โรคมือ เท้า ปาก (Hand, foot, and mouth disease: HFMD) เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่พบบ่อยในเด็กเล็ก และติดต่อกันได้ง่าย โดยเฉพาะเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี
ต้นเหตุของโรคเกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่มเอนเทอโรไวรัส (Enterovirus) ที่มีอยู่หลายสายพันธุ์ โดยสายพันธุ์พบบ่อย คือ คอกซากีไวรัส (Coxsackievirus) ส่วนมากไม่ก่ออาการรุนแรง เช่น มีไข้ เจ็บคอ มีแผลในปาก มีผื่นหรือตุ่มน้ำใสขึ้นที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า อาจพบตามลำตัวหรือก้น
แต่สายพันธุ์อันตรายที่ควรระวัง คือ เอนเทอโรไวรัส 71 (Enterovirus 71 หรือ EV71) เพราะอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง ทำให้ระบบหายใจและระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว และนำไปสู่การเสียชีวิตได้เลย
สารบัญ
ภาวะแทรกซ้อนโรคมือ เท้า ปาก มีอะไรบ้าง
ภาวะแทรกซ้อนที่คุณพ่อคุณแม่ควรระวังคือ ภาวะขาดน้ำ (Dehydration) เป็นภาวะแทรกซ้อนพบได้บ่อยที่สุดของโรคมือ เท้า ปาก เพราะเด็กจะมีแผลในปากและลำคอ ทำให้รู้สึกเจ็บปวดมากเวลาดื่มน้ำหรือกลืนอาหาร ทำให้ไม่ยอมดื่มนมหรือน้ำอย่างเพียงพอ
บางกรณี เชื้อเอนเทอไวรัสอาจก่อให้เกิดการติดเชื้อบริเวณอื่น โดยเฉพาะสายพันธุ์ EV71 ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงตามมา ได้แก่
- เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากไวรัส (Viral meningitis) เป็นภาวะแทรกซ้อนรุนแรงที่พบได้น้อย เกิดจากเชื้อเอนเทอไวรัสแพร่เข้าสู่สมอง ทำให้เยื่อหุ้มสมอง น้ำไขสันหลังรอบสมอง และไขสันหลังอักเสบ
- สมองอักเสบหรือโรคไข้สมองอักเสบ (Encephalitis) เป็นภาวะแทรกซ้อนรุนแรงพบได้น้อยเช่นกัน เป็นผลมาจากเชื้อเอนเทอไวรัสที่เข้าสู่สมองทำให้เนื้อสมองเกิดอักเสบและบวม
- กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (Myocarditis) จะทำให้หัวใจบีบตัวส่งเลือดไปเลี้ยงทั่วร่างกายได้น้อยลง และส่งผลต่อการทำงานของหัวใจในระยะยาว หรืออาจรุนแรงจนนำไปสู่การเสียชีวิตได้
ลูกเป็นโรคมือ เท้า ปาก ต้องพบแพทย์เมื่อไร
โรคมือ เท้า ปาก ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง อาการมักดีขึ้นและหายได้ภายใน 7–10 วัน แต่คุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องสังเกตอาการลูกอย่างใกล้ชิด หากอาการไม่ดีขึ้นนานกว่า 10 วัน เด็กมีปัญหาด้านระบบภูมิคุ้มกัน เป็นทารกอายุต่ำกว่า 6 เดือน หรือพบอาการต่อไปนี้ ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันที
- ไข้ขึ้นสูง
- อาเจียนมาก
- มีแผลในช่องปากหรือลำคอที่ส่งผลให้เด็กดื่มน้ำน้อยลง ไม่ยอมดื่มนม หรือรับประทานอาหาร
- ซึม หอบเหนื่อย เดินเซ แขนขาอ่อนแรง ชักเกร็ง กระตุก
ภาวะแทรกซ้อนโรคมือ เท้า ปาก พบได้บ่อยแค่ไหนในเด็กไทย
ภาวะแทรกซ้อนรุนแรงของโรคมือ เท้า ปาก พบได้ไม่บ่อย แต่ความเสี่ยงย่อมเพิ่มขึ้นหากเป็นการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เอนเทอโรไวรัส 71 (EV71) เนื่องจากเป็นสายพันธุ์อันตรายที่มักก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง
แม้จะพบได้ไม่บ่อย แต่โรคนี้มีการระบาดเป็นระยะ ๆ โดยเฉพาะในฤดูฝน การเฝ้าระวังและฉีดวัคซีนป้องกันโรคจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลย
วิธีป้องกันลูกจากโรคมือ เท้า ปาก และภาวะแทรกซ้อนรุนแรง
เพื่อความปลอดภัย และสุขภาพที่ดีของลูกน้อย คุณพ่อคุณแม่สามารถลดความเสี่ยงการติดเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคมือ เท้า ปาก รวมถึงภาวะแทรกซ้อนของโรคได้ด้วยวิธีต่อไปนี้
- เข้ารับวัคซีนมือ เท้า ปาก: ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคมือ เท้า ปาก จากเชื้อไวรัส EV71 ที่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง ซึ่งไวรัสจะเป็นชนิดเชื้อตาย และจำเป็นต้องได้รับ 2 เข็ม ห่างกัน 1 เดือน เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด สามารถฉีดได้ตั้งแต่ช่วงอายุ 6 เดือน จนถึงก่อน 6 ขวบ
- ล้างมือบ่อย ๆ : สอนให้ลูกล้างมือด้วยสบู่และน้ำให้สะอาดเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังเข้าห้องน้ำ ก่อนรับประทานอาหาร และหลังกลับจากนอกบ้าน
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า: สอนให้ลูกไม่เอามือที่ยังไม่ได้ล้างมาสัมผัสตา จมูก หรือปาก
- ทำความสะอาดของใช้และของเล่น: หมั่นทำความสะอาดของใช้ส่วนตัว ของเล่น และพื้นที่ที่เด็กสัมผัสบ่อย ๆ
- ไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่น: หลีกเลี่ยงการใช้แก้วน้ำ หลอดดูด ช้อนส้อม หรือผ้าเช็ดหน้าร่วมกับผู้อื่น
- แยกเด็กป่วยออกจากเด็กปกติ: หากลูกป่วย ควรให้หยุดเรียนและพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านจนกว่าจะหายเป็นปกติ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไปสู่เด็กคนอื่น
แม้ว่าโรคมือ เท้า ปากส่วนใหญ่จะไม่เป็นอันตราย แต่การทำความเข้าใจโรคมือ เท้า ปาก ตลอดจนภาวะแทรกซ้อนจากโรค และวิธีป้องกันการได้รับเชื้อจะช่วยลดโอกาสที่เด็ก ๆ จะเจ็บป่วยให้น้อยลง หากคุณพ่อคุณแม่ไม่แน่ใจอาการที่พบของลูก ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัยและการดูแลอย่างถูกต้อง