โรคไข้เลือดออกเป็นโรคที่คุ้นเคยกันดี แต่ความร้ายแรงของโรคควรระวังอยู่ไม่น้อย ยิ่งประเทศไทยเป็นประเทศเขตร้อนที่มียุงลายได้ชุกชุม อาจพบโรคนี้ประปรายตลอดปีและระบาดหนักในช่วงฤดูฝน
นอกจากการเลี่ยงไม่ให้ยุงกัดแล้ว การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกจะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันและลดความรุนแรงของโรคได้ ปัจจุบันมีการพัฒนาวัคซีนไข้เลือดออกให้มีประสิทธิภาพป้องกันโรคดีมากขึ้น ไปดูกันว่ามีเรื่องไหนที่คุณอาจไม่รู้เกี่ยวกับวัคซีนไข้เลือดออกชนิดใหม่บ้างนะ
สารบัญ
- 1. วัคซีนไข้เลือดออกมีอยู่ 2 ชนิด
- 2. ไม่ควรฉีดวัคซีนไข้เลือดออกกับวัคซีนชนิดอื่นในวันเดียวกัน
- 3. วัคซีนไข้เลือดออกไม่แนะนำให้ฉีดในคุณแม่ตั้งครรภ์และคนที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- 4. ป่วยเป็นไข้เลือดออกแล้ว ยังแนะนำให้ฉีดวัคซีนไข้เลือดออก
- 5. หายจากไข้เลือดออกแล้ว ควรเว้นระยะการฉีดวัคซีนไข้เลือดออกอย่างน้อย 6 เดือน
- 6. มีโรคประจำตัวสามารถฉีดวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกได้
- 7. วัคซีนไข้เลือดออกมีความปลอดภัย ผลข้างเคียงมักไม่รุนแรง
1. วัคซีนไข้เลือดออกมีอยู่ 2 ชนิด
วัคซีนป้องกันไข้เลือดออกที่ใช้ในประเทศไทยปัจจุบันมี 2 ชนิด เป็นวัคซีนชนิดเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ สามารถป้องกันได้ทั้ง 4 สายพันธุ์ได้เหมือนกัน แต่มีข้อบ่งใช้ ประสิทธิภาพ และจำนวนเข็มที่ฉีดต่างกัน เนื่องจากโครงสร้างของวัคซีน และกระบวนการผลิตของแต่ละประเทศผู้ผลิตแตกต่างกัน
วัคซีนป้องกันไข้เลือดออกชนิดเดิม
- ผลิตจากเชื้อไวรัสไข้เหลืองผสมกับเชื้อไวรัสเดงกี
- ผลิตและนำเข้าจากประเทศฝรั่งเศส
- ป้องกันเชื้อไวรัสไข้เลือดออกสายพันธุ์ที่ 3 และ 4 ได้ดีกว่าสายพันธุ์ที่ 1 และ 2
- ฉีดได้ตั้งแต่อายุ 6–45 ปี สามารถฉีดได้เฉพาะคนที่เคยติดเชื้อไข้เลือดออกมาก่อนเท่านั้น หากไม่มีประวัติการติดเชื้อยืนยัน ต้องทำการตรวจเลือดก่อนการฉีดวัคซีน
- ฉีดจำนวน 3 เข็ม ห่างกัน 6 เดือน (เดือน 0, 6 และ 12)
- ประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อจากทุกสายพันธุ์ ประมาณ 65% และป้องกันไข้เลือดออกที่ต้องนอนโรงพยาบาล ประมาณ 80%
วัคซีนป้องกันไข้เลือดออกชนิดใหม่
- ผลิตจากเชื้อไวรัสเดงกีสายพันธุ์ 2
- ผลิตและนำเข้าจากประเทศเยอรมนี
- ป้องกันเชื้อไวรัสไข้เลือดออกสายพันธุ์ที่ 1 และ 2 ได้ดีกว่าสายพันธุ์ที่ 3 และ 4
- ฉีดได้ตั้งแต่อายุ 4–60 ปี สามารถฉีดได้ทั้งในคนที่เคยและไม่เคยติดเชื้อไข้เลือดออกมาก่อน โดยไม่ต้องตรวจเลือดก่อนการฉีดวัคซีน
- ฉีดจำนวน 2 เข็ม ห่างกัน 3 เดือน (เดือน 0 และ 3)
- ประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อจากทุกสายพันธุ์ ประมาณ 80% และป้องกันไข้เลือดออกที่ต้องนอนโรงพยาบาล ประมาณ 90%
2. ไม่ควรฉีดวัคซีนไข้เลือดออกกับวัคซีนชนิดอื่นในวันเดียวกัน
เนื่องจากยังไม่มีการศึกษาถึงความปลอดภัย จึงมีคำแนะนำให้เว้นระยะห่างจากวัคซีนชนิดอื่น โดยเฉพาะวัคซีนเชื้อเป็น เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ หรือวัคซีนโควิด–19 ประมาณ 1 เดือน
3. วัคซีนไข้เลือดออกไม่แนะนำให้ฉีดในคุณแม่ตั้งครรภ์และคนที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
เนื่องจากวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกผลิตจากเชื้อเป็นที่ทำให้อ่อนฤทธิ์ลง จึงห้ามฉีดในคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร และกลุ่มคนที่มีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่องตั้งแต่กำเนิดหรือภายหลัง เช่น
- ผู้ป่วยเอชไอวี (HIV)
- ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด
- ผู้ป่วยที่ได้รับยาสเตียรอยด์ขนาดสูง
- คนที่มีประวัติแพ้วัคซีนนี้ในครั้งแรก หรือแพ้วัคซีนชนิดอื่นที่มีส่วนประกอบเหมือนกัน
4. ป่วยเป็นไข้เลือดออกแล้ว ยังแนะนำให้ฉีดวัคซีนไข้เลือดออก
การฉีดวัคซีนไข้เลือดออกก็ยังมีความสำคัญอยู่ แม้จะเคยป่วยเป็นไข้เลือดออกแล้ว เพราะโรคไข้เลือดออกติดซ้ำได้หลายครั้ง โดยร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันได้เฉพาะสายพันธุ์นั้น ๆ และจะสร้างภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์อื่น ๆ ได้แค่เพียงชั่วคราวเท่านั้น
อีกทั้งการติดเชื้อครั้งที่ 2 หรือครั้งถัดไปจากสายพันธุ์ที่ยังไม่เคยติด จะมีโอกาสเกิดอาการรุนแรงและภาวะแทรกซ้อนจากโรคได้มากขึ้นด้วย
5. หายจากไข้เลือดออกแล้ว ควรเว้นระยะการฉีดวัคซีนไข้เลือดออกอย่างน้อย 6 เดือน
หลังจากป่วยเป็นไข้เลือดออกแล้ว ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคไว้อยู่แล้ว เมื่อเวลาผ่านไปจะค่อย ๆ ลดน้อยลง การฉีดวัคซีนไข้เลือดออกอีกครั้งในช่วงที่ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่อโรคสูง อาจลดประสิทธิภาพของวัคซีนได้ จึงมีคำแนะนำให้เว้นระยะห่างอย่างน้อย 6 เดือน
6. มีโรคประจำตัวสามารถฉีดวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกได้
คนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคตับ โรคหัวใจ โรคเบาหวานโรคไต โรคไขมันสูง โรคความดันโลหิตสูง หรือโรคไม่ติดต่อเรื้อรังอื่น ๆ ฉีดวัคซีนไข้เลือดออกได้
ยกเว้นคนที่มีปัญหาภูมิคุ้มกันบกพร่องตั้งแต่กำเนิดหรือเกิดในภายหลัง คุณแม่ตั้งครรภ์หรือกำลังให้คนบุตร และคนที่แพ้วัคซีนอย่างรุนแรง หากไม่แน่สามารถปรึกษาแพทย์เพิ่มเติมก่อนรับวัคซีนได้
7. วัคซีนไข้เลือดออกมีความปลอดภัย ผลข้างเคียงมักไม่รุนแรง
วัคซีนไข้เลือดออกมีความปลอดภัย ผลข้างเคียงส่วนใหญ่เป็นอาการทั่วไปหลังได้รับวัคซีน มักเกิดขึ้นภายใน 2 วันหลังฉีด และหายได้เองภายใน 3–4 วัน เช่น ปวด ห้อเลือด บวมและคันบริเวณที่ฉีด มีไข้ต่ำ ๆ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตัว ปวดกล้ามเนื้อ
ไข้เลือดออกป้องกันก่อน งบแค่หลักพัน จอง โปรฉีดวัคซีนไข้เลือดออก ผ่าน HDmall.co.th รับราคาพิเศษตอนจอง เลือกรพ.และคลินิกใกล้บ้านได้ทันที