Default fallback image

รู้จัก hMPV และ RSV ไวรัสร้ายทำลายระบบทางเดินหายใจที่คล้ายกัน!?

ฝนตกถี่แบบนี้ไม่เพียงแค่โรค RSV ที่น่ากังวล การติดเชื้อ hMPV ก็ทำเอาปวดหัวไม่แพ้กัน แถมยังมีความคล้ายกันจนหลายคนแยกแทบไม่ออกอีกด้วย มาหาความต่างของทั้งสองโรคไปพร้อมกันในบทความนี้เลย

ไวรัส hMPV และไวรัส RSV คือเชื้ออะไร เหมือนกันไหม

เชื้อไวรัส hMPV (Human metapneumovirus) และ RSV (Respiratory syncytial virus) เป็นไวรัสกลุ่มเดียวกันที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนบนเป็นหลัก ส่วนน้อยส่งผลต่อทางเดินหายใจส่วนล่าง 

เชื้อไวรัสทั้ง 2 ตัวก่อให้เกิดการติดเชื้อได้ในคนทุกวัย แต่พบบ่อยในทารกและเด็กเล็ก โดยเชื้อไวรัส hMPV มักพบบ่อยในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ส่วนเชื้อไวรัส RSV มักพบบ่อยในเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี 

เช่นเดียวกับโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจหลายชนิด เชื้อไวรัส hMPV และ RSV สามารถแพร่กระจายและเข้าสู่ร่างกายด้วยวิธีดังนี้

  • การสัมผัสเชื้อไวรัสจากตัวผู้ป่วย โดยเฉพาะสารคัดหลั่งอย่างน้ำลายหรือน้ำมูก ของเล่น ของใช้ส่วนตัว หรือพื้นผิวสิ่งต่าง ๆ ที่อาจปนเปื้อนเชื้อเนื่องจากผู้ป่วยสัมผัสเป็นประจำ
  • การสูดดมละอองฝอยของเชื้อไวรัส ซึ่งมาจากการไอหรือจามของผู้ป่วย

สังเกตอาการติดเชื้อ hMPV และ RSV อย่างไร 

การติดเชื้อ hMPV และ RSV ก่ออาการคล้ายกันคือ อาการคล้ายไข้หวัดทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นไข้ต่ำ ไอ จาม เจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล หรือปวดศีรษะ มักเกิดภายใน 3–6 วันหลังติดเชื้อ และอาการอาจรุนแรงมากน้อยต่างกันไป 

เด็กโตและผู้ใหญ่ส่วนมากมักเป็นเพียงแค่อาการคล้ายไข้หวัดในข้างต้น แต่ทารกและเด็กเล็กอาจเสี่ยงที่เชื้อไวรัสจะแพร่กระจายไปสู่ทางเดินหายใจส่วนล่าง อย่างปอดและหลอดลม ทำให้เกิดอาการรุนแรงขึ้นได้มากกว่า เช่น 

  • ไข้สูง อ่อนเพลีย
  • ไออย่างรุนแรง
  • หายใจเร็ว หายใจมีเสียงหวีด หายใจไม่อิ่ม
  • ร้องงอแง กระสับกระส่าย ซึมลง กินอาหารได้น้อย มักพบในเด็กเล็ก
  • ริมฝีปาก เล็บ หรือตัวเขียว

เชื้อไวรัส hMPV และ RSV อันตรายไหม ทำไมพ่อแม่ควรระวัง

ปกติแล้วเชื้อไวรัส hMPV และ RSV มักไม่ก่ออาการรุนแรง แต่หากเชื้อไวรัสแพร่กระจายไปสู่ทางเดินหายใจส่วนล่าง อาจก่อให้เกิดอาการรุนแรง หรือภาวะแทรกซ้อนตามมา เช่น 

  • ปอดอักเสบ
  • หลอดลมอักเสบ 
  • หลอดลมฝอยอักเสบ
  • หูชั้นกลางอักเสบ
  • โรคหอบหืดหรือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) กำเริบ 

โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่ ทารกอายุน้อยกว่า 1 ปี เด็กคลอดก่อนกำหนด รวมถึงผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป คนที่มีปัญหาระบบภูมิคุ้มกัน และคนที่มีโรคประจำตัว อย่างโรคหัวใจหรือโรคปอด

อธิบายให้ชัดคือ ไวรัส hMPV และไวรัส RSV เป็นเชื้อคนละตัว แต่จัดอยู่ในกลุ่มหรือสกุล (Genus) เดียวกัน ก่ออาการคล้ายไข้หวัด อาจนำไปสู่โรคปอดอักเสบหรือโรคอื่น ๆ ได้เหมือนกันนั่นเอง โดยเฉพาะต่อเด็กเล็กและคนทุกวัยที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ    

แนวทางการรักษาการติดเชื้อ hMPV และ RSV 

การรักษาการติดเชื้อ hMPV และโรค RSV จะเป็นการดูแลตามอาการ ไม่ได้มีวิธีรักษาเฉพาะ และอาจพิจารณาให้นอนรักษาตัวในโรงพยาบาลสำหรับเด็กที่มีอาการรุนแรง

การดูแลตามอาการ
แนะนำให้กินยาตามอาการที่แพทย์แนะนำ เช่น มีไข้ ปวดศีรษะ ให้กินยาแก้ปวดและลดไข้ ยาแก้แพ้สำหรับน้ำมูกไหล หรือมีอาการไอให้กินยาแก้ไอ ร่วมกับการดูแลทั่วไป ไม่ว่าจะเช็ดตัวลดไข้ พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำให้มาก หรือกินอาหารย่อยง่าย 

การรักษาที่โรงพยาบาล
รายที่มีอาการรุนแรงหรือปอดอักเสบ แพทย์อาจให้นอนโรงพยาบาล เพื่อดูแลตามอาการอย่างใกล้ชิด เช่น ดูดเอาเสมหะออก ให้สารน้ำทางหลอดเลือด ให้ออกซิเจน หรือพ่นยาขยายหลอดลม

การป้องกันการติดเชื้อ hMPV และ RSV  

การติดเชื้อไวรัส hMPV และโรค RSV ป้องกันได้หลายวิธี ดังนี้

1. หมั่นรักษาความสะอาดอยู่เสมอ
เสริมสร้างนิสัยรักความสะอาด หมั่นให้เด็กล้างมือด้วยน้ำและสบู่เป็นประจำ โดยล้างตามซอกนิ้วมือและเล็บให้ทั่วอย่างน้อยครั้งละ 20 วินาที ทั้งก่อนและหลังกินอาหาร รวมถึงหลังเข้าห้องน้ำ 

ที่สำคัญ ควรหมั่นทำความสะอาดของเล่นเด็ก ของใช้ส่วนตัว พื้นผิวหรือบริเวณที่ลูกมักสัมผัสเป็นประจำ เช่น ลูกบิดประตู ราวจับบันได โต๊ะ หรือเก้าอี้ เพื่อลดปริมาณเชื้อไวรัสให้น้อยลง

2. ลดความเสี่ยงของการติดเชื้อและแพร่เชื้อ
จะห่างไกลเชื้อก็ต้องอยู่ในที่ที่ไม่มีเชื้อ โดยเฉพาะช่วงการระบาดของโรคในฤดูฝนและหนาว ควรหลีกเลี่ยงไปอยู่ในสถานที่แออัด หรือสถานที่สาธารณะ เช่น สวนสนุก สนามเด็กเล่น ห้างสรรพสินค้า หากจำเป็นให้สวมหน้ากากอนามัย และล้างมือบ่อย ๆ 

หากคนในบ้านป่วยติดเชื้อไวรัส hMPV หรือ RSV ควรแยกกักตัวจนกว่าจะหายดี ระหว่างนี้ควรงดให้ลูกไปโรงเรียนหรือไปข้างนอก คนในบ้านยังไม่ควรใกล้ชิด คลุกคลี กอด หอมผู้ป่วย เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ

3. กระตุ้นภูมิคุ้มกันด้วยวัคซีน
วัคซีนป้องกันการติดเชื้อ hMPV ยังไม่มีใช้ในปัจจุบัน สำหรับการติดเชื้อ RSV หรือโรค RSV จะมีวัคซีนสำหรับผู้สูงอายุ จำนวน 1 เข็ม แต่การเสริมภูมิคุ้มกันในเด็กนั้นจะเรียกว่า ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป RSV (Nirsevimab) 

ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปเป็นการฉีดสารภูมิคุ้มกันให้ร่างกายนำไปใช้ได้เลย ต่างจากวัคซีนที่ฉีดส่วนประกอบของไวรัสที่ปลอดภัย เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน เหมาะกับเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 2 ปี มีประสิทธิภาพป้องกันราว 5 เดือน

จำนวนเข็มจะต่างกันตามแต่ช่วงอายุ ได้แก่ 

  • เด็กอายุ 0–12 เดือน ฉีดทั้งหมด 1 เข็ม
  • เด็กอายุ 12–24 เดือน ฉีดทั้งหมด 2 เข็ม

ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัส RSV ได้ราว 79.5% ลดโอกาสการรักษาตัวในโรงพยาบาลจากการติดเชื้อในทางเดินหายใจส่วนล่างได้ 83.2% และลดโอกาสรักษาตัวในไอซียูได้ 75.3%

ไวรัส hMPV และ RSV ถือเป็นโรคระบาดตัวร้ายของเด็กเล็กทุกคน การดูแลตัวเองและป้องกันตั้งแต่เนิ่น ๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ห่างไกลจากโรคได้ โดยเฉพาะการรักษาความสะอาด ลด ละ เลี่ยงสถานที่ระบาด รวมถึงการเสริมภูมิคุ้มกันด้วยวัคซีนหรือภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป 

จะ hMPV หรือ RSV ก็ไม่ดีทั้งนั้นนน ดีเดียวที่ตรงใจคือ HDmall.co.th ยังไงล่ะ คุณพ่อคุณแม่รีบเลย โปรแกรมวัคซีนเด็ก ราคาพิเศษขนาดนี้ ใกล้บ้านก็หาให้ได้ ด่วน! 

Scroll to Top