pregnancy weight gain disease definition

คุณแม่ท้องสุขภาพดี น้ำหนักควรขึ้นกี่โล?

คุณแม่ท้องหลายคนอาจกังวลใจกับน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นขณะตั้งครรภ์ จริง ๆ แล้ว คุณแม่ท้องควรมีน้ำหนักตัวเท่าไร แต่ละไตรมาสหนักขึ้นกี่โลถึงพอดี ไม่ทำให้คุณแม่อ้วน ทารกในครรภ์สุขภาพดี ไปหาคำตอบพร้อมกันในบทความนี้

มีคำถาม? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

น้ำหนักเพิ่มหรือลดตอนท้อง ส่งผลกับสุขภาพคุณแม่ท้อง

หลายคนเข้าใจว่าน้ำหนักตัวของคุณแม่ตอนท้องควรจะเพิ่มเยอะ ๆ ถึงจะดี ลูกน้อยจะได้รับสารอาหารครบถ้วน พอลูกคลอดออกมาจะได้สุขภาพดี ความจริงแล้ว ไม่ได้เป็นแบบนั้น

น้ำหนักตัวของคุณแม่ตอนท้องที่ไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะน้ำหนักตัวมากเกินเกณฑ์ หรือน้ำหนักตัวน้อยต่ำกว่าเกณฑ์ ล้วนมีผลต่อการเติบโตของทารกในครรภ์ และสุขภาพของตัวคุณแม่เอง 

ถ้าน้ำหนักตัวมากเกินไปจะเกิดปัญหาสุขภาพหลายอย่าง เช่น โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ภาวะครรภ์เป็นพิษ เกิดเส้นเลือดขอดมากขึ้น ทำให้แผลผ่าตัดหายช้า เกิดภาวะตกเลือดหลังคลอดได้ง่าย ทารกตัวโตจนคลอดธรรมชาติได้ลำบาก อาจต้องผ่าคลอดแทน หรือเกิดโรคอ้วนในช่วงวัยเด็ก 

ส่วนคุณแม่ที่มีน้ำหนักตัวน้อยเกินไป จะก่อให้เกิดปัญหาการตั้งครรภ์ได้เหมือนกัน เช่น ภาวะเลือดเป็นกรด (Ketosis) ส่งผลกับการพัฒนาสมองของลูกน้อย ทารกตัวเล็กกว่าปกติหลังคลอด มีอาการตัวเหลือง อาจต้องเข้าตู้อบหลังคลอด

คุณแม่ท้องเพิ่มน้ำหนักเท่าไรถึงพอดี

น้ำหนักตัวคุณแม่ตั้งครรภ์ควรเพิ่มขึ้นประมาณ 10–15 กิโลกรัมตลอดการตั้งครรภ์ บางคนอาจมากหรือน้อยกว่านี้ ขึ้นอยู่กับน้ำหนักและดัชนีมวลกาย (BMI)* ก่อนตั้งครรภ์ด้วย แบ่งได้เป็น 4 กลุ่ม ดังนี้

ค่า BMI น้อยกว่า 18.5 น้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์

  • น้ำหนักตัวควรเพิ่มประมาณ 12.5–18 กิโลกรัม ตลอดตั้งครรภ์ 
  • ไตรมาสแรก ควรเพิ่ม 0.5–2 กิโลกรัมต่อเดือน ไตรมาสที่ 2 และ 3 ควรเพิ่ม 0.5 กิโลกรัมต่อสัปดาห์

ค่า BMI 18.5–24.9 น้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์สุขภาพดี

  • น้ำหนักตัวควรเพิ่มประมาณ 11.5–16 กิโลกรัม ตลอดตั้งครรภ์ 
  • ไตรมาสแรก ควรเพิ่ม 0.5–2 กิโลกรัม ไตรมาสที่ 2 และ 3 ควรเพิ่ม 0.5 กิโลกรัมต่อสัปดาห์

ค่า BMI 25–29.9 น้ำหนักตัวเกินเกณฑ์

  • น้ำหนักตัวควรเพิ่มประมาณ 7–11.5 กิโลกรัม ตลอดตั้งครรภ์ 
  • ไตรมาสแรก ควรเพิ่ม 0.5–2 กิโลกรัม ไตรมาสที่ 2 และ 3 ควรเพิ่ม 0.25 กิโลกรัมต่อสัปดาห์

ค่า BMI 30 ขึ้นไป อยู่ในภาวะอ้วน 

  • น้ำหนักตัวควรเพิ่มประมาณ 5–9 กิโลกรัม ตลอดตั้งครรภ์ 
  • ไตรมาสแรก ควรเพิ่ม 0.5–2 กิโลกรัม ไตรมาสที่ 2 และ 3 ควรเพิ่ม 0.25 กิโลกรัมต่อสัปดาห์

หมายเหตุ: ค่า BMI คำนวณจากน้ำหนัก (หน่วยเป็นกิโลกรัม) หารด้วยส่วนสูง ยกกำลังสอง (หน่วยเป็นเมตร) 

มีคำถาม? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

กรณีคำนวณง่าย ๆ ตามไตรมาส น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นจะไม่เท่ากันในแต่ละไตรมาส ช่วงไตรมาสแรก คุณแม่มีอาการแพ้ท้องกินอะไรไม่ค่อยได้ นอนไม่หลับ ร่างกายกำลังปรับตัว และทารกยังมีขนาดเล็กมาก น้ำหนักจะไม่ค่อยขึ้น อาจน้ำหนักตัวลง หรือเพิ่มเล็กน้อย ไม่ควรเกิน 2 กิโลกรัม 

ช่วงไตรมาสที่ 2 อาการแพ้ท้องเริ่มน้อยลง คุณแม่เริ่มกลับมากินอาหารได้ปกติ หรืออาจกินมากขึ้น ทำให้น้ำหนักตัวค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเดือนละ 1–1.5 กิโลกรัม  รวมน้ำหนักตลอดไตรมาสที่ 2 ควรเพิ่มขึ้น 4–5 กิโลกรัม 

ช่วงไตรมาสที่ 3 รูปร่างคุณแม่เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ทารกเจริญเติบโตเร็วมาก ขนาดตัวโตขึ้นมาก น้ำหนักจะเพิ่มขึ้นเดือนละ 2–2.5 กิโลกรัม เดือนสุดท้ายจะเพิ่มขึ้นช้าลงหรือคงที่ รวมน้ำหนักตลอดไตรมาสที่ 3 ควรเพิ่มขึ้น 5–6 กิโลกรัม 

น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นตอนท้องมาจากไหน

น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นของคุณแม่มาจากน้ำหนักของทารกในครรภ์ และร่างกายส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์กระจายกันไป โดยมีสัดส่วนเป็นน้ำหนักทารกในครรภ์ ประมาณ 3–3.2 กิโลกรัม

ส่วนที่เหลืออีกราว 5–6 กิโลกรัม เป็นน้ำหนักของรก เลือด น้ำคร่ำ มดลูก เนื้อเยื่อยืดขยายของเต้านม และอื่น ๆ 

คุณแม่ตั้งท้องกินอาหารอย่างไรให้ไม่ให้อ้วน 

ตามธรรมชาติแล้ว คุณแม่มักหิวบ่อยและกินเยอะมากกว่าปกติ เพราะต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นสำหรับลูกน้อยในครรภ์ แต่ยังจำเป็นต้องเลือกกินอาหาร และกินในปริมาณเหมาะสม ดังนี้

กินอาหารให้มากขึ้น แต่โภชนาการครบถ้วน 

คุณแม่ควรกินอาหารเพิ่มขึ้น เพื่อให้ได้พลังงานเพียงพอกับตัวคุณแม่และทารก ประมาณ 300 กิโลแคลอรีต่อวัน โดยกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ กินวิตามินและกากใยจากผักและผลไม้ เน้นประเภทโปรตีนที่หลากหลายและย่อยง่าย เช่น เนื้อ นม ไข่ ถั่ว ปลา 

ไม่กินตามใจปาก จำกัดอาหารบางประเภท 

ลดการกินอาหารที่มีแป้งให้น้อยลง เลี่ยงอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง เช่น ขนมหวาน น้ำหวาน เบเกอรี เค้ก หรือชานม เพราะการกินอาหารกลุ่มนี้มากเกินไป จะส่งผลให้น้ำหนักตัวคุณแม่ขึ้นเร็ว  หรือน้ำหนักเกินเกณฑ์โดยไม่รู้ตัว 

และที่สำคัญ น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น ไม่ได้ทำให้ลูกน้อยโตไวขึ้น แต่จะกลายเป็นไขมันสะสม ทำให้คุณแม่น้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น มีปัญหาน้ำหนักตัวมากหลังคลอด ลดหุ่นได้ยากอีกด้วย

กินบ่อย ๆ แบ่งเป็นหลายมื้อย่อย

การตั้งครรภ์ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ช้าลง ทำให้คุณแม่กินไม่ได้เยอะเท่าเดิม แต่บางคนอาจจะหิวบ่อย การแบ่งกินเป็นมื้ออาหารเล็ก ๆ วันละ 5–6 มื้อ แทนที่จะเป็น 3 มื้อใหญ่ จะช่วยให้ลำไส้ทำงานดีขึ้น อาการคุณแม่ก็ดีขึ้นด้วย

นอกจากคุณแม่จะควบคุมน้ำหนัก ดูแลอาหารการกินแล้ว อย่าลืมไปพบคุณหมออย่างสม่ำเสมอ ซึ่งคุณหมอจะช่วยให้คำแนะนำการดูแลสุขภาพของคุณแม่ รวมถึงเรื่องน้ำหนักตอนท้องได้ดีที่สุดด้วย

ตั้งครรภ์ปลอดภัย อย่าลืมฝากครรภ์ทันทีที่รู้ตัว HDmall.co.th มัดรวม โปรฝากครรภ์ พบคุณหมอ ให้แล้ว สนใจแพ็กเกจจากรพ.หรือคลินิกใกล้บ้านรายการไหน กดจองได้เลย

มีคำถาม? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

หากคุณติดตั้ง LINE บนคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว ระบบจะเปิดบัญชีทางการ LINE ของ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ โดยอัตโนมัติ

หากคุณยังไม่ได้ติดตั้ง LINE บนเดสก์ท็อป โปรดสแกน QR โค้ดด้วย LINE บนโทรศัพท์มือถือของคุณเพื่อเริ่มแชทกับ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ