ยา เมทิลเฟนิเดต (methylphenidate) เป็นยารักษาโรคสมาธิสั้น (attention deficit hyperactivity disorder – ADHD) ยาจะออกฤทธิ์โดยไปเปลี่ยนแปลงปริมาณสารเคมีตามธรรมชาติในสมอง ยา methylphenidate จัดเป็นยาในกลุ่มกระตุ้นสมอง (stimulants) โดยยาจะช่วยให้มีสมาธิมากขึ้น สามารถจดจ่อกับการทำกิจกรรมได้ และช่วยควบคุมปัญหาทางพฤติกรรม ยายังอาจช่วยให้คุณจัดการเกี่ยวกับงานต่างๆ และช่วยให้ความสามารถในการฟังดีขึ้น
สารบัญ
- สรรพคุณของยา methylphenidate
- กลไกการออกฤทธิ์ยา methylphenidate
- วิธีใช้ยา methylphenidate
- ผลข้างเคียงของยา methylphenidate
- แจ้งแพทย์ทันทีหากคุณมีอาการข้างเคียงที่ร้ายแรง
- ไปพบแพทย์ทันทีถ้าคุณมีอาการข้างเคียงที่ร้ายแรงมาก
- ข้อควรระวังในการใช้ยา methylphenidate
- คำเตือนในการใช้ยา methylphenidate
- ใครบ้างที่ไม่ควรใช้ยา methylphenidate
- การใช้ยา methylphenidate ร่วมกับยาอื่น
- ผลิตภัณฑ์ยาบางรายการที่อาจเกิดปฏิกิริยากับยา methylphenidate:
- การได้รับยา methylphenidate เกินขนาด
- หากลืมรับประทานยา methylphenidate
- การเก็บรักษายา methylphenidate
- หมายเหตุ
สรรพคุณของยา methylphenidate
- รักษาโรคสมาธิสั้นและภาวะสมองช้า (ADHD) ใช้ในการช่วยเพิ่มความสนใจ ความตั้งใจ และลดพฤติกรรมที่ไม่มีสมาธิในผู้ป่วยที่มีอาการ ADHD
- รักษาภาวะง่วงหลับเกินปกติ ใช้ในการช่วยลดอาการง่วงหลับเกินปกติในระหว่างวัน
กลไกการออกฤทธิ์ยา methylphenidate
Methylphenidate ทำงานโดยการเพิ่มระดับของสารสื่อประสาท dopamine และ norepinephrine ในสมอง ซึ่งช่วยปรับปรุงความสนใจและการควบคุมพฤติกรรมของผู้ป่วยที่มีอาการ ADHD
วิธีใช้ยา methylphenidate
- อ่านคำแนะนำในการใช้ยาที่ได้รับจากเภสัชกรก่อนใช้ยานี้ และในทุกครั้งที่มารับยาซ้ำ หากมีคำถามใดๆ ให้สอบถามจากแพทย์หรือเภสัชกร
- รับประทานยานี้ตามแพทย์สั่ง สามารถรับประทานก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ โดยทั่วไปจะรับประทานวันละ 1 ครั้งในตอนเช้า การรับประทานยาล่าช้ากว่าช่วงเช้าอาจทำให้มีอาการนอนไม่หลับได้
- กลืนยานี้พร้อมกับน้ำ 1 แก้ว (240 มิลลิลิตร) ห้ามบดหรือเคี้ยวเม็ดยานี้ เพราะจะทำให้ยาถูกปลดปล่อยออกมาทีเดียวทั้งหมด ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงจากยา ดังนั้นห้ามหักแบ่งเม็ดยา ยกเว้นเม็ดยามีรอยขีดให้หักแบ่งและแพทย์หรือเภสัชกรแนะนำให้คุณหักแบ่งเม็ดยา ซึ่งยาที่ถูกหักแบ่งต้องกลืนโดยไม่บดหรือเคี้ยวยาอีก
- รับประทานยานี้เป็นประจำเพื่อให้ได้ประโยชน์จากยาเต็มที่ เพื่อไม่ให้ลืมรับประทานยา แนะนำให้รับประทานยาในเวลาเดียวกันของทุกวัน
- ขนาดยาที่คุณได้รับจะขึ้นกับสภาวะโรคและการตอบสนองต่อการรักษาของคุณ แพทย์อาจให้คุณค่อยๆ ปรับเพิ่มขนาดยาขึ้น หรือค่อยๆ ปรับลดขนาดยาลง ดังนั้นถ้าคุณใช้ยานี้เป็นเวลานาน ห้ามหยุดยาอย่างกะทันหันโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์
- ยา methylphenidate อาจทำให้เกิดอาการถอนยาได้ โดยเฉพาะถ้าคุณใช้ยานี้เป็นประจำในระยะเวลานาน หรือใช้ยาในขนาดสูง ในบางกรณีถ้าคุณหยุดยาอย่างกะทันหันอาจทำให้เกิดอาการถอนยา เช่น อาการซึมเศร้า, มีความคิดฆ่าตัวตาย หรือมีการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ สภาพจิตใจ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการถอนยา แพทย์อาจค่อยๆ ปรับลดขนาดยาลงก่อนหยุดยา ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม และแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทันทีถ้ามีอาการถอนยาเกิดขึ้น
- เมื่อมีการใช้ยานี้เป็นเวลานาน ยาอาจออกฤทธิ์ได้ไม่ดีเหมือนแต่ก่อน ให้ขอคำปรึกษาจากแพทย์หากยาออกฤทธิ์ได้ไม่ดีดังเดิม
- แม้ว่ายา methylphenidate จะช่วยรักษาโรคให้กับผู้ป่วยหลายราย แต่ยานี้อาจทำให้เกิดการติดยาได้ โดยความเสี่ยงอาจเพิ่มขึ้นถ้าคุณติดยาเสพติด หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คุณจะต้องรับประทานยานี้ตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัดเพื่อลดโอกาสที่จะติดยานี้ ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
- แจ้งแพทย์หากอาการของคุณไม่ดีขึ้นหรือมีอาการแย่ลง
ผลข้างเคียงของยา methylphenidate
- อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากยา เช่น ความกังวล, นอนไม่หลับ, เบื่ออาหาร, น้ำหนักลด, เวียนศีรษะ, คลื่นไส้ อาเจียน หรือปวดศีรษะ ถ้าอาการเหล่านี้ไม่ดีขึ้นหรือมีอาการแย่ลง ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทันที
- อาจพบเปลือกเม็ดยาในอุจจาระของคุณได้ ซึ่งไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด เพราะว่าร่างกายได้ดูดซึมยาเข้าสู่ร่างกายแล้ว
- โปรดจำไว้ว่า การที่แพทย์สั่งยานี้ให้กับคุณ เพราะว่าแพทย์ได้ประเมินแล้วว่าคุณจะได้รับประโยชน์จากยานี้มากกว่าความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียง ผู้ป่วยหลายรายที่ใช้ยานี้ไม่เกิดอาการข้างเคียงร้ายแรงจากยา
- ยา methylphenidate อาจทำให้ความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้น จึงต้องตรวจวัดความดันโลหิตเป็นประจำ และแจ้งแพทย์ทราบหากผลพบว่าความดันโลหิตสูง
แจ้งแพทย์ทันทีหากคุณมีอาการข้างเคียงที่ร้ายแรง
- มีอาการของการไหลเวียนเลือดผิดปกติที่นิ้วมือ หรือนิ้วเท้า (เช่น รู้สึกเย็น ชา ปวด หรือผิวหนังเปลี่ยนสี)
- มีแผลผิดปกติที่นิ้วมือหรือนิ้วเท้า
- หัวใจเต้นเร็ว หัวใจเต้นผิดจังหวะ
- อารมณ์/สภาพจิตใจ/พฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไป เช่น กระสับกระส่าย, ก้าวร้าว, อารมณ์แปรปรวน, มีความคิดผิดปกติ, มีความคิดฆ่าตัวตาย
- ควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อไม่ได้ เช่น กระตุก, สั่น
- มีการระเบิดอารมณ์ทางคำพูด/น้ำเสียง อย่างควบคุมไม่ได้
- มีการมองเห็นผิดปกติ เช่น ตาพร่ามัว
ไปพบแพทย์ทันทีถ้าคุณมีอาการข้างเคียงที่ร้ายแรงมาก
- เป็นลม
- ชัก
- มีอาการของกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือด เช่น เจ็บหน้าอก เจ็บที่ขากรรไกร ปวดแขนข้างซ้าย, หายใจถี่, เหงื่อออกผิดปกติ
- มีอาการของโรคหลอดเลือดสมอง เช่น อ่อนแรงที่ด้านใดด้านหนึ่งของร่างกาย พูดไม่ชัด มีการมองเห็นผิดปกติอย่างเฉียบพลัน สับสน
ในผู้ชาย รวมถึงเด็กชายและวัยรุ่นชาย อาจมีผลข้างเคียงที่พบได้น้อยขณะใช้ยานี้คือ อาการปวดที่อวัยวะเพศขณะแข็งตัวหรือมีการแข็งตัวนาน 4 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น ดังนั้นผู้ดูแล/ผู้ปกครองควรสังเกตผลข้างเคียงร้ายแรงที่เกิดในเด็กชายนี้ ถ้าพบอาการปวดขณะอวัยวะเพศแข็งตัวหรืออวัยวะเพศแข็งตัวนานเกิดขึ้น ให้หยุดใช้ยาและไปพบแพทย์ทันที หากไม่ไปพบแพทย์อาจทำให้เกิดปัญหาในระยะยาวได้ โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ปฏิกิริยาการแพ้ยานี้ เป็นเรื่องที่พบได้น้อย อย่างไรก็ตามถ้าเกิดอาการใดๆ ของการแพ้ยาให้รีบไปพบแพทย์ทันที ได้แก่ ผื่น, คัน บวม (โดยเฉพาะที่หน้า ลิ้น คอ), เวียนศีรษะรุนแรง, หายใจลำบาก
อาการข้างเคียงที่กล่าวไว้ข้างต้นไม่ใช่อาการข้างเคียงทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้นถ้าคุณมีอาการผิดปกติใดๆ ที่ไม่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
ข้อควรระวังในการใช้ยา methylphenidate
ถ้าคุณแพ้ยา methylphenidate หรือ dexmethylphenidate หรือแพ้สิ่งอื่นๆ ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบก่อนได้รับยานี้ ผลิตภัณฑ์ยานี้อาจประกอบด้วยสารไม่ออกฤทธิ์อื่นซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการแพ้หรือปัญหาอื่นได้ ให้ปรึกษาเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ก่อนการใช้ยา methylphenidate ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะถ้าคุณเป็น
- ความดันโลหิตสูง
- มีปัญหาเกี่ยวกับการไหลเวียนของเลือด เช่น Raynaud’s disease
- ต้อหิน
- โรคหัวใจ เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ, หัวใจล้มเหลว, เคยเป็นกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือด, มีปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้างของหัวใจ
- ประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจ เช่น เสียชีวิตจากโรคหัวใจเฉียบพลัน, หัวใจเต้นผิดจังหวะ
- มีความผิดปกติทางสภาพจิตใจ อารมณ์ โดยเฉพาะ วิตกกังวล, เครียด, กระสับกระส่าย
- ตนเองหรือคนในครอบครัวเป็นโรคทางสภาพจิตใจ อารมณ์ เช่น โรคไบโพล่าร์, ซึมเศร้า, โรคจิตเภท, มีความคิดฆ่าตัวตาย
- ตนเองหรือคนในครอบครัวมีประวัติไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อได้ (motor tics, Tourette’s syndrome)
- เป็นโรคต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไป (hyperthyroidism)
- เป็นโรคลมชัก
ยา methylphenidate อาจทำให้วิงเวียนศีรษะ โดยแอลกอฮอล์จะทำให้อาการวิงเวียนศีรษะเป็นมากขึ้น ห้ามขับรถ, ทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร หรือทำกิจกรรมใดๆ ที่ต้องอาศัยการตื่นตัว จนกว่าคุณจะทำกิจกรรมดังกล่าวได้อย่างปลอดภัย แนะนำให้หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ก่อนเข้ารับการผ่าตัด ให้แจ้งแพทย์หรือทันตแพทย์ทราบเกี่ยวกับรายการยา อาหารเสริม และสมุนไพรที่กำลังใช้อยู่
ถ้าใช้ยานี้เป็นเวลานาน ยาอาจส่งผลกระทบต่ออัตราการเจริญเติบโตของเด็ก, น้ำหนัก และน้ำหนักสุดท้ายเมื่อเป็นผู้ใหญ่ เพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าว แพทย์อาจแนะนำให้คุณหยุดยาเป็นระยะเวลาสั้นๆ
ต้องติดตามน้ำหนักตัวและส่วนสูงของเด็กเป็นประจำ และปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ผู้สูงอายุมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงจากยามากกว่าปกติ โดยเฉพาะอาการนอนไม่หลับ น้ำหนักลด หรือเจ็บหน้าอก
ระหว่างการตั้งครรภ์ ยานี้ควรใช้เฉพาะในกรณีที่ประเมินแล้วว่ามีความจำเป็นจริงๆ โดยให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความเสี่ยงและประโยชน์ของการใช้ยานี้
ยา methylphenidate ผ่านไปยังน้ำนมได้ จึงให้ปรึกษาแพทย์ก่อนการให้นมบุตร
คำเตือนในการใช้ยา methylphenidate
การใช้ยา methylphenidate ในทางที่ผิด หรือใช้ผิดวัตถุประสงค์จะทำให้เกิดปัญหาที่ร้ายแรงต่อหัวใจและความดันโลหิตได้ (อาจถึงแก่ชีวิต)
ยานี้อาจทำให้เกิดการติดยาได้ จึงควรระวังการใช้ในผู้ที่เป็นโรคทางจิตเวช หรือผู้ที่ติดสารเสพติด (เช่น ยาเสพติด, แอลกอฮอล์) ก่อนการใช้ยานี้ ให้แจ้งแพทย์ถ้าคุณหรือครอบครัวของคุณมีประวัติติดสารเสพติด ห้ามปรับเพิ่มขนาดยา, ใช้ยามากกว่าที่แพทย์สั่ง, ใช้ยานานกว่าที่แพทย์สั่ง หรือใช้ยาด้วยวิธีการอื่นๆ ที่แพทย์ไม่ได้สั่ง เพราะอาจลดประสิทธิภาพของยา, ทำให้เกิดการติดยา หรือทำให้มีความคิดผิดปกติ/พฤติกรรมผิดปกติ
แพทย์อาจติดตามคุณต่อไปหลังจากหยุดยาในช่วงระยะเวลาหนึ่ง โดยเฉพาะถ้าคุณใช้ยานี้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานหรือใช้ยาในขนาดสูง
ใครบ้างที่ไม่ควรใช้ยา methylphenidate
ผู้ป่วยที่มีสภาวะดังต่อไปนี้ ถือเป็นข้อห้ามในการใช้ยา methylphenidate หากคุณมีสภาวะดังรายละเอียดด้านล่าง ให้แจ้งแพทย์ทราบก่อนได้รับยา
- มีการทำงานของต่อมไทรอยด์มากเกินไป
- โลหิตจาง
- เกล็ดเลือดต่ำ
- เม็ดเลือดขาวต่ำ
- มีพฤติกรรมร่าเริงและทำกิจกรรมต่างๆ มากเกินไป
- อาการคลุ้มคลั่งแบบเดี๋ยวสุขเดี๋ยวเศร้าซึม
- โรคจิตเภท
- มีความคิดฆ่าตัวตาย
- โรคพิษสุราเรื้อรัง (alcoholism)
- มีพฤติกรรมการใช้ยาในทางที่ผิด
- กล้ามเนื้อกระตุกเรื้อรัง
- Tourette’s
- มีความดันในลูกตาสูงขึ้น
- มีความดันโลหิตสูง
- มีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือด หรือเพิ่งมีภาวะนี้ภายในช่วง 30 วันที่ผ่านมา
- โรคหลอดเลือดหัวใจ (coronary artery disease)
- กล้ามเนื้อหัวใจโต
- หัวใจเต้นผิดจังหวะ
- หัวใจล้มเหลวเรื้อรัง
- โรคหลอดเลือดสมอง (stroke)
- มีอาการชาเป็นครั้งคราว
- รู้สึกเหมือนถูกเข็มทิ่มหรือชา ที่นิ้วมือ และนิ้วเท้า
- โรคหลอดเลือดส่วนปลาย (Peripheral Vascular Disease)
- กระเพาะอาหารหรือลำไส้อุดตัน
- การดูดซึมสารอาหารผิดปกติเนื่องจากลำไส้สั้น
- ปวดขณะอวัยวะเพศแข็งตัวอย่างต่อเนื่อง
- มีอาการชัก
- มีปัญหาในการผ่านของอาหารที่หลอดอาหาร
- โครงสร้างหัวใจผิดปกติ
- เขียวตามปลายมือปลายเท้า (Acrocyanosis)
- โรควิตกกังวล
- แพ้ยา methylphenidate
การใช้ยา methylphenidate ร่วมกับยาอื่น
- การเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา (drug interactions) อาจเปลี่ยนแปลงการออกฤทธิ์ของยาหรือเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงร้ายแรง ข้อมูลที่ระบุนี้ไม่ได้ครอบคลุมการเกิดปฏิกิริยาระหว่างยาที่อาจเกิดขึ้นได้ทั้งหมด ดังนั้นคุณต้องแจ้งแพทย์และเภสัชกรทราบทุกครั้งว่าคุณกำลังรับประทานยา อาหารเสริม สมุนไพร ใดอยู่ในขณะนี้ อย่าเริ่มยา หยุดยา หรือเปลี่ยนแปลงขนาดยาต่างๆ เอง โดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์
- การใช้ยาในกลุ่ม MAO inhibitors ร่วมกับยา methylphenidate อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยาที่ร้ายแรงได้ (อาจทำให้เสียชีวิตได้) จึงต้องหลีกเลี่ยงการใช้ยาในกลุ่ม MAO inhibitors (isocarboxazid, linezolid, methylene blue, moclobemide, phenelzine, procarbazine, rasagiline, safinamide, selegiline, tranylcypromine) ระหว่างใช้ยา methylphenidate โดยยาในกลุ่ม MAO inhibitors ส่วนใหญ่ ควรเว้นระยะห่างไม่ใช้ร่วมกันอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนใช้ยา methylphenidate โดยให้ปรึกษาแพทย์ว่าเมื่อใดควรเริ่มยาหรือหยุดยาต่างๆ เหล่านี้
- ยา methylphenidate คล้ายกับยา dexmethylphenidate มากๆ จึงห้ามใช้ยาทั้ง 2 ชนิดนี้ร่วมกัน
- ยา methylphenidate อาจรบกวนผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ/ผลการตรวจทางการแพทย์ เช่น การตรวจสแกนสมองสำหรับโรคพาร์กินสัน ซึ่งอาจทำให้ผลออกมาไม่ถูกต้องได้ จึงต้องแจ้งแพทย์และเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติเสมอว่าคุณกำลังใช้ยานี้
ผลิตภัณฑ์ยาบางรายการที่อาจเกิดปฏิกิริยากับยา methylphenidate:
- Tricyclic compounds
- Guanethidine
- Ergot derivatives
การได้รับยา methylphenidate เกินขนาด
หากมีใครก็ตามที่ได้รับยา methylphenidate เกินขนาด จนทำให้เกิดอาการที่ร้ายแรง เช่น หมดสติ หรือหายใจลำบาก ให้รีบเรียกรถพยาบาลทันที โทร 1669
อาการของการได้รับยาเกินขนาดอาจได้แก่ อาเจียน, กระวนกระวาย, สับสน, เหงื่อออก, หน้าแดง, กล้ามเนื้อกระตุก, ประสาทหลอน, ชัก, หมดสติ
หากลืมรับประทานยา methylphenidate
ถ้าคุณลืมรับประทานยานี้ ให้รับประทานทันทีที่นึกได้ หากนึกได้เมื่อใกล้กับเวลาเข้านอนหรือเมื่อใกล้กับเวลาของมื้อถัดไป ให้ข้ามมื้อที่ลืมไป และรับประทานมื้อถัดไปตามปกติ โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เท่า
การเก็บรักษายา methylphenidate
เก็บรักษายาที่อุณหภูมิห้อง ห่างจากแสงแดดและความชื้น ไม่เก็บยาในห้องอาบน้ำ เก็บยาทุกชนิดให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ไม่เทยานี้ทิ้งในห้องน้ำหรือในท่อระบายน้ำ ให้ทิ้งผลิตภัณฑ์ยานี้อย่างเหมาะสมเมื่อยาหมดอายุหรือเมื่อไม่จำเป็นต้องใช้ยานี้อีก
หมายเหตุ
- ห้ามแบ่งยานี้ให้ผู้อื่นใช้
- ควรมีการตรวจทางห้องปฏิบัติการ และ/หรือการตรวจทางการแพทย์เป็นระยะ เพื่อติดตามอาการและผลข้างเคียง เช่น ตรวจวัดความดันโลหิต, ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด, ติดตามน้ำหนัก/ส่วนสูงในเด็ก ปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
- เนื่องจากยา methylphenidate อาจมีหลายยี่ห้อและหลายรูปแบบ ซึ่งอาจให้ผลที่แตกต่างกัน จึงห้ามเปลี่ยนยี่ห้อหรือรูปแบบยาเองโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร