Default fallback image

ถาม–ตอบอัลไซเมอร์ใน 10 ข้อ เรื่องต้องรู้ก่อนลืม

หากกล่าวถึงปัญหาสุขภาพที่น่ากลัว โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease) คงติดหนึ่งในสิบ ด้วยตัวโรคที่แม้ไม่เจ็บปวดแต่บั่นทอนคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย และยังส่งผลต่อสุขภาพกายและจิตใจของคนในครอบครัวและผู้ดูแล 

หลายคนยังมีความสับสนและความเข้าใจผิดเกี่ยวกับอัลไซเมอร์อีกมาก เราจึงได้รวบรวมคำถามสำคัญมาตอบให้แบบครบเคลียร์มาไว้ในบทความนี้แล้ว มาเรียนรู้ตอนนี้ เพื่อลดความเสี่ยงในอนาคตกัน! 

1. โรคอัลไซเมอร์ คืออะไร 

ตอบ: อัลไซเมอร์คือโรคที่เกิดจากการทำงานของสมองถดถอยผิดปกติ เนื่องจากเซลล์สมองเสียหายหรือตายลงจากปัจจัยต่าง ๆ และถือเป็นต้นเหตุสำคัญของภาวะสมองเสื่อมกว่า 60-80% ในผู้สูงอายุ 

อัลไซเมอร์จะดำเนินโรคช้า ๆ เป็นเวลานานหลายปี แล้วทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ช่วงแรกจะกระทบต่อระบบความจำเป็นอันดับแรก ทำให้มีอาการหลงลืม ถัดมาจะมีปัญหาในการคิด การตัดสินใจ การสื่อสาร พฤติกรรมและอารณ์ที่เปลี่ยนไปร่วมด้วย ทำให้กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก  

ผู้ป่วยอัลไซเมอร์ที่อาการไม่รุนแรงยังอาจช่วยตัวเองได้บ้าง แต่ผู้ป่วยรุนแรงอาจช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลยหรือติดเตียง จึงต้องมีคนในครอบครัวหรือผู้ดูแลอยู่ด้วยตลอด

2. โรคอัลไซเมอร์กับสมองเสื่อม เหมือนกันไหม 

ตอบ: อธิบายก่อนว่า สมองเสื่อมจะใช้เรียกกลุ่มอาการสมองทำงานถดถอย ที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งด้านความจำ ทักษะการคิด การตัดสินใจ การวางแผน การสื่อสารภาษา และการเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมและอารมณ์

สมองเสื่อมนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุ ที่พบมากที่สุดคือโรคอัลไซเมอร์ สาเหตุรองลงมาก็เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคพาร์กินสัน โรคฮันติงตัน การติดสุราเรื้อรัง การบาดเจ็บที่สมอง ไปจนถึงเนื้องอกหรือการติดเชื้อที่สมอง 

สรุปสั้น ๆ คือ อัลไซเมอร์และสมองเสื่อมไม่ใช่โรคเดียวกัน แต่อัลไซเมอร์ก่อให้เกิดสมองเสื่อมได้ จึงอาจมีอาการทางสมองคล้ายกัน   

3. โรคอัลไซเมอร์ มีอาการอะไรบ้าง 

ตอบ: อัลไซเมอร์ก่ออาการแบบค่อยเป็นค่อยไป ผู้ป่วยมักมีอาการเพียงเล็กน้อยแล้วค่อยรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่ออายุมากขึ้น เช่น 

  • ลืมเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น ชื่อคนรู้จัก หรือสถานที่ที่ไปประจำ วางของในที่ที่ไม่ควรวางแล้วจำไม่ได้ว่าตรงไหน เช่น วางรีโมทในซิงค์ วางกุญแจในตู้เย็น
  • สับสนวัน เวลา สถานที่ หลงทิศทางแม้ในสถานที่คุ้นเคย
  • ตัดสินใจแย่ลงหรือไม่เหมาะกับสถานการณ์ วางแผนหรือทำตามขั้นตอนง่าย ๆ ไม่ได้
  • มีปัญหาการพูด สื่อสารช้าลง ไม่รู้เรื่อง เรียงคำไม่ถูก หรือคิดคำไม่ออก
  • ไม่มีสมาธิทำสิ่งต่าง ๆ ทำงานได้ไม่ดี ทำไม่เสร็จ หรืองานประสิทธิภาพแย่ลง
  • พฤติกรรมเปลี่ยนไป เก็บตัว เลี่ยงการเข้าสังคม หยุดทำกิจกรรมที่สนใจ
  • อารมณ์เปลี่ยนเร็ว เช่น ซึมเศร้า วิตกกังวล ฉุนเฉียว หรือหงุดหงิดง่าย 

ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่รู้สึกถึงความผิดปกติและไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นอัลไซเมอร์ จึงต้องอาศัยการสังเกตของคนใกล้ชิด เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าสู่กระบวนการตรวจคัดกรอง รักษาและชะลออาการตั้งแต่เนิ่น ๆ 

4. โรคอัลไซเมอร์ เกิดจากอะไร 

ตอบ: สาเหตุของอัลไซเมอร์ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่อาจเกี่ยวข้องกับโปรตีนในสมองอย่างอะมัยลอยด์ (Amyloid plaque) และเทาว์ (Tau protein) 

เมื่อโปรตีนทั้งสองชนิดสะสมที่เซลล์สมองมากเกินไป จะขัดขวางการทำงานของเซลล์ ทำให้เซลล์เสียหาย สูญเสียการเชื่อมต่อสื่อสารระหว่างกัน และตายลง ส่งผลให้สมองทำงานถดถอย ฝ่อลง นำไปสู่อัลไซเมอร์และสมองเสื่อมในที่สุด

5. ปัจจัยเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์ มีอะไรบ้าง 

ตอบ: แม้ไม่ทราบสาเหตุ แต่อัลไซเมอร์เกิดได้จากหลายปัจจัยทั้งควบคุมได้และไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น

  • คนสูงอายุมากกว่า 65 ปีขึ้น ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 2 เท่าทุก 5 ปี
  • เพศหญิง มักพบได้มากกว่าเพศชาย เนื่องจากอายุยืนกว่า
  • พันธุกรรมหรือคนในครอบครัวเคยมีประวัติเป็นอัลไซเมอร์หรือสมองเสื่อม แต่มีโอกาสเป็นไปได้ต่ำ
  • ยีนกลายพันธุ์ เช่น ยีนอะโปไลโพโปรตีนอี 4 (Apolipoprotein E4: ApoE4) หรือภาวะดาวน์ซินโดรม ส่งผลให้เสี่ยงอัลไซเมอร์เร็วขึ้น
  • การบาดเจ็บที่สมอง (TBI) โดยเฉพาะเมื่ออายุ 50 ปีขึ้นไป เสี่ยงเป็นอัลไซเมอร์และสมองเสื่อมสูง ความเสี่ยงยิ่งสูงมากหากบาดเจ็บที่สมองอย่างรุนแรงหรือหลายจุด 
  • ปัจจัยเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด เพิ่มความเสี่ยงของอัลไซเมอร์ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น สูบบุหรี่ ไม่ออกกำลังกาย น้ำหนักเกิน ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง หรือคอเลสเตอรอลสูง  

ปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่มีความเป็นไปได้ก็เช่น สูญเสียการได้ยิน ภาวะซึมเศร้าที่ไม่ได้รักษา ติดสุรา มีปัญหาการนอน แยกตัวจากสังคม ขาดการทำกิจกรรมทางสังคม หรือเคลื่อนไหวร่างกายน้อย

6. โรคอัลไซเมอร์เริ่มเป็นตอนไหน

ตอบ: ใช่ว่าอายุมากแล้วจะต้องเป็นอัลไซเมอร์ แต่อายุถือเป็นปัจจัยเสี่ยงอัลไซเมอร์ที่สำคัญ เมื่ออายุมากขึ้นระบบอวัยวะมักเสื่อมลงตามธรรมชาติ เซลล์สมองก็เริ่มลดลง จึงเสี่ยงต่ออัลไซเมอร์เพิ่มขึ้นนั่นเอง 

อัลไซเมอร์โดยมากเริ่มพบในคนอายุ 65 ปีขึ้นไป ถึง 10% โดยมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าในทุก ๆ 5 ปี หากอายุมากกว่า 85 ปี อาจเสี่ยงเพิ่มขึ้นสูงถึง 40% 

ในคนอายุน้อยราว 30-65 ปี เสี่ยงเป็นอัลไซเมอร์ได้เช่นกัน โดยเรียกกันว่า โรคอัลไซเมอร์ชนิดเกิดเร็ว (Early/young onset Alzheimer’s disease) อาจเกิดจากพันธุกรรมหรือยีนกลายพันธุ์ แต่มักพบได้น้อย  

7. โรคอัลไซเมอร์ ตรวจคัดกรองได้ไหม

ตอบ: อัลไซเมอร์ดำเนินโรคช้า ๆ ก่อนจะแสดงสัญญาณอาการออกมาในช่วงอายุ 65 ปีขึ้นไป หากเราตรวจคัดกรองโรคตั้งแต่ก่อนหน้านั้นอาจช่วยให้พบสัญญาณของอัลไซเมอร์ ชะลออาการอัลไซเมอร์ที่เกิดแล้ว หรือช่วยทำนายโรคล่วงหน้าราว 5-10 ปี 

เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงอัลไซเมอร์มีมากมาย แพทย์อาจแนะนำให้ตรวจคัดกรองหลายวิธีร่วมกัน เช่น ทำแบบทดสอบทางสมอง แบบประเมินสุขภาพจิต ตรวจเลือดหาระดับโปรตีนหรือยีนเสี่ยง ตรวจภาพสมองด้วย MRI Scan หรือ CT Scan รวมถึงตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG)

การตรวจคัดกรองแนะนำในคนอายุ 60 ปีขึ้นไป คนที่มีประวัติครอบครัวเป็นอัลไซเมอร์มาก่อน คนอายุต่ำกว่า 60 ปีที่กังวลเกี่ยวกับอัลไซเมอร์และอยากประเมินความเสี่ยงเบื้องต้น คนที่กังวลกับอาการหลงลืมของตัวเองหรือมีคนใกล้ชิดสังเกตได้ถึงการเปลี่ยนแปลง 

8. โรคอัลไซเมอร์ รักษาได้ไหม 

ตอบ: ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาอัลไซเมอร์ให้หายขาดได้ แพทย์จะเน้นรักษาผู้ป่วยตามสาเหตุที่ทำให้เกิดอัลไซเมอร์ โดยใช้ยาช่วยควบคุมอาการและชะลอความเสื่อมของสมองให้ช้าลง ร่วมกับการบริหารสมองหรือบำบัดหลากหลายวิธี

ยารักษาและชะลออาการ เช่น 

  • ยากลุ่มต้านการทำลายสารสื่อประสาทชนิดโคลีน (Cholinesterase inhibitors) อย่างโดนีพีซิล (Donepezil) กาแลนตามีน (Galantamine) และไรวาสติกมีน (Rivastigmine)
  • ยารักษาอาการสมองเสื่อมอย่างมีแมนทีน (Memantine
  • ยาอื่น ๆ เช่น ยาต้านเศร้า ยารักษาอาการทางจิต 

การบำบัดและบริหารสมอง เช่น

  • การทำกิจกรรมกลุ่มเพื่อกระตุ้นความจำและทักษะการแก้ปัญหา
  • การฟื้นฟูความสามารถของสมองอย่างเรียนรู้วิธีใช้โทรศัพท์หรือทำกิจวัตรประจำวันอื่น ๆ
  • ดนตรีบำบัด ศิลปะบำบัด การบำบัดด้วยสัตว์เลี้ยง หรือกายภาพบำบัด

9. โรคอัลไซเมอร์ ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างไร 

ตอบ: อัลไซเมอร์ในระยะเริ่มแรกอาจไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตมากนัก ผู้ป่วยยังพอดำเนินชีวิตหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเอง อาจพึ่งพาคนดูแลเพียงบางเรื่อง

แต่หากผู้ป่วยอาการรุนแรงมากขึ้นอาจกระทบต่อการใช้ชีวิตหรือเป็นอันตรายต่อชีวิต เพราะไม่ใช่แค่อาการหลงลืม แต่ยังมีอาการด้านอื่น ๆ ที่เป็นอุปสรรคร่วมด้วย จึงต้องมีคนคอยช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดตลอดเวลา 

ตัวอย่างเช่น การตอบสนองน้อยลง สมาธิสั้น ทานอาหารเองไม่ได้ต้องป้อนข้าวและน้ำ อั้นปัสสาวะหรืออุจจาระไม่ได้ ไม่สามารถสื่อสารได้หรือพูดแค่เป็นคำ ๆ เคลื่อนไหวช้าลง ติดเตียง สับสนคิดว่ามีคนมาทำร้าย ร่างกายอ่อนแอซึ่งเสี่ยงติดเชื้อหรือเสียชีวิตได้

10. โรคอัลไซเมอร์ ป้องกันได้ไหม 

ตอบ: เมื่อไม่รู้สาเหตุ การป้องกันก็เป็นไปได้ยาก แต่เราสามารถลดความเสี่ยงของปัจจัยก่อโรคอัลไซเมอร์ได้ด้วยการดูแลสุขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรง ช่วยปกป้องสมองจากการถดถอยได้ดีขึ้น เช่น

  • งดสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่เหมาะสม
  • ทานอาหารหลากหลาย ครบ 5 หมู่ หรือรูปแบบอาหารที่ดีต่อสุขภาพอย่าง อาหารแดช (DASH diet) หรืออาหารเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean Diet) ที่ดีต่อหัวใจและความดันโลหิต  
  • ออกกำลังกายแบบหนักปานกลาง 150 นาทีต่อสัปดาห์ อย่างปั่นจักรยานหรือเดินเร็ว เพื่อช่วยเสริมความแข็งแรงของเซลล์สมอง
  • ทำกิจกรรมกระตุ้นสมองและเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ เช่น เล่นบอร์ดเกม แก้ปริศนาอักษรไขว้ เล่นเครื่องดนตรี
  • หมั่นเข้าสังคมหรือพบปะพูดคุยกับผู้คนบ่อย ๆ โดยอาจเข้าร่วมกลุ่มที่มีความชอบคล้ายกัน เช่น กลุ่มธรรมะ กลุ่มเล่นโยคะ กลุ่มอ่านหนังสือ หรือกลุ่มจิตอาสา 

10 คำถามอัลไซเมอร์อาจไม่ได้ช่วยคลายข้อสงสัยได้ทั้งหมด แนะนำให้ไปปรึกษาแพท์อย่างละเอียด โดยเฉพาะหากตัวเองหรือคนสูงอายุใกล้ตัวมีอาการหลงลืมผิดปกติ เพราะยิ่งเราตรวจคัดกรองได้เร็ว ก็จะยิ่งควบคุมอาการและชะลอโรคได้เร็วไปด้วย

อ่านแล้วรู้สึกลังเลขึ้นมาเลยหรือเปล่า ใช่หรือไม่ใช่นะ… ไม่ต้องคิดมาก คลิกนี่เลย! HDmall.co.th ครบทุก แพ็คเกจตรวจสมอง ราคาดีต่อใจไม่พอ ดีต่อสมองด้วยนะ

Scroll to Top