โรคมือ เท้า ปาก (Hand, Foot and Mouth Disease หรือ HFMD) เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่พบได้บ่อยในเด็กเล็ก โดยเฉพาะเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี โดยอาการหลักของโรคนี้คือ มีผื่นหรือแผลพุพองที่มือ เท้า และในปาก แม้ว่าโรคนี้แม้จะไม่รุนแรงในเด็กส่วนใหญ่ แต่ในบางรายอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงที่ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด
วัคซีนมือ เท้า ปาก จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อและลดความรุนแรงของโรคนี้ได้! บทความนี้จึงจะพาคุณพ่อคุณแม่มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนมือ เท้า ปาก รวมถึงวิธีการเตรียมความพร้อมและดูแลลูกหลังฉีดวัคซีนมือ เท้า ปาก อย่างถูกต้องกัน
สารบัญ
ทำไมเด็กถึงควรฉีดวัคซีนมือ เท้า ปาก?
โรคมือ เท้า ปาก เกิดจากการติดเชื้อไวรัสกลุ่มเอนเทอโรไวรัส (Enterovirus) โดยเฉพาะสายพันธุ์ EV71 และ CVA16 ซึ่งมีการแพร่เชื้อได้ง่ายจากการสัมผัสน้ำมูก น้ำลาย หรือของเหลวจากแผลพุพองของผู้ป่วย เด็กเล็กที่ยังมีภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรงจึงเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้สูง
แม้ว่าโรคมือ เท้า ปากในเด็กส่วนใหญ่จะมีอาการไม่รุนแรงและหายได้เองใน 7-10 วัน แต่ถ้าหากติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ที่รุนแรงอย่าง EV71 ก็อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ สมองอักเสบ หรือภาวะหัวใจล้มเหลวได้
การฉีดวัคซีนป้องกันโรคมือ เท้า ปาก EV71 จึงเป็นวิธีการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ ช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อและลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
นอกจากนี้ การฉีดวัคซีนโรคมือ เท้า ปาก ยังช่วยลดการแพร่ระบาดของโรคในชุมชนได้ด้วย โดยเฉพาะในสถานรับเลี้ยงเด็กหรือโรงเรียน ซึ่งมักเป็นแหล่งรวมตัวของเด็กจำนวนมากที่มีความเสี่ยงติดเชื้อสูง ทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่และช่วยป้องกันเด็กคนอื่นๆ ที่อาจมีภูมิคุ้มกันต่ำหรือยังไม่ถึงวัยฉีดวัคซีนได้
วัคซีนมือ เท้า ปาก ลูกต้องฉีดกี่เข็ม?
วัคซีนป้องกันโรคมือ เท้า ปาก EV71 แนะนำให้ฉีดในเด็กเล็กช่วงอายุ 6 เดือนถึง 5 ปี โดยทั่วไปเด็กควรได้รับวัคซีน 2 เข็ม ห่างกัน 1 เดือน เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้เพียงพอ ช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อไวรัส EV71 ที่อาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ สมองอักเสบ หรือกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบได้
ทั้งนี้ หากฉีดวัคซีนโรคมือ เท้า ปาก EV71 ครบทั้ง 2 เข็มแล้ว เมื่อผ่านไป 2 ปี ภูมิคุ้นกันของโรคจะยังคงอยู่และไม่จำเป็นต้องฉีดเข็มกระตุ้นซ้ำอีกครั้ง
พ่อแม่ควรเตรียมตัวอย่างไรก่อนพาลูกไปฉีดวัคซีนมือ เท้า ปาก
การเตรียมความพร้อมก่อนพาลูกไปฉีดวัคซีนมือ เท้า ปาก EV71 เป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะช่วยให้การฉีดวัคซีนเป็นไปอย่างราบรื่นและลดความกังวลของทั้งเด็กและผู้ปกครองได้ โดยข้อแนะนำมีดังนี้
- ตรวจสอบสุขภาพลูก: ก่อนวันนัดฉีดวัคซีนควรสังเกตอาการของลูก หากลูกมีไข้ ไอ น้ำมูกไหล หรือมีอาการป่วยอื่นๆ ควรเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายของลูกอยู่ในสภาพที่พร้อมรับวัคซีน
- ปรึกษาแพทย์: ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับประวัติการแพ้ยา ประวัติการเจ็บป่วย หรือภาวะสุขภาพอื่นๆ เพื่อให้แพทย์ประเมินความเสี่ยงและให้คำแนะนำที่เหมาะสม
- เตรียมข้อมูลให้พร้อม: ควรเตรียมสมุดบันทึกสุขภาพหรือสมุดวัคซีนของลูกไปที่สถานพยาบาลด้วย เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบประวัติการฉีดวัคซีนที่ผ่านมาได้ครบถ้วน
- ให้ลูกพักผ่อนให้เพียงพอ: การพักผ่อนที่เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายของลูกอยู่ในสภาพที่แข็งแรงและลดความเครียดจากการฉีดวัคซีนได้
- แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่สบาย: ควรให้ลูกสวมเสื้อผ้าที่หลวมสบาย ถอดง่าย เพื่อความสะดวกในการฉีดวัคซีน ซึ่งส่วนใหญ่จะฉีดที่ต้นแขนหรือต้นขา
เด็กส่วนมากมักจะรู้สึกกลัวขณะฉีดวัคซีน แนะนำให้ผู้ปกครองหาสิ่งดึงดูดความสนใจเด็กติดตัวไปสถานพยาบาลด้วย เช่น หนังสือนิทาน ตุ๊กตา ของเล่น หรืออุ้มลูกไว้บนตักพร้อมกับพูดคุยกับลูกก็จะช่วยให้ลดความกังวลของเด็กไปได้
หลังฉีดวัคซีนมือ เท้า ปาก ควรดูแลลูกอย่างไร?
หลังจากลูกได้รับวัคซีนมือ เท้า ปาก EV71 แล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรดูแลลูกอย่างใกล้ชิดและปฏิบัติดังนี้
- สังเกตอาการผิดปกติ: หลังฉีดวัคซีนป้องกันโรคมือ เท้า ปาก อาจพบอาการข้างเคียงได้เล็กน้อย เช่น บวม แดง ร้อน หรือเจ็บบริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นอาการปกติและหายเองได้ภายใน 1-2 วัน หากลูกมีอาการไข้สูงเกิน 38.5 องศาเซลเซียส ซึมลง อาเจียน หรือมีผื่นขึ้นตามร่างกาย ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที
- ให้เด็กดื่มน้ำและพักผ่อนเพียงพอ: การดื่มน้ำจะช่วยป้องกันการขาดน้ำและการพักผ่อนที่เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวจากการกระตุ้นภูมิคุ้มกันของวัคซีนได้ดีขึ้น
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องออกแรงมาก: ในช่วง 1-2 วันหลังฉีดวัคซีน ควรให้ลูกพักผ่อน งดกิจกรรมที่ต้องวิ่ง กระโดด หรือเล่นแรงๆ เพื่อลดความเสี่ยงต่ออาการเจ็บปวดหรืออ่อนเพลีย
การฉีดวัคซีนมือ เท้า ปาก EV71 เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยปกป้องลูกน้อยจากการติดเชื้อไวรัสที่พบได้บ่อยในเด็กและช่วยลดความเสี่ยงของอาการรุนแรงได้ ก่อนพาลูกไปฉีดวัคซีนหากพ่อแม่เตรียมความพร้อมไปเป็นอย่างดี ก็จะช่วยให้ขั้นตอนต่างๆ เป็นไปได้อย่างราบรื่นและช่วยให้ลูกได้รับภูมิคุ้มกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ








