โปรแกรมการเสริมหน้าอก ที่ Flow Clinic ตอบคำถามโดยแพทย์ scaled

โปรแกรมการเสริมหน้าอก ที่ Flow Clinic ตอบคำถามโดยแพทย์

ในปัจจุบันสาวไทยและเหล่า LGBTQ+ ให้ความสำคัญกับรูปร่างมากขึ้น เห็นได้จากเทรนด์ความงามที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย หนึ่งในเทรนด์ความงามที่ได้รับความนิยมอย่างมาก คือการศัลยกรรมเสริมหน้าอก

การเสริมหน้าอกเป็นหนึ่งหัตถการที่หลายๆ คนมักจะเกิดความวิตกกังวลอย่างมากก่อนการผ่าตัด โดยเฉพาะในการเลือกซิลิโคนให้เหมาะกับสรีระ รวมไปถึงความเจ็บปวดและความปลอดภัยหลังผ่าตัดด้วย

แต่วันนี้ความกังวลทุกอย่างจะหมดไป เพระเราได้ แพทย์หญิงญาอาภา น้าสุนีย์ หรือ หมอบุ้ง แพทย์ชำนาญการด้านศัลยกรรมความงามมากกว่า 10 ปี จาก Flow Clinic มาให้คำตอบและคลายทุกข้อสงสัยในการศัลยกรรมหน้าอกกัน

การเสริมหน้าอกคืออะไร?

การเสริมหน้าอก หรือ การทำนม  คือ การผ่าตัดเสริมความงามรูปแบบหนึ่ง ที่ทำได้โดยการนำซิลิโคนหรือถุงเต้านมเทียมเข้าไปที่บริเวณหน้าอก ทำให้หน้าอกดูใหญ่ขึ้น ซึ่งการผ่าตัดให้หน้าอกมีขนาดใหญ่ขึ้นได้มากหรือน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับรูปร่างก่อนทำของแต่ละบุคคล ร่วมกับการพิจารณาของแพทย์

ซึ่งนอกจากการเสริมหน้าอกจะช่วยให้หน้าอกมีขนาดใหญ่ขึ้น มีขนาดเท่ากัน และมีรูปทรงที่สวยงามแล้ว การเสริมหน้าอกยังช่วยเสริมความสวยงามให้กับสรีระ โดยการเพิ่มส่วนโค้งเว้าให้ร่างกาย ทำให้มีสัดส่วนที่น่ามองขึ้นอีกด้วย

ข้อควรรู้ก่อนเสริมหน้าอก

สิ่งแรกสำหรับผู้ที่สนใจเสริมหน้าอกควรทราบ ไม่ใช่ยี่ห้อ ขนาด หรือพื้นผิวของซิลิโคน แต่เป็นการทราบว่าตนเองต้องการเสริมหน้าอกไปเพื่ออะไร? เนื่องจากการผ่าตัดเสริมหน้าอกนับเป็นอีกหนึ่งการผ่าตัดใหญ่ การทราบความต้องการของตนเองจะช่วยให้แพทย์แก้ไขปัญหาและตอบสนองความต้องการได้อย่างตรงจุด

เมื่อทราบว่าตนเองต้องการอะไรแล้ว จึงเริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับการเสริมหน้าอก โดยอาจเริ่มต้นจากหาข้อมูลเกี่ยวกับซิลิโคนว่ามีซิลิโคนชนิดใดบ้าง? เช่น ซิลิโคนผิวเรียบ ซิลิโคนผิวทราย ซิลิโคนเจล หรือซิลิโคนแบบบรรจุน้ำเกลือ

นอกจากนี้ควรศึกษายี่ห้อ ขนาด รูปทรงของซิลิโคนมาก่อนเข้าพบแพทย์ จะทำให้เราสามารถเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของซิลิโคนแต่ละชนิด รวมถึงเมื่อเข้าพบแพทย์ก็จะสามารถแจ้งถึงความต้องการได้ชัดเจน ทำให้ผู้รับบริการและแพทย์เห็นภาพที่ตรงกัน

แต่ถึงแม้จะหาข้อมูลมากเพียงใด ซิลิโคนแต่ละยี่ห้อ ขนาด และรูปทรง อาจไม่ได้เหมาะกับทุกคนเสมอไป ดังนั้นหากมีความสนใจในการเสริมหน้าอก ควรเข้าไปปรึกษาแพทย์โดยตรงที่โรงพยาบาลหรือคลินิก เพื่อให้แพทย์ทำการประเมินและออกแบบรูปทรงหน้าอกก่อน ซึ่งการปรึกษาแพทย์ก่อนผ่าตัดอย่างละเอียด จะลดโอกาสการเกิดความผิดพลาดขณะผ่าตัดและลดผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นหลังผ่าตัดได้

เสริมหน้าอกสามารถเลือกผ่าตัดตรงไหนได้บ้าง? แต่ละบริเวณแตกต่างกันอย่างไร?

การเสริมหน้าอกนอกจากการเลือกซิลิโคนแล้ว เรายังสามารถเลือกบริเวณที่ต้องการให้แพทย์เปิดแผลเพื่อผ่าตัดได้ด้วย 

โดยปัจจุบันเราสามาเลือกผ่าตัดได้ 3 บริเวณ ได้แก่ บริเวณปานนม รักแร้ และราวนม โดยแต่ละบริเวณจะมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันดังนี้

  • บริเวณปานนม เป็นการผ่าตัดบริเวณรอยต่อของผิวสีเข้มและสีอ่อนบริเวณหัวนม วิธีนี้อาจทำให้เกิดแผลเป็นได้เล็กน้อยหรืออาจไม่สามารถสังเกตเห็นได้เลย วิธีการผ่าตัดจึงละเอียดมาก แต่การผ่าตัดด้วยวิธีนี้มีข้อกำหนดหลายอย่าง เช่น ปานนมต้องมีขนาดที่กว้างพอ
    • บริเวณรักแร้ การผ่าตัดบริเวณนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการให้เห็นรอยแผล แต่อาจเกิดความเจ็บปวดได้ง่ายกว่าการผ่าตัดบริเวณอื่นๆ เนื่องจากรอยแผลใกล้กล้ามเนื้อแขน รวมถึงยังเป็นการผ่าตัดที่ต้องอาศัยฝีมือและความชำนาญของแพทย์
  • บริเวณราวนม เป็นการผ่าตัดที่อาจทำให้เกิดแผลเป็นได้เล็กน้อย แต่ยังคงสังเกตได้ยากเนื่องจากตำแหน่งของแผลอยู่ใต้ราวนม ข้อดีของการเลือกผ่าตัดบริเวณนี้คือ ใช้เวลาในการผ่าตัดไม่นาน สามารถจัดทรงหน้าอกให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมได้ง่ายกว่าบริเวณอื่นๆ 

ถึงแม้ว่าในเบื้องต้นผู้รับบริการจะสามารถเลือกบริเวณที่ต้องการเปิดแผลผ่าตัดได้เอง แต่แพทย์ก็ยังจำเป็นที่จะต้องพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย เพื่อให้การผ่าตัดราบรื่นที่สุด และนอกจากการเลือกบริเวณที่ต้องการเปิดแผลแล้ว ผู้รับบริการยังสามารถเลือกตำแหน่งในการวางซิลิโคนได้อีกด้วย

การวางซิลิโคนเหนือกล้ามเนื้อและใต้กล้ามเนื้อต่างกันอย่างไร? แบบไหนเหมาะกับใคร?

สำหรับตำแหน่งในการวางซิลิโคนนั้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ การวางซิลิโคนเหนือกล้ามเนื้อ และการวางซิลิโคนใต้กล้ามเนื้อ 

โดยตำแหน่งที่จะวางซิลิโคนนั้น แพทย์จะพิจารณจากความต้องการควบคู่ไปกับการวิเคราะห์สรีระของผู้รับบริการด้วย โดยการวางซิลิโคนแต่ละตำแหน่งจะให้ผลลัพธ์และเหมาะกับบุคคลที่แตกต่างกัน ดังนี้

  • การวางซิลิโคนเหนือกล้ามเนื้อ จะเป็นการวางซิลิโคนลงที่ตำแหน่งใต้เนื้อเยื่อหน้าอก แต่ไม่ถึงกับใต้ชั้นกล้ามเนื้อ การใส่ซิลิโคนบริเวณนี้จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีเนื้อหน้าอกอยู่แล้ว และเน้นไปที่การยกกระชับหน้าอก หรือผู้ที่ต้องการให้หลังผ่าตัดเห็นเนินหน้าอกได้อย่างชัดเจน
  • การวางซิลิโคนใต้กล้ามเนื้อ เป็นการนำซิลิโคนสอดไว้ใต้ชั้นกล้ามเนื้อ วิธีนี้จะช่วยให้ซิลิโคนมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ลดโอกาสในการเคลื่อนที่ รวมถึงให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติอีกด้วย

ในปัจจุบันการวางซิลิโคนบริเวณใต้กล้ามเนื้อเป็นตำแหน่งการวางซิลิโคนที่นิยมและแพทย์แนะนำมากที่สุด ทั้งนี้ก่อนรับบริการแนะนำให้มีการตรวจสอบชั้นไขมันและตรวจเต้านมอย่างละเอียดก่อนเสมอ

ใครเหมาะกับซิลิโคนแบบไหน?

ปัจจุบันเทคโนโลยีในการผลิตซิลิโคนมีการพัฒนาขึ้นมาก ทำให้รูปแบบของซิลิโคนมีชื่อเรียกหลากหลายแตกต่างกันไปตามยี่ห้อ แต่โดยทั่วไปแล้วซิลิโคนสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท ทั้งตามชนิดของซิลิโคน ผิวของซิลิโคน และรูปทรงของซิลิโคน

โดยรูปทรงของซิลิโคนพื้นฐาน แบ่งออกเป็น 2 รูปทรงหลักๆ ได้แก่ 

  • ซิลิโคนทรงกลม ซิลิโคนทรงนี้มีลักษณะกลมมนคล้ายซาลาเปา มีทั้งแบบพุ่งมากและพุ่งน้อยให้เลือกได้ตามความต้องการ และด้วยความที่ซิลิโคนทรงนี้จะช่วยให้หน้าอกดูอิ่มฟูขึ้น จึงเหมาะกับคนที่มีโครงไหล่กว้าง เพราะจะสังเกตเห็นผลลัพธ์ได้ชัดกว่าทรงหยดน้ำ
  • ซิลิโคนทรงหยดน้ำ ซิลิโคนทรงนี้มีลักษณะคล้ายเต้านมธรรมชาติของมนุษย์มาก จึงดูธรรมชาติกว่าทรงกลม โดยทรงนี้จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีโครงไหล่เล็ก ผู้ที่ต้องการเสริมหน้าอกเพียงเล็กน้อย และผู้ที่ต้องการปรับทรงหน้าอกที่หย่อนยาน

ซิลิโคนที่เป็นที่นิยมและเหมาะสำหรับสรีระของคนไทย คือ ซิลิโคนทรงกลม ที่มีความพุ่งเหมาะสม เนื่องจากสาวไทยมักต้องการให้เห็นเนินหน้าอกชัดเจน การเลือกซิลิโคนทรงนี้จะทำให้หน้าอกออกมาดูสวยและเป็นธรรมชาติที่สุด

ขั้นตอนการรับบริการเสริมหน้าอก

การผ่าตัดเสริมหน้าอกเป็นหนึ่งในการผ่าตัดใหญ่ โดยจะใช้ระยะเวลาในการผ่าตัดราวๆ 2-4 ชั่วโมง ทำให้ก่อนผ่าตัดนอกจากที่ผู้รับบริการจะต้องรักษาสุขภาพให้แข็งแรงแล้ว ยังต้องมีการตรวจประเมินร่างกายอย่างละเอียด และมีการเตรียมตัวเป็นพิเศษในวันผ่าตัด 

โดยอาจอธิบายขั้นตอนการรับบริการเสริมหน้าอกได้ง่ายๆ ดังนี้

1. ทำนัดหมายเพื่อประเมินร่างกาย  

การประเมินร่างกายเพื่อผ่าตัดเสริมหน้าอกจะเริ่มจากการซักประวัติสุขภาพเบื้องต้น ตรวจร่างกาย โรคประจำตัว และมีการเจาะเลือดเพื่อนำส่งให้ห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์

หลังจากตรวจสุขภาพเรียบร้อยแล้ว ผู้รับบริการจะได้เข้าพบแพทย์เพื่อวัดขนาดหน้าอกโดยละเอียด โดยในขั้นตอนนี้ผู้รับบริการสามารถนำรูปตัวอย่างของทรงหน้าอกที่ต้องการมาให้แพทย์ประเมินขนาดและทรงของซิลิโคนที่เหมาะสมได้เลย ซึ่งแต่ละคนอาจได้ขนาดและรูปทรงต่างจากที่คิดไว้ 

ถ้าหากแพทย์พิจารณาว่าสามารถทำหน้าอกได้ ผู้รับบริการสามารถทำนัดหมายและเลือกวันผ่าตัดได้เลย

2. เตรียมตัวก่อนผ่าตัด

ก่อนวันผ่าตัดผู้รับบริการจะต้องงดอาหารเสริม วิตามิน ฮอร์โมน และยาบางประเภทที่อาจส่งผลให้เลือดแข็งตัวได้ยาก เป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ 

รวมถึงควรงดบุหรี่ เป็นเวลาอย่างน้อย 4 สัปดาห์ เนื่องจากอาจมีผลต่อการผ่าตัดได้ ซึ่งในหลายๆ สถานพยาบาล หากผู้รับบริการเผลอสูบบุหรี่ก่อนวันนัดหมายจะต้องเลื่อนการเสริมหน้าอกและทำนัดหมายใหม่อีกครั้ง

นอกจากนี้ในคืนก่อนวันผ่าตัด ผู้รับบริการจะต้องพักผ่อนให้เพียงพอ พร้อมกับงดน้ำและอาหารด้วย 

ในส่วนของวันผ่าตัด แพทย์จะตรวจวัดขนาดและพูดคุยถึงความต้องการของผู้รับบริการอีกครั้ง ซึ่งในวันนี้ควรพาผู้ติดตามมาด้วย เนื่องจากหลังผ่าตัดผู้รับบริการจะต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ การมีคนสนิทคอยดูแลจะทำให้อุ่นใจมากยิ่งขึ้น

3. ระหว่างการผ่าตัด

การผ่าตัดเสริมหน้าอก ในห้องผ่าตัดจะมีทั้งแพทย์ พยาบาล และวิสัญญีแพทย์ คอยให้การดูแลอยู่ตลอดเวลา

โดยเริ่มแรกแพทย์จะวาดรอยปะตรงบริเวณที่ต้องการผ่าตัดตามแผนที่วางไว้ จากนั้นแพทย์จะใช้มีดผ่าตัดกรีดบริเวณดังกล่าวและใส่ซิลิโคนลงไป ซึ่งผู้ที่เสริมหน้าอกจะไม่รู้สึกเจ็บใดๆ ระหว่างการผ่าตัด แต่อาจมีอาการปวดระบมได้บ้างในระหว่างช่วงพักฟื้น

หลังจากผ่าตัดเสร็จแล้ว ทางสถานพยาบาลหรือคลินิกต่างๆ จะคอยเฝ้าสังเกตอาการเป็นเวลา 6-8 ชั่วโมง หากไม่มีอาการผิดปกติใดๆ ผู้รับบริการสามารถกลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้เลย

โดยแพทย์มักจะทำการนัดหมายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจนัดหมายเข้ามาพบแพทย์ครั้งแรกหลังผ่าตัดเมื่อผ่านไป 3 วันจากวันรับบริการ เพื่อดูว่ามีอาการแผลติดเชื้อรวมถึงภาวะขาดเกลือแร่หรือไม่? และหลังจากนั้น 2 สัปดาห์จะทำการนัดหมายอีกครั้งเพื่อตรวจสอบว่าผู้รับบริการไม่มีอาการผิดปกติใดๆ

ขั้นตอนการเสริมหน้าอกสำหรับชาว LGBTQ+

สำหรับขั้นตอนการเสริมหน้าอกของชาว LGBTQ+ นั้น มีขั้นตอนเหมือนกับการเสริมหน้าอกทั่วไป แต่จะต้องระมัดระวังในเรื่องของการรับประทานฮอร์โมนก่อนผ่าตัด เนื่องจากผลิตภัณฑ์ฮอร์โมนอาจทำให้เลือดไหลเยอะกว่าปกติ รวมถึงหลังผ่าตัดก็จะต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษ เพราะอาจมีเลือดออกได้ง่าย

ขั้นตอนการเสริมหน้าอกสำหรับเคสแก้

ขั้นตอนการเสริมหน้าอกสำหรับเคสแก้นั้นจะซับซ้อนกว่าการเสริมหน้าอกสองรูปแบบข้างต้น เนื่องจากแต่ละเคสจะมีรายละเอียดและปัญหาที่ต้องการแก้หน้าอกแตกต่างกัน ทำให้ขั้นตอนการผ่าตัดก็แตกต่างกันไปด้วย

เช่น ผู้รับบริการที่ต้องเปลี่ยนซิลิโคน จะมีขั้นตอนการผ่าตัดเหมือนกับการเสริมหน้าอกใหม่เลย หรือในผู้ที่มีเลือดออกมาก จะต้องมีการใส่สายระบายเลือด ซึ่งในขั้นตอนนี้แพทย์จะต้องมีความรอบครอบอย่างมาก เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นในภายหลัง

เสริมหน้าอกเจ็บไหม?

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าในระหว่างการผ่าตัดเสริมหน้าอกผู้รับบริการจะไม่รู้สึกเจ็บใดๆ แต่อาจมีอาการปวดระบมได้บ้างในระหว่างการพักฟื้น ซึ่งอาจอธิบายถึงระดับความเจ็บได้ยาก เนื่องจากความอดทนในความเจ็บของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน แต่พบว่าผู้ที่มีกล้ามเนื้อเยอะอาจมีอาการเจ็บได้มากกว่า

แต่หากดูแลอย่างถูกวิธี รับประทานยาตามคำสั่งของแพทย์ ก็นับเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะบรรเทาอาการเจ็บปวดหลังการผ่าตัดและช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

หลังเสริมหน้าอกดูแลตัวเองอย่างไร?

หลังการเสริมหน้าอกช่วงแรก ผู้รับบริการจะต้องมีการปรับตัวค่อนข้างมาก เนื่องจากร่างกายจะรู้สึกอึดอัดและไม่คุ้นชนิดกับหน้าอกที่ใหญ่ขึ้น ทำให้มีอาการนอนไม่หลับ และเจ็บบริเวณบาดแผลได้

ซึ่งหากมีอาการปวดมาก ผู้รับบริการสามารถทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการได้ อีกทั้งสิ่งสำคัญ คือ การสังเกตว่าตนเองมีไข้หรือเปล่า? มีอาการปวดบวมแดงร้อนที่หน้าอก หรือหายใจไม่ออกหรือไม่? หากมีอาการเหล่านี้ แนะนำให้พบแพทย์เพื่อรีบตรวจสอบโดยทันที

เสริมหน้าอกต้องพักฟื้นกี่วัน?

ในปัจจุบันด้วยวิธีทางการแพทย์ที่พัฒนาขึ้นมาก ทำให้หลังเสริมหน้าอกใช้เวลาพักฟื้นเพียง 3 วันเท่านั้น โดยผู้รับบริการอาจเหลืออาการปวดแผลเพียงเล็กน้อยหรือไม่ปวดเลย แต่ถึงอย่างนั้นในช่วงแรกแพทย์ยังคงแนะนำให้หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมหนักๆ เพราะอาจทำให้แผลปริได้

ทางที่ดีควรมีคนคอยดูแลและช่วยคอยประคองอยู่ตลอด เพราะการขยับทุกครั้งซิลิโคนอาจมีโอกาสเคลื่อนย้ายได้ เนื่องจากซิลิโคนยังไม่สมานกับเนื้อเยื่อผิวได้ดีนัก โดยจะต้องระวังในช่วง 2 อาทิตย์แรกเป็นพิเศษ ก่อนที่อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ

เสริมหน้าอกกี่เดือนถึงจะเข้าที่?

การผ่าตัดใต้กล้ามเนื้อจะใช้เวลาให้หน้าอกเข้าที่ประมาณ 6 เดือน ถึง 1 ปี หากครบ 1 ปีจะให้ผลลัพธ์ทรงหน้าอกที่ดูสวยเป็นธรรมชาติ รวมถึงสามารถใช้ชีวิตได้ปกติ

จะเห็นได้ว่าการเสริมหน้าอกไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด หากได้รับบริการในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน พร้อมดูแลโดยศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์และมีความชำนาญด้านนี้โดยเฉพาะ อีกทั้งยังทำให้ได้ทรงหน้าอกที่สวยถูกใจ ดูเป็นธรรมชาติ และมีขนาดที่เหมาะสม

หากคุณเป็นหนึ่งคนที่กำลังสนใจการผ่าตัดเสริมหน้าอก HDmall.co.th ขอแนะนำ Flow Clinic คลินิกเสริมความงามที่เปิดให้บริการมากว่า 13 ปี โดยในทุกเคสๆ จะมีแพทย์เฉพาะทางและทีมงานที่มีประสิทธิภาพคอยให้การดูแล ตั้งแต่ขั้นตอนการให้คำปรึกษา วางแผนการรักษา ระหว่างการผ่าตัด ไปจนกระทั่งการติดตามผล

อกเล็กไม่ใช่เรื่องใหญ่ มาเปลี่ยนคุณให้เป็นคนใหม่ด้วยหน้าอกที่สร้างความมั่นใจยิ่งกว่าเดิม เช็กราคาและแพ็กเกจเสริมหน้าอกจาก Flow Clinic ในราคาพิเศษผ่านทาง HDmall.co.th หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ไลน์ @hdcoth

Scroll to Top