งูสวัดในผู้สูงอายุ

งูสวัดในผู้สูงอายุ

ผู้สูงอายุ ถือเป็นกลุ่มผู้ที่เสี่ยงจะเกิดอาการเจ็บป่วยได้มากกว่าคนปกติ เนื่องจากอายุที่มากขึ้น จึงทำให้ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายเสื่อมสภาพลง และเสี่ยงต่อการติดเชื้อต่างๆ ทั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส ซึ่งรวมไปถึงเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคงูสวัดด้วย

มีคำถามเกี่ยวกับ งูสวัด? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

ความหมายของโรคงูสวัด

โรคงูสวัด (Shingles) เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส “วาริเซลลา ซอสเตอร์ (Varicella Zoster Virus: VZV) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสชนิดเดียวที่ก่อโรคอีสุกอีใส

ผู้ที่เคยเป็นโรคอีสุกอีใสในวัยเด็ก หรือเคยรับวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใสมาก่อนมีแนวโน้มเป็นโรคงูสวัดต่ำ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะเคยเป็นโรคอีสุกอีใสมาแล้ว

แต่เชื้อไวรัสดังกล่าวก็ยังซ่อนตัวอยู่ในปมประสาท และสามารถกลับมาก่อโรคงูสวัดได้ หากภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอลง

อาการหลักๆ ของโรคงูสวัด ได้แก่

  • ผู้ป่วยเริ่มมีไข้ ปวดศรีษะ อ่อนเพลีย จากนั้น 2-3 วันจะมีอาการปวดแสบปวดร้อนบริเวณชายโครง แขน หรือใบหน้า
  • เริ่มมีผื่น ตุ่มน้ำใสขึ้นตามบริเวณที่รู้สึกปวดแสบปวดร้อน
  • จากนั้นตุ่มน้ำจะแตกออก และค่อยๆ แห้งตกสะเก็ดในภายหลัง โดยอาการของงูสวัดจะสร้างความเจ็บปวดกว่าอีสุกอีใสอย่างมาก เพราะเชื้อไม่ได้ทำลายแค่ผิวหนังเท่านั้น แต่ยังทำให้เส้นประสาทอักเสบจึงส่งความรู้สึกที่เจ็บปวดมากกว่าปกติไปยังสมอง ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเจ็บปวดมากนั่นเอง

ตามปกติงูสวัดที่เกิดในช่วงวัยอื่นๆ มักมีอาการไม่รุนแรงนัก โดยอาการป่วยจะหายได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่ในกลุ่มผู้สูงอายุส่วนใหญ่จะมีอาการเจ็บปวดรุนแรงกว่า ยาวนานกว่า และมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนสูงกว่าด้วย

สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคงูสวัดในผู้สูงอายุ

ผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้ที่อายุมากกว่า 50 ปี ถือว่า เสี่ยงเป็นโรคงูสวัดมากกว่าปกติ ด้วยภูมิคุ้มกันร่างกายที่ไม่แข็งแรงเหมือนเดิม รวมถึงอาจเคยมีพฤติกรรมใช้ชีวิตประจำวันอย่างไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน เช่น

  • พักผ่อนไม่เพียงพอ
  • เครียด
  • รับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่
  • บริโภคแอลกอฮอล์เป็นประจำ
  • สูบบุหรี่
  • เคยใช้สารเสพติด
  • ไม่ออกกำลังกาย
  • ไม่รักษาสุขอนามัยร่างกาย
  • อาศัย หรือทำงานอยู่ในสถานที่แออัด

ผู้สูงอายุที่เป็นโรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันตนเอง เช่น โรคแพ้ภูมิตนเอง ติดเชื้อไวรัสเอชไอวี หรือกำลังเข้ารับการรักษาโรคมะเร็งจากวิธีทำเคมีบำบัด (Chemotherapy) หรือรังสีรักษา (Radiation therapy) ก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคงูสวัดได้มากกว่าปกติ

แม้ผู้สูงอายุไม่มีโรคประจำตัวก็อย่านิ่งนอนใจเพราะสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลยคือ การตรวจสุขภาพประจำปีสำหรับผู้หญิงและผู้ชาย รวมทั้งอาจตรวจเพิ่มเติมในด้านอื่นๆ หากมีข้อสงสัย หรือข้อบ่งชี้จากแพทย์เพิ่มเติม

อาการแทรกซ้อนในผู้ป่วยสูงอายุที่เป็นโรคงูสวัด

ในระหว่างเป็นโรคงูสวัด หรือหลังจากผื่นโรคงูสวัดตกสะเก็ดไปแล้ว ผู้ป่วยสูงอายุยังอาจมีอาการแทรกซ้อนบางอย่างอยู่ ซึ่งผู้อยู่ใกล้ชิด หรือผู้ดูแลจะต้องคอยสังเกตให้ดี จะได้รีบรักษาให้หายก่อนอาการจะลุกลามรุนแรง เช่น

มีคำถามเกี่ยวกับ งูสวัด? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

  • อาการปวดปลายประสาทหลังจากเป็นโรคงูสวัด (Postherpetic Neuralgia) หลังจากหายจากโรคงูสวัดแล้ว ผู้ป่วยยังอาจมีอาการปวดแสบและแสบร้อน ปวดแปล๊บคล้ายถูกไฟช็อตอยู่ตามผิวหนังที่เคยมีผื่นขึ้น อาการนี้เป็นผลกระทบจากเส้นประสาทถูกทำลายในช่วงที่มีการอักเสบจากโรคงูสวัด แต่มักเกิดขึ้นกับผู้ป่วยสูงอายุที่มีโรคแทรกซ้อนเรื้อรังอยู่แล้ว เช่น โรคปอดอักเสบ โรคเบาหวาน หรือกลุ่มผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทานบกพร่อง บางรายอาจปวดนานเป็นเดือน หรือปวดนานเป็นปี ภาวะแทรกซ้อนดังกล่าวพบได้บ่อยร้อยละ 60 ของผู้ป่วยโรคงูสวัดที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป
  • ภาวะแทรกซ้อนที่ดวงตา งูสวัดที่เกิดขึ้นบริเวณใบหน้าอาจส่งผลกระทบต่อดวงตาได้ โดยผู้ป่วยอาจติดเชื้อแบคทีเรียที่ดวงตา ทำให้ดวงตาอักเสบ มีแผลที่กระจกตา ทำให้ผู้ป่วยสูญเสียการมองเห็นได้
  • ภาวะแทรกซ้อนที่หู (Ramsey Hunt Syndrome type II) หากงูสวัดขึ้นบริเวณหูชั้นนอก หรือแก้วหู อาจทำให้ใบหน้าเป็นอัมพาต ปากเบี้ยว หรือไม่สามารถหลับตาข้างนั้นให้สนิทได้ หากเกิดการติดเชื้อบริเวณหูชั้นใน อาจทำให้สูญเสียการได้ยิน
  • ภาวะแทรกซ้อนกับอวัยวะภายใน หากเชื้องูสวัดแพร่กระจายออกนอกแนวเส้นประสาท เชื้อไวรัสอาจกระจายเข้าสู่สมองและอวัยวะภายในอื่นๆ เช่น ปอด ตับ หรือเยื่อหุ้มสมอง ส่งผลให้อวัยวะเหล่านั้นอักเสบ เป็นอันตรายต่อชีวิตได้

ความรุนแรงของโรคงูสวัดจะเพิ่มขึ้น ตามอายุที่มากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป ยิ่งมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคสูงขึ้น ดังนั้นหากอยู่ในกลุ่มเสี่ยง หรือมีคนใกล้ชิดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงดังกล่าว แนะนำให้ดูแลสุขภาพ รักษาร่างกายให้แข็งแรง

ส่วนอีกวิธีหนึ่งที่มีประสิทธิภาพนั่นคือ การฉีดวัคซันป้องกันงูสวัด ซึ่งสามารถฉีดได้ตามโรงพยาบาลทั่วไป โดยแนะนำให้ผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีฉีดวัคซีนนี้

แม้วัคซีนจะไม่ได้ป้องกันการเกิดโรคได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ช่วยลดโอกาสเสี่ยงที่เกิดโรคงูสวัดได้ถึง 50% และลดการเกิดอาการปวดปลายประสาทจากงูสวัดได้ถึง 66%

การรักษาโรคงูสวัดในผู้ป่วยสูงอายุ

การรักษาโรคงูสวัดในผู้ป่วยสูงอายุจะไม่แตกต่างไปจากผู้ป่วยวัยอื่นมากนัก นั่นคือ แพทย์จะจ่ายยารักษาอาการของโรคงูสวัดให้ ร่วมกับแนะนำวิธีดูแลตนเองอย่างเหมาะสมให้กับผู้ป่วย

ตัวอย่างยาที่แพทย์มักจ่ายเพื่อบรรเทาอาการโรคงูสวัด ได้แก่

ส่วนวิธีการดูแลตนเองหลักๆ ที่ผู้ป่วยควรปฏิบัติตาม ได้แก่

  • หมั่นทำความสะอาดแผลให้แห้ง อย่าปล่อยให้แผลอับชื้น
  • ปิดแผลให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไวรัสไปสู่ผู้อื่น รวมถึงหลีกเลี่ยงการสัมผัสตัวกับผู้อื่น
  • ไม่เกา หรือแกะแผลเด็ดขาด เพราะจะทำให้แผลเสี่ยงติดเชื้อ
  • ประคบเย็นหากรู้สึกเจ็บแสบแผล
  • ทาโลชั่นคาลามายล์เพื่อสร้างความชุ่มชื้นให้แผล
  • สวมใส่เสื้อผ้าที่ทำจากผ้าใยธรรมชาติ และขนาดสบายตัว
  • หลีกเลี่ยงภาวะเครียด หรือวิตกกังวล เพราะภาวะอารมณ์นี้ คือ ตัวการที่ทำให้เกิดอาการเจ็บแสบแผลมากขึ้น
  • พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์

วิธีป้องกันโรคงูสวัดในผู้สูงอายุ

วิธีป้องกันโรคงูสวัดในผู้คนทุกวัยที่ดีที่สุดคือ การรับวัคซีนป้องกันโรคงูสวัด โดยแนะนำให้ผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 50 ปีเข้ารับการฉีดทุกคน เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดโรคนี้

วัคซีนป้องกันโรคงูสวัดอาจไม่ได้ช่วยป้องกันโรคได้ 100% แต่ก็ช่วยลดโอกาสเป็นโรคได้ถึง 50% และยังช่วยบรรเทาอาการขณะเป็นโรคนี้ไม่ให้ร้ายแรงจนเกิดความทุกข์ทรมานมาก

หากมีคนในครอบครัวเป็นผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้ที่อายุ 50 ปีขึ้นไป ต้องหมั่นดูแลและเตือนให้สมาชิกในครอบครัวรักษาสุขภาพให้แข็งแรงให้ดี หรือรีบไปรับวัคซีนป้องกันโรคงูสวัดที่โรงพยาบาล


ตรวจสอบความถูกต้องโดย นพ. ธนู โกมลไสย

มีคำถามเกี่ยวกับ งูสวัด? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

หากคุณติดตั้ง LINE บนคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว ระบบจะเปิดบัญชีทางการ LINE ของ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ โดยอัตโนมัติ

หากคุณยังไม่ได้ติดตั้ง LINE บนเดสก์ท็อป โปรดสแกน QR โค้ดด้วย LINE บนโทรศัพท์มือถือของคุณเพื่อเริ่มแชทกับ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ