เลเซอร์รอยสิว ทางเลือกหน้าใส ไร้สิวเร็วทันใจ


เลเซอร์รอยสิว

สิวนับเป็นปัญหาหนักใจของคนทุกเพศ ทุกวัยตลอดมา จากสิวเม็ดเล็กๆ กลายเป็นรอยแดง และรอยดำ ซึ่งบางคนรอยสิวไม่จางหายไปอย่างที่ควรจะเป็น บางคนกว่าร่องรอยจะหายต้องใช้เวลานาน หรือบางคนรอยสิวไม่หายกลับกลายเป็นปัญหาใหญ่บนใบหน้าไปอีกหลายปี

แม้ที่ผ่านมาจะมีวิธีเร่งให้รอยสิวหายเร็วขึ้น เช่น การรับประทานยาหรือวิตามินที่ช่วยลดรอยสิว การทำทรีตเมนต์ผิวหน้าเพื่อผลัดเซลล์ผิวด้วยกรดผลไม้ (AHA / BHA) ที่มีความเข้มข้นสูง หรือการกำจัดรอยสิวด้วยผลไม้หรือสมุนไพร เช่น มะนาว น้ำผึ้ง ว่านหางจระเข้ มะขามเปียก เป็นต้น แต่ผลลัพธ์ที่ได้อาจใช้เวลานาน

HDmall.co.th จึงได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการเลเซอร์รอยสิว ซึ่งเป็นวิธีการรักษารอยสิวที่มีประสิทธิภาพสูงมาฝากกัน เพราะการเลเซอร์รอยสิวให้ผลลัพธ์ชัดเจนและรวดเร็ว นอกจากจะทำให้ร่องรอยสิวจางหายรวดเร็วแล้ว ยังทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนใสได้ทันใจอีกด้วย


เลือกอ่านข้อมูลเลเซอร์รอยสิวได้ที่นี่

ขยาย

ปิด


เลเซอร์รอยสิวคืออะไร?

เลเซอร์รอยสิว คือ การแก้ปัญหารอยสิวด้วยพลังงานแสงเลเซอร์เข้มข้นสูง และใช้ช่วงความถี่ที่เหมาะสม โดยยิงลำแสงเลเซอร์ลงไปบนผิวหนังที่ต้องการลบรอยสิว เพื่อกำจัดผิวหนังชั้นนอกที่มีรอยดำหรือรอยแดงให้จางลง และกระตุ้นผิวหนังให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทน ซึ่งจะช่วยกระชับรูขุมขนบนใบหน้า และส่งผลให้ผิวแลดูเรียบเนียนใสขึ้น

โดยทั่วไปรอยสิวมี 2 ชนิดหลักๆ ได้แก่

  • รอยสิวแดง (Post-Inflammatory Erythema: PIE) คือ รอยจุดสีชมพูถึงแดงหลังการเกิดสิว พบในผู้ที่มีผิวค่อนข้างขาวหรือผู้ที่ผิวบาง เกิดจากการอักเสบของสิวจากการบีบ แคะ แกะสิว จนเกิดอาการบวมช้ำ ทำให้มีเส้นเลือดฝอยคั่งบริเวณจุดอักเสบมาก ซึ่งหลังการอักเสบหายก็ยังเหลือร่องรอยการอักเสบ บวม และการขยายตัวของเส้นเลือดฝอยชัดเจน
  • รอยสิวดำ (Post-Inflammatory Hyperpigmentation: PIH) คือ รอยจุดสีน้ำตาลถึงสีดำหลังการเกิดสิว พบในผู้ที่มีสีผิวค่อนไปทางเข้มเพราะผิวมีการผลิตเม็ดสีมากกว่าผู้ที่มีผิวขาว รอยดำเกิดขึ้นหลังการอักเสบจากการแกะ บีบสิว แล้วโดนแสงแดดมาก ผิวหนังจึงถูกกระตุ้นให้สร้างเม็ดสี (Melanocyte) ผลิตเม็ดสี (Melanin) ออกมามากขึ้น ทำให้เกิดเป็นร่องรอยคล้ำ หรือดำ ปรากฎเด่นชัด

เลเซอร์รอยสิวแต่ละแบบต่างกันยังไง?

เครื่องเลเซอร์รอยสิวส่วนมากใช้รักษาสิวได้ทุกชนิด ขึ้นอยู่กับการเลือกความถี่ที่เหมาะสมกับชนิดของสิว ซึ่งประเภทเลเซอร์รอยสิว มีดังนี้

  • Intense Pulsed Light: IPL) เป็นเลเซอร์แก้ปัญหาผิว โดยใช้แสงกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง เพื่อช่วยรักษารอยแดง รอยดำจากสิว ด้วยการทำลายเม็ดสีผิวที่มีความเข้ม แล้วกระตุ้นสีผิวกลับเป็นสีปกติ
  • Fraxel Dual Laser เป็นเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่นแตกต่างกันสองชนิด คือ ความยาวคลื่น 1550 นาโนเมตร และ 1927 นาโนเมตร โดยเลเซอร์ความยาวคลื่น 1550 นาโนเมตร จะใช้ในการรักษารอยแผลเป็นจากสิว และช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิว ส่วนเลเซอร์ความยาวคลื่น 1927 นาโนเมตร จะช่วยลดการสร้างเม็ดสีผิวที่ผิดปกติ การรักษาด้วยวิธีนี้จะช่วยลดรอยแผล รอยแดง รอยดำจากสิว และทำให้แผลจากหลุมสิวตื้นขึ้น
  • Fractional Laser เป็นวิธีรักษาผิวทีละส่วนด้วยการใช้เลเซอร์อนุภาคลำแสงขนาดเล็กมากเจาะลึกลงไปใต้ผิวหนังเพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพ กระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวหนังที่แข็งแรงขึ้นมาช่วยแก้ปัญหาหลุมสิว หลุมแผลเป็น และทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
  • Puled Dye Laser: PDL) หรือ V-Beam Laser เป็นวิธีที่ช่วยให้เกิดการจัดเรียงของเส้นเลือดใต้ผิวใหม่ แก้ไขปัญหาเส้นเลือดฝอยบนใบหน้า ลดริ้วรอยและจุดด่างดำ รอยดำ รอยแดงจากสิว ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้รู้ขุมขนเล็กลง ผิวเรียบเนียนขึ้น
  • Fractional CO2 Laser เป็นวิธีรักษาด้วยการยิงเลเซอร์เพื่อกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ และผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดลอกออกไป ทำให้ผิวเรียบเนียนใสขึ้น กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้รอยแผลเป็น รอยแดง รอยดำจากสิวจางลง และช่วยให้หลุมสิวตื้นขึ้น
  • PhotoDynamic therapy: PDT) เป็นวิธีที่ช่วยลดการทำงานของต่อมไขมัน ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดสิว ทำให้รูขุมขนดูกระชับ ลดเลือนริ้วรอย จุดด่างดำ รอยแดง และรอยดำจากสิว ทำให้ผิวหน้าใสเรียบเนียนขึ้น

เลเซอร์รอยสิวแบบไหนดี?

เลเซอร์รอยสิวที่เป็นที่นิยม แบ่งออกเป็น 3 รูปแบบด้วยกัน ดังนี้

  1. เลเซอร์ผลัดเซลล์ผิว (Ablative Laser resurfacing) คือ เลเซอร์ด้วยคาร์บอนไดออกไซด์หรืออาจใช้การเลเซอร์ด้วยลำแสงที่มีความเข้มข้นสูง (YAG laser) เพื่อขจัดเซลล์ผิวชั้นบน เหมาะสำหรับผู้ที่มีรอยสิวลึก
  2. เลเซอร์ที่ไม่ทำให้ผิวลอก (Non-Ablative Laser Resurfacing) คือ เลเซอร์ด้วยแสงอินฟาเรดที่เจาะลงไปในชั้นผิวหนัง เพื่อกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาแทนรอยสิวที่หายไป
  3. เลเซอร์ที่ทำให้ผิวลอกเฉพาะส่วน (Fractionated Laser Resurfacing) คือ เลเซอร์แบบลอกผิวทีละส่วน เพื่อป้องกันเนื้อเยื่อใต้ผิวบริเวณอื่นๆ ถูกรบกวน โดยวิธีนี้จะช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน และขจัดเซลล์ผิวชั้นบนสุดของผิวหนัง เพื่อให้รอยสิวดูจางลง

เลเซอร์รอยสิวเหมาะกับใคร?

การเลเซอร์รอยสิว คือ การใช้พลังงานคลื่นแสงเข้าไปทำลายเม็ดสีให้แตกละเอียด เพื่อให้ร่างกายสามารถกำจัดเม็ดสีออกไปได้ง่ายขึ้น โดยผู้ที่เหมาะกับการรักษารอยสิวด้วยเลเซอร์ ได้แก่

  • ผู้ที่ต้องการลบรอยสิวบนใบหน้าให้หายไป และเรียบเนียนกระจ่างใสขึ้น
  • ผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยแผลเป็น หรือร่องลึกจากสิว ให้ลดเลือนและจางลง
  • ผู้ที่ต้องการกระตุ้นเซลล์ผิวให้สร้างคอลลาเจนมากขึ้น ภายหลังการมีสิว
  • ผู้ที่มีปัญหาผิวพรรณเกี่ยวกับริ้วรอยหมองคล้ำ อาการไหม้ ผิวหนังหย่อนคล้อยจากสิว เลเซอร์จะช่วยปรับสภาพผิว และช่วยลบร่องรอยที่เป็นปัญหาออกไป
  • ผู้ที่ไม่เป็นโรคเบาหวาน โรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือโรคเกี่ยวกับเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน
  • ผู้ที่ไม่เคยรับการรักษาด้วยการฉายรังสีที่ใบหน้า
  • ผู้ที่ไม่ตั้งครรภ์หรืออยู่ในระหว่างให้นมบุตร

การเตรียมตัวก่อนเลเซอร์รอยสิว

  • หลีกเลี่ยงจากแสงแดดก่อนทำเลเซอร์อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
  • งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรด AHA/BHA
  • งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ อย่างน้อย 2 สัปดาห์
  • งดรับประทานยาแอสไพรินหรืออาหารเสริมก่อนการรักษาประมาณ 2 สัปดาห์ หากต้องใช้ยารักษาโรค ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทำเลเซอร์
  • งดใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนประกอบของเรตินอลและกรดไกลโคลิก (Glycolic Acid) เป็นเวลา 2-4 สัปดาห์
  • หมั่นทาครีมกันแดดอยู่เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ ก่อนทำเลเซอร์
  • กรณีผู้ที่เป็นเริมมาก่อน ควรรับประทานยาเพื่อป้องกันเริมกลับมา

ขั้นตอนการเลเซอร์รอยสิว

ขั้นตอนและเวลาที่ใช้ในการเลเซอร์สิวจะขึ้นอยู่กับ ปัญหาของผู้รับบริการว่ามีจำนวนและปริมาณร่องรอยมากน้อยแค่ไหน รวมไปถึงประเภทของเลเซอร์ และประสิทธิภาพของเครื่องที่ใช้ แต่โดยทั่วไป การเลเซอร์รอยสิว มีขั้นตอนดังนี้

  1. ทำความสะอาดผิวหน้าและล้างเครื่องสำอางออกให้หมด ก่อนทำเลเซอร์
  2. ใช้เจลประคบเย็น บางกรณีอาจใช้ยาชาทาบนหัวสิวก่อนประมาณ 45 นาที เพื่อให้รู้สึกสบายและไม่เจ็บระหว่างทำ
  3. แพทย์ยิงเลเซอร์ไปยังบริเวณที่เป็นรอย และหากมีหัวสิวจะเปิดหัวสิวก่อนการยิงเลเซอร์ ลำแสงจากเลเซอร์จะทำให้ ผิวหนังที่หุ้มหัวสิวอยู่เกิดเป็นรูเล็กๆ เพื่อจะกดเอาก้อนไขมันที่อยู่ข้างใต้ออกมาโดยใช้อุปกรณ์กดสิว โดยขั้นตอนการ ยิงเลเซอร์จะใช้เวลาประมาณ 10-30 นาที
  4. แพทย์แนะนำการดูแลตัวเองหลังการเลเซอร์

การดูแลตัวเองหลังเลเซอร์รอยสิว

โดยการเลเซอร์สิวอุดตันจะมีสะเก็ดหลุดออกมาภายใน 3 - 7 วัน ซึ่งสะเก็ดจะหลุดเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพผิวมันสะเก็ดจะหลุดเร็วกว่าสภาพผิวแห้ง หรือการทาครีม ล้างหน้าอย่างอ่อนโยน ช่วยให้สะเก็ดหลุดเร็วขึ้น เป็นต้น เมื่อสะเก็ดหลุดอาจทำให้ผิวบริเวณนั้นมีรอยแดง หรือดำเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะเมื่อโดนแดด ดังนั้นหลังทำเลเซอร์ถึงช่วงสะเก็ดหลุดใหม่ๆ ควรหลีกเลี่ยงการโดนแดดจัด และควรทาครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพเป็นประจำ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจ และภายหลังเลเซอร์สิว ควรดูแลตัวเอง ดังนี้

  • งดล้างหน้าหรือระวังไม่ให้หน้าโดนน้ำภายใน 24 ชั่วโมงแรก
  • กรณีมีการเจาะหัวสิวหลายๆ จุด และมีรอยแดงหรือการระคายเคือง ให้งดทายาสิวบางตัวที่แพทย์แนะนำ ให้รับประทานยาแก้อักเสบแทน อย่างน้อย 1 สัปดาห์
  • งดใช้เครื่องสำอางประมาณ 1 สัปดาห์
  • หลีกเลี่ยงการเผชิญกับแสงแดดจัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์
  • หลีกเลี่ยงใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนประกอบของน้ำมันประมาณ 2-3 เดือน เพื่อป้องกันการอุดตันรูขุมขน
  • ล้างหน้าอย่างอ่อนโยน และหลีกเลี่ยงการรบกวนผิว เช่น การแกะเกา การสครับผิว หลังเลเซอร์จนกว่าร่องรอยจะหายไป
  • ทาครีมบำรุงผิว หรือ มอยส์เจอร์ไรเซอร์ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวและป้องกันการเกิดสะเก็ดหลังเลเซอร์สิว
  • ทาครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพในการปกป้องผิวอย่างสม่ำเสมอ

เลเซอร์รอยสิวใช้เวลานานไหม?

โดยทั่วไปการทำเลเซอร์เพื่อรักษารอยดำ รอยแดง และรอยสิว ใช้เวลาทำเพียงประมาณครั้งละ 10-30 นาทีเท่านั้น

เลเซอร์รอยสิวกี่ครั้งหาย?

แพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับจำนวนครั้งที่ผู้รับบริการควรทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่พึงพอใจ โดยพิจารณาจากระดับปัญหา ขนาดและจำนวนรอยสิวบนใบหน้า หากเป็นรอยสิวแดง ควรรักษาต่อเนื่องประมาณ 4-5 ครั้ง ทุกๆ 3-4 สัปดาห์ จะสามารถเห็นผิวหนังที่มีรอยแดงดีขึ้น และในแต่ละครั้งของการรักษาจะสามารถเห็นผลลัพธ์ชัดเจนหลัง 2 สัปดาห์ขึ้นไป ทั้งนี้การทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป จะช่วยป้องกันผิวและไม่ทำผิวที่เลเซอร์ถูกกระตุ้นให้เกิดรอยแดงมากขึ้น จะช่วยให้การรักษาเห็นผลได้ดีขึ้น

ส่วนรอยสิวดำจะใช้ระยะเวลานานกว่า และจำนวนครั้งมากกว่า เนื่องจากรอยสิวดำเป็นการอักเสบที่เนื้อเยื่อผิวเสียหาย จนกระตุ้นให้ร่างกายผลิตเม็ดสีเมลานินมากขึ้น ผิวเปลี่ยนเป็นสีดำหรือสีน้ำตาล โดยปกติรอยสิวดำอาจใช้ระยะเวลาประมาณ 3 เดือน ถึง 2 ปี กว่าจะจางลง แต่การเลเซอร์จะทำให้รอยดำหายไปในเวลาเร็วขึ้น แต่ก็ขึ้นอยู่กับ ขนาดรอยดำ เล็ก ใหญ่ ระยะเวลาที่เป็น และความเสียหายมากน้อยของเนื้อเยื่อที่เกิดขึ้นด้วย

เลเซอร์รอยสิวเจ็บไหม?

ระหว่างการเลเซอร์รอยสิว ผู้รับบริการจะรู้สึกเย็น เพราะลมเย็นที่ปล่อยออกจากเครื่องเลเซอร์ หลังจากนั้นรู้สึกแปลบๆ เมื่อเลเซอร์ยิงลงไปที่ผิว อาจรู้สึกเจ็บในระดับที่สามารถทนได้ จึงไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา แต่หลังจากเลเซอร์ผิวจะแดงขึ้นเล็กน้อย แล้วจะจางหายไปในวันรุ่งขึ้นและไม่ทิ้งรอยในการเลเซอร์ไว้บนหน้า

การเลเซอร์รอยสิวเป็นวิธีขจัดร่องรอยสิวที่มีประสิทธิภาพและให้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจสูง แต่การแก้ปัญหาสิวที่ดีควรแก้ที่ต้นเหตุ โดยหลังการเลเซอร์แล้ว ควรป้องกันการกลับมาเป็นสิวอีก ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่อาจก่อให้เกิดสิวในชีวิตประจำวัน การดูแลสุขภาพ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ ซึ่งไม่เพียงป้องกันการเกิดสิวรอบใหม่ แต่ยังทำให้ได้สุขภาพดีตามมาด้วย

เช็กราคาการเลเซอร์สิวจากคลินิกและโรงพยาบาลต่างๆ พร้อมบริการเช็กคิวทำนัดให้ฟรี โดยแอดมินของ HDmall.co.th


บทความที่เกี่ยวข้อง


ที่มาของข้อมูล

ขยาย

ปิด

  • ไทยรัฐออนไลน์, 5 เคล็ดลับ "ลดรอยสิว" ฉบับเร่งด่วน เผยผิวใส บอกลาปัญหาสิวกวนใจ, (https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2380256), 29 เมษายน 2565
  • Healthline.com, Everything You Want to Know About Laser Treatment for Acne Scars, (https://www.healthline.com/health/beauty-skin-care/laser-treatment-for-acne-scars), 17 October 2019
  • American Academy of Dermatology Association, 10 THINGS TO KNOW BEFORE HAVING LASER TREATMENT FOR YOUR SCAR, (HTTPS://WWW.AAD.ORG/PUBLIC/COSMETIC/SCARS-STRETCH-MARKS/LASER-TREATMENT-SCAR)
@‌hdcoth line chat