Dyslipidemia ข้อมูล อาการ สาเหตุ วิธีรักษา และป้องกัน

Dyslipidemia ข้อมูล อาการ สาเหตุ วิธีป้องกันรักษา

ในสถานการณ์ที่ประชากรในประเทศไทยมีอายุขัยสูงขึ้นและมีพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่มีแคลอรีสูงขึ้น เช่น อาหารที่มีไขมันสูง อาหารและเครื่องดื่มที่มีรสหวาน รวมถึงไม่ค่อยออกกำลังกาย จนกระทั่งประสบปัญหาโรคอ้วนในที่สุด

ภาวะที่มีไขมันในเลือดผิดปกติ หรือภาวะ Dyslipidemia จึงเป็นปัญหาที่มีความสำคัญและพบบ่อยมากขึ้นเรื่อยๆ

แม้ว่า ภาวะ Dyslipidemia นี้จะดูไม่ใช่ภาวะที่ร้ายแรง แต่ก็นำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่เป็นอันตรายแก่ชีวิตได้

ภาวะ Dyslipidemia คืออะไร?

Dyslipidemia หมายถึง ภาวะที่มีระดับไขมันในเลือดผิดปกติ ไม่ว่าจะสูง หรือต่ำเกินไป ขึ้นกับชนิดของไขมันดังนี้

  • Total Cholesterol (TC) คอเลสเตอรอลในเลือดมากกว่า 200 mg/dl
  • High-density lipoprotein cholesterol (HDL-C) คอเลสเตอรอลตัวดีน้อยกว่า 40 mg/dl ในผู้ชาย หรือน้อยกว่า 50 mg/dl ในผู้หญิง
  • Low-density lipoprotein cholesterol (LDL-C) คอเลสเตอรอลตัวร้ายมากกว่า 160 mg/dl
  • Hypertriglyceridemia: Triglyceride (TG) ไตรกลีเซอไรด์ในเลือดมากกว่า 150 mg/dl

ภาวะ Dyslipidemia เกิดจากอะไร?

สาเหตุของภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ สามารถแบ่งได้เป็น 2 ชนิด ดังนี้

1. ชนิดปฐมภูมิ (Primary หรือ Familial dyslipidemia)

ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่เชื่อว่า เกิดจากพันธุกรรมที่ผิดปกติของยีนที่ควบคุมการสร้างและเผาผลาญไขมัน โรคที่พบบ่อยในกลุ่มนี้คือ Polygenic hypercholesterolemia และ Familial combined hyperlipidemia (FCH)

2. ชนิดทุติยภูมิ (Secondary dyslipidemia)

เกิดจากปัจจัยภายนอก ได้แก่ โรคทางกาย ยาบางชนิด รวมถึงพฤติกรรมบางอย่าง เช่น

  • สาเหตุที่ทำให้คอเลสเตอรอลสูง ได้แก่ ภาวะไทรอยด์ในเลือดต่ำ ภาวะน้ำดีคั่ง โรคไต ยาเม็ดคุมกำเนิดบางชนิดที่มีโปรเจสโตเจน (Progestogen) เป็นส่วนประกอบ และยาลดระดับความดันกลุ่มไทอะไซด์ (Thiazide)
  • สาเหตุที่ทำให้ไตรกลีเซอไรด์สูง ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคอ้วน ไตวาย การดื่มสุรา อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง (แป้งและน้ำตาล) การตั้งครรภ์ ยารักษาโรคหัวใจกลุ่ม Beta-blocker ยาลดระดับความดันกลุ่มไทอะไซด์ (Thizaide) ยากลุ่มกลูโคคอร์ติคอยด์ (Glucocorticoid) ยารักษาสิวที่มาจากอนุพันธ์ของวิตามินเอ และยาเม็ดคุมกำเนิดบางชนิดที่มีเอสโตรเจนเป็นส่วนประกอบ
  • สาเหตุที่ทำให้ HDL-C ต่ำ ได้แก่ โรคอ้วน โรคเบาหวาน การไม่ออกกำลังกาย ยาสเตียรอยด์ที่มีผลในการสร้างกล้ามเนื้อ ฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ยาเม็ดคุมกำเนิดบางชนิดที่มีโปรเจสโตเจน (Progestogen) ยารักษาโรคหัวใจกลุ่ม Beta-blocker
  • สาเหตุที่ทำให้ LDL-C สูง ได้แก่ การรับประทานอาหารที่มีกรดไขมันอิ่มตัวสูง เช่น กะทิ หมูสามชั้น เนยเหลว เนยเทียมแข็ง เนื้อสัตว์ที่มีมันมาก ไส้กรอก และ/หรืออาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง เช่น เครื่องในสัตว์ ไข่แดง

ปัจจัยอื่นที่มีผลต่อระดับไขมันในเลือด

ปัจจัยอื่นที่มีผลต่อระดับไขมันในเลือด มีดังนี้

  1. อายุ ระดับไขมันในเลือดจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุที่เพิ่มขึ้น
  2. เพศ ระดับของไตรกลีเซอไรด์ขึ้นกับเพศโดยตรงมากกว่าระดับของคอเลสเตอรอล โดยพบว่า เพศชายมีระดับไตรกลีเซอไรด์สูงกว่าเพศหญิงในทุกช่วงอายุ โดยเฉพาะคนช่วงอายุ 20-39 ปี คนละเพศ จะมีระดับไตรกลีเซอไรด์ต่างกันประมาณ 40% เลยทีเดียว แต่ระดับความต่างจะค่อยๆ ลดลงเมื่ออายุเพิ่มขึ้น ส่วนระดับคอเลสเตอรอลจะต่างกันไม่มาก โดยช่วงวัยหนุ่มสาว ค่าคอเลสเตอรอลในเพศชายจะสูงกว่าในเพศหญิง จนถึงวัย 40-50 ปี เพศหญิงจึงจะมีระดับคอเลสเตอรอลที่สูงกว่าแทน
  3. การออกกำลังกาย ส่งผลต่อการเพิ่มระดับ HDL-C ลดระดับคอเลสเตอรอล และยังช่วยลดน้ำหนักตัวด้วย
  4. บุหรี่ การสูบบุหรี่ส่งผลให้ระดับ HDL-C ลดลงได้มากกว่า 15% และการเลิกบุหรี่สามารถทำให้ระดับ HDL-C กลับมาเป็นปกติได้
  5. พันธุกรรม ภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูงจากกรรมพันธุ์ เป็นผลจากยีนที่ควบคุมการสร้างและเผาผลาญ LDL-C ผิดปกติ
  6. แอลกอฮอล์ การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ปริมาณมากส่งผลให้ระดับไตรกลีเซอไรด์เพิ่มสูงขึ้น
  7. ความเครียด ส่งผลให้ระดับการเผาผลาญเพิ่มสูงขึ้น แต่ร่างกายไม่สามารถนำ LDL-C ไปใช้ได้ ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดจึงสูงขึ้น
  8. ความอ้วน ผู้ที่มีน้ำหนักเกินจะมีระดับ LDL-C และไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง

นอกจากนี้ยังอาจมีสาเหตุอื่นๆ เช่น ความเจ็บป่วยบางอย่างที่ส่งผลต่อกระบวนการสร้างและนำไขมันในเลือดไปใช้ รวมถึงความผิดพลาดทางห้องปฎิบัติการก็ทำให้ผลระดับไขมันในเลือดออกมาผิดปกติได้เช่นกัน จึงควรตรวจซ้ำในอีก 2-3 สัปดาห์

ภาวะ Dyslipidemia มีอาการอย่างไร?

ส่วนใหญ่ผู้ป่วยที่มีภาวะไขมันในเลือดผิดปกติมักจะไม่มีอาการแสดง แต่ในบางกรณีโดยเฉพาะกลุ่มที่มีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ อาจจะพบอาการดังต่อไปนี้

  • มีปื้นสีเหลืองที่หนังตา ข้อศอก หัวเข่า และฝ่ามือ
  • เอ็นร้อยหวายหนาขึ้นกว่าปกติ
  • มีเส้นวงสีขาวระหว่างขอบตาดำกับตาขาว

ในรายที่โรครุนแรงขึ้นจนนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายอุดตัน อาจพบอาการต่างๆ ดังนี้

  • ปวดขา โดนเฉพาะเวลายืน หรือเดิน
  • เจ็บแน่นหน้าอก อาการปวดอาจร้าวไปกราม หรือไหล่ซ้าย
  • หายใจหอบเหนื่อยง่ายขึ้นเมื่อทำกิจกรรมปกติ
  • แสบร้อนกลางอก
  • เหงื่อแตก ใจสั่น
  • หน้ามืด วิงเวียนศีรษะ

หากมีอาการดังกล่าวบ่อยๆ อย่านิ่งนอนใจควรไปตรวจสุขภาพหัวใจเพื่อยังดูว่า “สุขภาพหัวใจและหลอดเลือดของคุณยังแข็งแรงดีอยู่ไหม” เพราะหากมีปัญหาจะได้รักษาได้ทันท่วงที ก่อนอาการจะรุนแรงและเป็นอันตราย

ภาวะ Dyslipidemia อันตรายหรือไม่ อย่างไร?

ภาวะไขมันในเลือดผิดปกติในระยะเริ่มต้นไม่ได้อันตรายมาก แต่สิ่งที่อันตรายคือ ภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่จะตามมาหากไม่ทำการรักษา และอาจนำไปสู่การเสียชีวิตจากภาวะหัวใจขาดเลือด หรือเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต จากภาวะสมองขาดเลือดได้

วิธีการรักษาภาวะ Dyslipidemia เป็นอย่างไร?

1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นการรักษาและป้องกันภาวะ Dyslipidemia ที่ดีและยั่งยืนที่สุด

  • หยุดสูบบุหรี่
  • ลดน้ำหนักในอยู่ในเกณฑ์
  • ออกกำลังกายเป็นประจำ อย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เป็นระยะเวลา 30-45 นาที โดยต้องให้หัวใจเต้นประมาณ 0.7 x (220- อายุ) ครั้งต่อนาที
  • งดรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่เพิ่มความเสี่ยง โดยการลดอาหารประเภทไขมัน ได้แก่ ของผัด ของทอด อาหารไขมันสูง นอกจากนี้การลดอาหารหวานและเค็มยังป้องกันความเสี่ยงของโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงอีกด้วย

2. ใช้ยาลดระดับไขมันในเลือด

  • ยาลดระดับ Total Cholesterol และ LDL-C เป็นหลัก ได้แก่ ยากลุ่มสเตติน (Statins) เช่น Simvastatin, Atorvastatin, Rosuvastatin) ยากลุ่มอีเซทิไมบ์ (Ezetimibe) ยากลุ่มคอเลสไทรามีน (Cholestyramine) โดยแพทย์มักเริ่มให้จากกลุ่มสเตตินเป็นกลุ่มแรก
  • ยาลดระดับไตรกลีเซอไรด์เป็นหลัก ได้แก่ ไฟเบรต (Fibrates) กรดนิโคตินิก (Nicotinic acid) หากระดับ TG มากกว่า 500 mg/dl จะมีความเสี่ยงที่จะเป็นภาวะตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน ให้เริ่มยากลุ่มนี้เป็นกลุ่มแรก

วิธีป้องกันภาวะ Dyslipidemia

  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง ไม่ว่าจะเป็นอาหารติดมัน อาหารทอด อาหารผัด
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีรสหวานจัด
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีรสเค็มจัด
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น เนื้อปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน นมพร่องมันเนย ผัก ผลไม้ ข้าวซ้อมมือ ถั่วเมล็ดแห้งต่างๆ
  • รับประทานอาหารให้ครบทุกมื้อ
  • หยุดสูบบุหรี่และหยุดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
  • เลือกใช้น้ำมันพืชในการประกอบอาหาร เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด น้ำมันงา น้ำมันมะกอก
  • ออกกำลังกายอย่างเหมาะสมและสม่ำเสมอ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • ไม่เข้านอนดึกจนเกินไป
  • ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี เพื่อเช็คการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย หากมีระบบใดทำงานผิดปกติไป เช่น มีค่าคอเลสเตอรอลสูงผิดปกติจะได้ปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำ หรือเข้ากระบวนการรักษาได้ทันท่วงที

หากทำได้แบบนี้รับรองว่า ร่างกายของคุณจะแข็งแรง ห่างไกลจากภาวะ Dyslipidemia ได้แน่ๆ รวมถึงโรคเรื้อรังอื่นๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคไตวายเรื้อรัง อย่างแน่นอน


ตรวจสอบความถูกต้องโดย นพ. พิสุทธิ์ พงษ์ชัยกุล


ที่มาของข้อมูล

  • Jennifer Huizen, Dyslipidemia: Everything you need to know (https://www.medicalnewstoday.com/articles/321844), 22 March 2563.
  • Mach F, Baigent C, Catapano AL, et al. 2019 ESC/EAS Guidelines for the management of dyslipidaemias: lipid modification to reduce cardiovascular risk. Eur Heart J. 2020;41(1):111‐188. doi:10.1093/eurheartj/ehz455.
  • คณาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, แนวทางการดูแลรักษาความผิดปกติของระดับไขมันในเลือดในบริการปฐมภูมิ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (http://medinfo2.psu.ac.th/commed/web/pdf/5/dyslipidemia.pdf), 20 มีนาคม 2563.
Scroll to Top