Default fallback image

กันไว้ดีกว่าแก้! ป้องกันมะเร็งในอนาคตให้ลูกสาว ด้วยวัคซีน HPV

ปัจจุบัน ปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวกับเชื้อไวรัส HPV เป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะในเด็กผู้หญิงที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงในอนาคต เช่น มะเร็งปากมดลูกและมะเร็งอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 

การฉีดวัคซีน HPV เลยเป็นทางเลือกหนึ่งที่ไม่เพียงแต่จะช่วยป้องกันโรคต่างๆ ที่เกิดจากเชื้อไวรัสนี้เท่านั้น แต่ยังเป็นการช่วยสร้างเกราะป้องกันสุขภาพในระยะยาว ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคและการแพร่กระจายเชื้อในสังคมได้อีกด้วย

ในบทความนี้ จะพาคุณพ่อคุณแม่มารู้จักกับเชื้อไวรัส HPV ให้มากขึ้น พร้อมทั้งอธิบายความจำเป็นของวัคซีน HPV สำหรับเด็กผู้หญิง ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นถ้าหากไม่ได้รับการฉีดวัคซีน และคำแนะนำเกี่ยวกับประเภทของวัคซีนที่ควรเลือกเพื่อให้การป้องกันมีประสิทธิภาพมากที่สุด

HPV คืออะไร?

เชื้อไวรัส HPV หรือ Human Papillomavirus เป็นกลุ่มของไวรัสที่สามารถติดต่อได้ผ่านการสัมผัสโดยตรงทางผิวหนังหรือเยื่อบุ ซึ่งการติดต่อส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นจากการมีเพศสัมพันธ์ หรือการสัมผัสบริเวณที่มีเชื้อโดยตรง เช่น การใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้ติดเชื้อ HPV

เชื้อ HPV มีมากกว่า 100 สายพันธุ์ บางสายพันธุ์อาจไม่แสดงอาการและหายไปเองได้ แต่บางสายพันธุ์จะมีความรุนแรงและทำให้เกิดโรคต่างๆ ได้ เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งช่องคลอด มะเร็งปากช่องคลอด มะเร็งช่องปากและลำคอ รวมถึงหูดหงอนไก่

โดยข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกบอกว่า ในแต่ละปีจะมีผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกรายใหม่มากกว่า 600,000 คนทั่วโลก และเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตมากกว่า 300,000 คน

ซึ่งการติดเชื้อ HPV สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกเพศทุกวัย แต่เด็กผู้หญิงถือว่าเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อโรคร้ายแรงในอนาคต เช่น มะเร็งปากมดลูก หนึ่งในโรคมะเร็งที่พบบ่อยในผู้หญิง

วัคซีน HPV จำเป็นสำหรับเด็กผู้หญิงอย่างไร?

วัคซีน HPV ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งและหูดหงอนไก่ โดยเฉพาะสายพันธุ์ที่ 16 และ 18 ซึ่งเป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก 

การฉีดวัคซีน HPV ในเด็กผู้หญิงจึงมีความสำคัญเพราะสามารถช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งปากมดลูกในอนาคต และช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไปยังคนอื่นโดยไม่รู้ตัวได้

การป้องกันที่ได้จากวัคซีน HPV ไม่ใช่แค่ช่วยลดโอกาสการเกิดโรคเท่านั้น แต่ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลในระยะยาว และเพิ่มโอกาสในการมีสุขภาพที่แข็งแรงสำหรับเด็กผู้หญิงในอนาคตอีกด้วย

ฉีดวัคซีน HPV ตั้งแต่เด็กมีประสิทธิภาพอย่างไร?

การฉีดวัคซีน HPV ตั้งแต่อายุ 9-12 ปี ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด เพราะร่างกายจะตอบสนองต่อวัคซีนได้ดีที่สุดก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์ การฉีดวัคซีนในวัยนี้จึงช่วยให้ภูมิคุ้มกันที่สร้างขึ้นสามารถป้องกันเชื้อ HPV ได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว

นอกจากนี้ การฉีดวัคซีน HPV ตั้งแต่เด็กก่อนอายุ 15 ปี ยังฉีดเพียงแค่ 2 เข็มเท่านั้น ซึ่งจะช่วยประหยัดทั้งค่าใช้จ่าย ประหยัดเวลา และไม่ต้องเจ็บตัวบ่อยๆ แต่ถ้าหากฉีดวัคซีนหลังอายุ 15 ปี จะต้องฉีดทั้งหมด 3 เข็ม เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด

ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ถ้าเด็กผู้หญิงไม่ฉีดวัคซีน HPV

ถ้าเด็กผู้หญิงไม่ได้รับวัคซีน HPV อาจเกิดความเสี่ยงในอนาคตได้ ดังนี้

  1. ความเสี่ยงต่อมะเร็งปากมดลูก เพราะมะเร็งปากมดลูกเป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้หญิง และเชื้อ HPV เป็นสาเหตุหลักของโรคนี้
  2. เกิดหูดที่อวัยวะเพศ เพราะเชื้อ HPV บางสายพันธุ์สามารถทำให้เกิดหูดหงอนไก่ที่อวัยวะเพศได้ ซึ่งอาจสร้างความไม่สะดวกสบายในการใช้ชีวิตและส่งผลต่อความเครียดทางจิตใจ
  3. การแพร่กระจายเชื้อ ในอนาคตหากเด็กผู้หญิงติดเชื้อ HPV อาจแพร่เชื้อไปยังคู่ของตนเองได้โดยไม่รู้ตัว ทำให้เกิดการแพร่ระบาดต่อในคนอื่น

เด็กผู้หญิงควรฉีดวัคซีน HPV กี่สายพันธุ์?

วัคซีน HPV ที่มีในปัจจุบันแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่

  1. วัคซีน HPV 2 สายพันธุ์ ป้องกันสายพันธุ์ที่ 16 และ 18 สาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูก
  2. วัคซีน HPV 4 สายพันธุ์ ป้องกันสายพันธุ์ที่ 16, 18 และสายพันธุ์ที่ 6, 11 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดหูหงอนไก่
  3. วัคซีน HPV 9 สายพันธุ์ ป้องกันสายพันธุ์ที่ 6, 11, 16, 18, 31, 33, 45, 52 และ 58 ช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV ได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้นเป็น 94% ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งปากมดลูก มะเร็งปากช่องคลอด มะเร็งช่องคลอด มะเร็งช่องปากและลำคอ รวมถึงป้องกันหูดหงอนไก่ได้

โดยวัคซีน HPV ที่แนะนำให้ฉีดในเด็กผู้หญิงจะเป็นวัคซีน HPV ชนิด 9 สายพันธุ์ เนื่องจากเป็นชนิดที่ป้องกันได้ครอบคลุมหลายสายพันธุ์และมีประสิทธิภาพในระยะยาว

วัคซีน HPV ปลอดภัยสำหรับเด็กไหม?

วัคซีน HPV ผลิตจากโปรตีนที่เปลือกหุ้มของเชื้อ HPV จึงเป็นวัคซีนที่ไม่ก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อนหรือผลข้างเคียงใดๆ ต่อเด็ก

แต่หลังจากฉีดวัคซีน HPV อาจมีอาการปวด บวม แดงบริเวณที่ฉีดนิดหน่อย รวมถึงอาจมีไข้อ่อนๆ เวียนหัว และคลื่นไส้บ้าง ซึ่งเป็นอาการที่ไม่รุนแรงและสามารถหายได้เองภายใน 2-3 วัน

การฉีดวัคซีน HPV เป็นการลงทุนด้านสุขภาพที่คุ้มค่าและจำเป็น เพื่อปกป้องลูกสาวจากโรคร้ายในอนาคต คุณพ่อคุณแม่จึงควรตระหนักถึงความสำคัญของวัคซีน HPV และรีบพาลูกสาวไปฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันตั้งแต่วันนี้

ถ้ายังไม่รู้ว่าจะฉีดวัคซีน HPV ที่ไหนดี หรือมีแพลนจะฉีดวัคซีน HPV แต่ยังไม่รู้ราคา สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ HDmall.co.th หรือสอบถามข้อมูลผ่านทางไลน์ @HDcoth

Scroll to Top