myths and facts about dhf dengue disease misunderstanding

เคลียร์ชัด เรื่องที่มักเข้าใจผิดของโรคไข้เลือดออก

โรคไข้เลือดออก (Dengue fever) เป็นโรคระบาดจากยุงที่คุ้นเคยกันดี อาการและความรุนแรงของโรคในแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ทำให้เกิดความสับสนหรือเข้าใจตัวโรคไม่ถูกต้องทั้งหมด วันนี้เรารวมประเด็นที่หลายคนมักเข้าใจคลาดเคลื่อนของโรคไข้เลือดออกมาฝากกัน

ความเชื่อ 1: โดนยุงกัดแล้วต้องเป็นโรคไข้เลือดออก

ความจริง การแพร่เชื้อไวรัสของโรคไข้เลือดออก เกิดจากยุงลายตัวเมียกัดและดูดเลือดของคนที่เป็นโรคไข้เลือดออกก่อน เมื่อยุงลายตัวเดิมไปกัดคนถัดไป มักอยู่ในระยะไม่เกิน 400 เมตร คนถัดไปที่ถูกยุงกัดจะได้รับเชื้อต่อ

แม้โรคไข้เลือดออกเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี 1 ใน 4 สายพันธุ์ผ่านยุงลายที่มีเชื้อกัด แต่ก็มีอีกหลายโรคที่มียุงลายเป็นพาหะนำโรค เพียงแต่เป็นเชื้อคนละตัว เช่น โรคไข้ซิกาเกิดจากเชื้อไวรัสซิกา โรคชิคุนกุนยาหรือโรคไข้ปวดข้อ เกิดจากเชื้อไวรัสชิคุนกุนยา 

เมื่อโดนยุงกัดเลยมีโอกาสเสี่ยงได้หลายโรค ไม่เฉพาะแค่โรคไข้เลือดออกเท่านั้น การเลี่ยงไม่ให้ถูกยุงกัด ขจัดลูกน้ำและทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายที่อยู่ใกล้ตัว ถือเป็นการป้องกันโรคที่ต้นเหตุได้ดี รวมถึงสามารถฉีดวัคซีนโรคไข้เลือดออก ลดความเสี่ยงการติดเชื้อได้อีกทาง

ความเชื่อ 2: โรคไข้เลือดออกเป็นโรคติดต่อจากคนสู่คน

ความจริง การแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกติดผ่านทางยุงลายพาหะเป็นหลัก โดยยุงจะไปกัดคนติดเชื้อไวรัสมาก่อน แล้วมากัดอีกคนหนึ่งในภายหลัง ไม่ใช่โรคติดต่อจากคนสู่คนโดยตรงเหมือนโรคไข้หวัดหรือโรคติดเชื้ออื่น ๆ 

อย่างไรก็ตาม โรคไข้เลือดออกสามารถติดจากคนสู่คนได้ทางเลือด นั่นคือการติดเชื้อจากแม่สู่ลูกผ่านการคลอดตามธรรมชาติ ซึ่งตัวเด็กมีโอกาสสัมผัสกับเลือดของแม่ระหว่างการคลอด ทำให้อาจได้รับเชื้อไวรัสมาได้เช่นกัน

ความเชื่อ 3: โรคไข้เลือดออกมีอาการเล็กน้อย ไม่ได้รุนแรงมาก 

ความจริง โรคไข้เลือดออกก่อให้เกิดอาการได้หลายระดับ ตั้งแต่ไม่มีอาการ มีเล็กน้อย ไปจนถึงอาการรุนแรง ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น เป็นการติดเชื้อครั้งแรกหรือติดเชื้อซ้ำ มีโรคประจำตัวที่เป็นปัจจัยเสี่ยงให้อาการรุนแรงไหม หรือติดเชื้อสายพันธุ์ไหน 

ส่วนใหญ่การติดเชื้อครั้งแรกจะไม่มีอาการ หรืออาการไม่รุนแรงคล้ายไข้หวัด มักไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก ผู้ป่วยจะมีไข้สูง 39–40 องศาเซลเซียส นาน 2–7 วัน ร่วมกับอาการปวดหัว ปวดตา หน้าแดง ปวดเมื่อยตัว คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ปวดท้อง และอาจมีภาวะเลือดออก

กรณีติดเชื้อเป็นครั้งที่ 2 แล้วต่างสายพันธุ์กับครั้งแรก มีแนวโน้มจะเป็นโรคไข้เลือดออกรุนแรง (Dengue hemorrhagic fever) เสี่ยงเกิดภาวะช็อก มักพบอาการมือเท้าเย็น ตัวเย็น เหงื่อออก กระสับกระส่าย ตัวลายหรือผิวคลํ้าลง ปัสสาวะน้อยลง หรือไม่ปัสสาวะ 4–6 ชั่วโมง  

อย่างไรก็ตาม บอกไม่ได้แน่นอนว่าใครจะเกิดอาการรุนแรงจากโรคไข้เลือดออกหรือไม่ ทางที่ดีเมื่อมีไข้สูงนานเกินกว่า 2 วัน ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุจะดีที่สุด

ความเชื่อ 4: เคยเป็นไข้เลือดออกแล้ว ร่างกายมีภูมิคุ้มกัน ไม่ป่วยซ้ำ

ความจริง คนเราป่วยเป็นไข้เลือดออกได้หลายครั้ง เพราะไวรัสเดงกีต้นเหตุโรคไข้เลือดออกมีอยู่ 4 สายพันธุ์  ได้แก่ เด็งกี–1, เด็งกี–2, เด็งกี–3 และเด็งกี–4 ทุกสายพันธุ์ล้วนก่อโรคไข้เลือดออกได้ทั้งสิ้น 

กรณีเคยติดเชื้อสายพันธุ์ใดไปแล้ว ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัสสายพันธุ์นั้นตลอดชีวิต และสร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัสสายพันธุ์ที่เหลือในระยะสั้น ๆ 6–12 เดือน ทำให้มีโอกาสติดเชื้อสายพันธุ์ที่เหลือได้อีก และอาการมักรุนแรงกว่าการติดเชื้อครั้งแรก 

ความเชื่อ 5: ไม่ได้อยู่ใกล้แหล่งน้ำ โอกาสเป็นโรคไข้เลือดออกน้อย

ความจริง ไม่เพียงแหล่งน้ำตามธรรมชาติเท่านั้นที่ยุงลายสามารถวางไข่ได้ แต่แหล่งน้ำนิ่งภายในบ้านหรือรอบบริเวณบ้านสามารถเป็นแหล่งวางไข่ของยุงลายได้เหมือนกัน เช่น ถังน้ำ โอ่งน้ำ แจกันดอกไม้ กระป๋อง ฝากะลา ยางรถยนต์เก่า ๆ หรือหลุมที่มีน้ำขัง 

ความเชื่อ 6: ไม่มีโรคประจำตัว ไม่เป็นไข้เลือดออกรุนแรง

ความจริง โรคไข้เลือดออกก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ทั่วร่างกาย คนบางกลุ่มที่แม้ไม่มีโรคประจำตัวก็อาจเสี่ยงเกิดอาการรุนแรงจากโรคไข้เลือดออกได้ โดยเฉพาะ

  • เด็กเล็กอายุน้อยกว่า 5 ปี อาจเสี่ยงเกิดอาการชักจากไข้สูง 
  • คนในช่วงอายุ 15–60 ปี มักจะมีภูมิคุ้มกันตอบสนองกับเชื้อไวรัสรุนแรง เสี่ยงเกิดการอักเสบของอวัยวะภายในได้สูง  
  • เคยเป็นไข้เลือดออกมาแล้ว ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันบางส่วน จึงเกิดการตอบสนองต่อการติดเชื้อครั้งได้มากขึ้นกว่าปกติ

ความเชื่อ 7: ไข้ลงแล้วไม่อันตราย ใกล้หายจากโรคไข้เลือดออก

ความจริง โรคไข้เลือดออก แบ่งอาการได้เป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะไข้ขึ้นสูง ระยะวิกฤตหรือระยะช็อก และระยะฟื้นตัว 

โดยช่วงที่ไข้เริ่มลงใน 24 ชั่วโมงแรกจะเข้าสู่ระยะที่ 2 หรือระยะวิกฤต บางคนอาจเกิดภาวะเลือดออกที่อวัยวะภายใน สารน้ำในหลอดเลือดมีการรั่วไหลออกนอกหลอดเลือด ส่งผลให้ความดันโลหิตต่ำ ชัก หมดสติ และหัวใจหยุดเต้น หรือเกิดภาวะช็อก จึงต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ

กรณีไม่เกิดภาวะช็อกหรือผ่านระยะวิกฤติมาได้ ถึงจะเข้าสู่ระยะฟื้นตัวหรือใกล้หายดี อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้น ไข้ลดลง อยากรับประทานอาหาร ปัสสาวะได้มากขึ้น ชีพจรและความดันโลหิตเริ่มกลับมาเป็นปกติ แต่ยังจะมีผื่นสีแดงเล็ก ๆ สาก ๆ เป็นวงสีขาวขึ้นตามร่างกาย 

ความเชื่อ 8: โรคไข้เลือดออกเป็นแล้วหายเอง ไม่ต้องรับการรักษา

ความจริง โรคไข้เลือดออกไม่มียารักษาเฉพาะ การดูแลรักษาเป็นแบบรักษาตามอาการและประคับประคอง แต่ก็ยังต้องได้รับการวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างเหมาะสม ขึ้นอยู่กับอาการในแต่ละคน เพราะทุกคนมีโอกาสเกิดอาการรุนแรงได้ โดยเฉพาะคนที่มีโรคประจำตัว

หากสงสัยว่าอาจเป็นโรคไข้เลือดออก หรือมีไข้สูงนานเกิน 2 วัน ควรรีบไปพบแพทย์ การได้รับวินิจฉัยโรคเร็ว จะช่วยให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสม และลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคได้มาก 

ไม่ต้องรอป่วยไข้เลือดออก ฉีดวัคซีนป้องกันโรคเสริมไว้ อุ่นใจชัวร์ เช็กโปรฉีดวัคซีนไข้เลือดออก จากรพ. หรือคลินิกใกล้บ้าน จองผ่าน HDmall.co.th รับราคาพิเศษกว่าซื้อเองนะ 

Scroll to Top