อาการไฮเปอร์ Hyperactivity

อาการไฮเปอร์ (Hyperactivity)

อาการไฮเปอร์ จัดเป็นภาวะทางจิตเวชอย่างหนึ่ง ซึ่งผู้ป่วยควรเข้ารับการรักษา เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อตัวเองและคนรอบข้างในอนาคต

อาการไฮเปอร์ คือภาวะที่ผู้ป่วยเกิดอาการคึก หรือซนอย่างผิดปกติ ซึ่งจะก่อให้เกิดความลำบากต่อคนรอบข้างมาก บางครั้งผู้ป่วยอาการไฮเปอร์มักจะเกิดอาการวิตกกังวลหรือซึมเศร้าด้วย เนื่องจากความผิดปกติที่เกิดขึ้นและวิธีที่คนรอบข้างตอบสนองหรือปฏิบัติด้วย

ผู้ป่วยไฮเปอร์มักมีปัญหาเกิดขึ้นมาก เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถอยู่นิ่งหรือมีสมาธิจดจ่ออยู่กับสิ่งใดได้นาน จึงทำให้ไม่สามารถเรียนหรือทำงานได้เหมือนคนปกติ รวมถึงอาจทำลายความสัมพันธ์กับเพื่อนและครอบครัวได้ง่าย นอกจากนี้ ยังสามารถนำไปสู่อุบัติเหตุและการบาดเจ็บอีกด้วย

อาการไฮเปอร์มีรูปแบบแตกต่างกันมากมาย เช่น เคลื่อนไหวไม่หยุด มีพฤติกรรมก้าวร้าว มีพฤติกรรมหุนหันพลันแล่น และสมาธิหลุดได้ง่าย ซึ่งล้วนแต่เป็นโรคทางจิตและความผิดปกติทางการแพทย์

การสังเกตอาการไฮเปอร์

อาการไฮเปอร์มักสร้างความลำบากในการเรียนสำหรับช่วงวัยเด็ก จึงอาจทำให้พวกเขาแสดงพฤติกรรมหุนหันพลันแล่น เช่น พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด พูดแบบไม่ยั้งคิด ต่อยตีนักเรียนคนอื่น หรือซนผิดปกติ

ส่วนผู้ใหญ่ที่มีอาการไฮเปอร์ อาจมีพฤติกรรม เช่น ไม่มีสมาธิในการทำงาน สมาธิสั้น มีปัญหาในการจดจำชื่อ ตัวเลข หรือข้อมูลปริมาณหนึ่ง เป็นต้น

สาเหตุของอาการไฮเปอร์

อาการไฮเปอร์อาจเกิดจากความผิดปกติทางจิตใจและร่างกาย โดยสาเหตุที่พบมากที่สุด ได้แก่

  • กลุ่มอาการสมาธิสั้น (ADHD)
  • โรคไทรอยด์ฮอร์โมนมากเกิน (Hyperthyroidism)
  • ความผิดปกติของสมอง
  • ความผิดปกติของระบบประสาท
  • ความผิดปกติทางจิตวิทยา

การวินิจฉัยอาการไฮเปอร์

หากคุณหรือบุตรหลานกำลังแสดงอาการไฮเปอร์ ให้เข้าพบจิตแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยว่า ภาวะไฮเปอร์ที่กำลังเป็นเกิดจากอะไร เป็นอาการที่เกิดขึ้นใหม่ หรือเป็นผลข้างเคียงของการใช้ยาบางประเภท ซึ่งถ้าหากแพทย์วินิจฉัยอาการได้ถูกต้อง และทำการรักษาอย่างต่อเนื่องก็สามารถหายเป็นปกติได้

การรักษาอาการไฮเปอร์

หากแพทย์คิดว่าอาการไฮเปอร์เกิดจากความผิดปกติอื่นๆ ที่ซ่อนอยู่ เช่น ความผิดปกติที่ของต่อมไทรอยด์ สมอง หรือระบบประสาท แพทย์ก็อาจสั่งยาที่ช่วยให้อวัยวะทั้งสามกลับมาสมดุลเหมือนเดิม แต่ถ้าอาการไฮเปอร์เกี่ยวข้องกับความผิดปกติทางอารมณ์ เช่น โรคสมาธิสั้น จะมีการรักษาโดยจิตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญโดยตรง ซึ่งจะมีการวิเคราะห์และซักถามอาการที่เกิดขึ้น เพื่อจ่ายยาที่สามารถควบคุมอาการให้สงบลงได้

แต่ก่อนที่จะมีการให้ยาใดๆ แพทย์มักเลือกทำการรักษาด้วยการบําบัดทางความคิดและพฤติกรรม (Cognitive Behavioural Therapy) และการบำบัดด้วยการพูดคุย (Talk Therapy) เพื่อเปลี่ยนแปลงรูปแบบความคิดที่ส่งผลต่อพฤติกรรม และลดผลกระทบที่เกิดขึ้นในจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน

หากการบำบัดไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ แพทย์จะจ่ายยาเพื่อควบคุมอาการ ซึ่งยาเหล่านี้มีผลให้จิตใจสงบลง มีใช้ในทั้งของเด็กและผู้ใหญ่ ได้แก่

  • Dexmethylphenidate
  • Dextroamphetamine and Amphetamine
  • Dextroamphetamine
  • Lisdexamfetamine
  • Methylphenidate

ยาบางตัวอาจเกิดผลข้างเคียงต่ออุปนิสัยใหม่ๆ ซึ่งแพทย์จะตรวจสอบการใช้ยาและผลข้างเคียงอย่างสม่ำเสมอ ระหว่างที่รับประทานยาควรหลีกเลี่ยงสารกระตุ้นต่างๆ เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน หรือการดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อให้ยาออกฤทธิ์อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

ซึ่งการรักษาโรคสมาธิสั้นนั้น นอกจากจะอาศัยแพทย์ และนักจิตวิทยาแล้ว บุคคลที่บ้านและที่โรงเรียนนับเป็นผู้ที่ช่วยในการรักษาทั้งสิ้น ดังนั้นการสร้างสิ่งแวดล้อมที่บ้านและที่โรงเรียนอย่างเหมาะสมจะช่วยให้อาการของสมาธิสั้นดีขึ้นได้


ตรวจสอบความถูกต้องโดย นพ. พิสุทธิ์ พงษ์ชัยกุล


ที่มาของข้อมูล

Scroll to Top