือไม่
  • ดื่มน้ำให้มากๆ เพราะการนวดจัดเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้น้ำระเหยออกจากร่างกาย จึงมีความเสี่ยงที่ร่างกายจะขาดน้ำได้หลังรับบริการเสร็จ

ขั้นตอนการนวดอโรม่า

กระบวนการนวดอโรม่าอาจแตกต่างกันไปตามรูปแบบการให้บริการของร้านนวดแต่ละแห่ง โดยส่วนมากจะเวลาประมาณ 40-60 นาที ขั้นตอนหลักๆ อาจมีดังนี้

  1. เริ่มต้นจากผู้เข้ารับบริการอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดก่อน จากนั้นถอดเสื้อผ้า แล้วนอนลงกับเตียงนวด
  2. เจ้าหน้าที่จะเริ่มทาน้ำมันหอมระเหยลงที่เนื้อผิว แล้วค่อยๆ กดนวดลงที่ผิวกายทีละส่วนตามลำดับ
  3. ในบางท่า ผู้เข้ารับบริการอาจต้องนอนคว่ำลง หรือนอนตะแคง แล้วแต่เทคนิคการให้บริการ
  4. จากนั้นเมื่อการนวดเสร็จสิ้น ร้านนวดบางแห่งอาจให้ผู้เข้ารับบริการอาบน้ำหลังจากนวดเสร็จด้วย หลังจากนั้นเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วสามารถเดินทางกลับบ้านได้

การดูแลตัวเองหลังนวดอโรม่า

โดยทั่วไปหลังจากนวดเสร็จแล้ว ผู้เข้ารับบริการสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ไม่ต้องมีการดูแลตนเองเป็นพิเศษแต่อย่างใด เพียงแต่ควรดื่มน้ำให้มากๆ เพื่อให้น้ำที่ระเหยไปจากร่างกายระหว่างนวดได้รับการเติมเต็มให้เพียงพอต่อร่างกายอีกครั้ง

การนวดอโรม่าจัดเป็นตัวเลือกกิจกรรมยามว่างในน่าสนใจอย่างหนึ่ง หากคุณรู้สึกเบื่อหน่ายกิจกรรมที่ทำอยู่แบบเดิมๆ และอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศมาอยู่ท่ามกลางสถานที่ที่เงียบสงบ มีกลิ่นหอมจากน้ำมันหอมระเหยอบอวลอยู่รอบกาย และได้รับการนวดผ่อนคลายในระดับที่เบาสบาย ไม่รุนแรงจนเกินไป การนวดอโรม่าจัดเป็นรูปแบบการนวดที่คุณควรลองมาสัมผัสสักครั้ง

Scroll to Top