โรคมือ เท้า ปากเกิดจากไวรัสหลายสายพันธุ์ ซึ่งร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันเฉพาะต่อไวรัสตัวที่เคยติดเท่านั้น นั่นหมายความว่าถึงแม้จะเคยป่วยโรคมือ เท้า ปากมาแล้ว ก็ยังมีโอกาสป่วยซ้ำได้หากเจอกับไวรัสสายพันธุ์อื่น โดยเฉพาะสายพันธุ์ EV71 ที่รุนแรงและอาจลุกลามไปสู่ภาวะแทรกซ้อนทางสมอง วัคซีนมือ เท้า ปาก จึงกลายเป็นคำถามต่อไปว่า “จำเป็นต้องฉีดวัคซีนมือ เท้า ปากไหม ถ้าเคยเป็นมาแล้ว?”
สารบัญ
เด็กเคยเป็นโรคมือ เท้า ปากแล้ว ร่างกายจะมีภูมิคุ้มกันถาวรไหม?
เด็กเคยเป็นโรคมือ เท้า ปากแล้ว ร่างกายจะไม่สร้างภูมิคุ้มกันถาวร เพราะถึงแม้ว่าเด็กจะเคยเป็นโรคมือ เท้า ปาก และมีภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อธรรมชาติ แต่ภูมิคุ้มกันนั้นเป็นภูมิคุ้มกันเฉพาะเจาะจงต่อสายพันธุ์ที่เคยติด เช่น Coxsackievirus หรือ EV71 โดยไม่ครอบคลุมสายพันธุ์อื่น ดังนั้นเด็กอาจป่วยซ้ำได้หากติดเชื้อสายพันธุ์อื่นที่แตกต่างหรือรุนแรงกว่า
วัคซีนมือ เท้า ปาก ป้องกันสายพันธุ์ไหนได้บ้าง?
วัคซีนมือ เท้า ปาก สามารถป้องกันเชื้อไวรัส Enterovirus 71 (EV71) ซึ่งเป็นสายพันธุ์หนึ่งที่ทำให้เกิดโรคมือ เท้า ปาก และมีความรุนแรงสูงได้ โดยเฉพาะในเด็กเล็ก
วัคซีนมือ เท้า ปากเป็นแบบเชื้อตาย (Inactivated Vaccine) โดยจะต้องฉีดทั้งหมด 2 เข็ม ห่างกัน 1 เดือน และเริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือน ซึ่งจะช่วยป้องกันการติดเชื้อ EV71 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วัคซีนมือ เท้า ปาก จำเป็นไหมสำหรับเด็กที่เคยป่วยแล้ว?
โรคมือ เท้า ปากเกิดจากไวรัสหลายสายพันธุ์ เช่น Coxsackievirus A16 และ Enterovirus 71 (EV71) การติดเชื้อเพียงครั้งเดียวจะสร้างภูมิคุ้มกันเฉพาะต่อสายพันธุ์นั้นๆ เท่านั้น ซึ่งหมายความว่า เด็กที่เคยป่วยแล้วจากสายพันธุ์หนึ่ง อาจยังเสี่ยงติดเชื้อจากสายพันธุ์อื่นได้อยู่
ดังนั้นการฉีดวัคซีนมือ เท้า ปาก EV71 จึงจำเป็นสำหรับเด็กที่เคยป่วยแล้ว เพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานและลดโอกาสที่จะมีอาการรุนแรงจากโรคมือ เท้า ปาก
หลังจากหายป่วยโรคมือ เท้า ปาก ควรเว้นระยะนานเท่าไหร่ถึงฉีดวัคซีนได้?
เด็กที่หายจากการป่วยโรคมือ เท้า ปาก ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 เดือนขึ้นไป ถึงจะฉีดวัคซีนป้องกันโรคมือ เท้า ปาก EV71 ได้ เพราะขณะที่ป่วย ร่างกายจะใช้พลังงานสร้างภูมิต้านทานกับเชื้อโรค ทำให้ไม่สามารถตอบสนองต่อวัคซีนได้อย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจฉีดวัคซีนป้องกันโรคมือ เท้า ปาก EV71 ควรพิจารณาจากคำแนะนำของแพทย์ โดยแพทย์จะประเมินความเสี่ยงรายบุคคล เช่น อายุของเด็ก สุขภาพทั่วไป และประวัติการติดเชื้อก่อนหน้า เพื่อให้วัคซีนเกิดประสิทธิภาพสูงสุดและปลอดภัยต่อสุขภาพของเด็กในระยะยาว








