ปืนเทอร์โมมิเตอร์ อาจมีความคลาดเคลื่อนสูง scaled

ปืนเทอร์โมมิเตอร์ ทำไมมีความคลาดเคลื่อนตอนวัด

ช่วงที่โควิดเคยระบาด ภาพจุดตรวจวัดไข้ด้วยปืนเทอร์โมมิเตอร์ ไม่ว่าจะตามโรงพยาบาล ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร อาคารสำนักงาน หรือสนามบิน เป็นภาพที่ทุกคนน่าจะคุ้นชินกันไปแล้ว เพราะจุดตรวจนี้เกิดขึ้นเพื่อคัดกรองอาการมีไข้สูง แต่หลายครั้งที่ปืนเทอร์โมมิเตอร์แสดงผลอุณหภูมิออกมาต่ำกว่าความเป็นจริงอย่างมาก เช่น 34-35 องศาเซลเซียส จึงทำให้หลายคนตั้งข้อสงสัยว่า ปืนเทอร์โมมิเตอร์ที่นิยมใช้คัดกรองโรคเบื้องต้นมีประสิทธิภาพจริงหรือไม่?

รู้จักปืนเทอร์โมมิเตอร์

ปืนเทอร์โมมิเตอร์ (Forehead thermometer) คือ อุปกรณ์วัดอุณหภูมิร่างกายจากหน้าผาก โดยไม่ต้องสัมผัสกับพื้นผิว เครื่องจะวัดรังสีอินฟราเรด (Infrared) จากร่างกายผ่านเลนส์ที่ด้านหน้าของเครื่อง และแปลงเป็นตัวเลขอุณหภูมิแสดงที่หน้าจอ ปืนเทอร์โมมิเตอร์ใช้หลักการคล้ายกับกล้องอินฟราเรดที่สนามบินใช้ โดยใช้สีในการแทนค่าอุณหภูมิความร้อน

ปืนเทอร์โมมิเตอร์เหมาะกับใคร?

วัตถุประสงค์หลักของปืนเทอร์โมมิเตอร์นิยมใช้กับเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี เนื่องจากสามารถวัดไข้เด็กในขณะหลับได้โดยที่ไม่ต้องปลุกขึ้นมาวัดเหมือนอุปกรณ์วัดไข้ชนิดอื่นๆ

อุณหภูมิที่วัดได้ในเด็กต่ำกว่า 3 ปี กับผู้ใหญ่ อาจมีเกณฑ์ที่ต่างกันออกไป แต่ปัจจุบันปืนเทอร์โมมิเตอร์หลายชื่อการค้ามีการเพิ่มระบบวัดไข้สำหรับผู้ใหญ่เข้าไปด้วย ดังนั้นควรสังเกตฉลากข้างผลิตภัณฑ์ว่า “ปืนเทอร์โมมิเตอร์ชนิดนี้รองรับการวัดอุณหภูมิของคนทุกช่วงวัยหรือไม่”

ปืนเทอร์โมมิเตอร์มีใช้ได้ผลจริงหรือ?

ปืนเทอร์โมมิเตอร์สามารถใช้วัดอุณหภูมิได้จริงแต่อาจมีความคลาดเคลื่อนสูง เนื่องจากปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้อุณหภูมิไม่ตรงกับความเป็นจริง เช่น อากาศภายนอก ระยะห่างจากเครื่องและหน้าผาก รวมทั้งระยะเวลาในการวัด

ช่วงที่โควิดระบาด หลายหน่วยงานพยายามตั้งจุดตรวจวัดไข้โดยใช้ปืนเทอร์โมมิเตอร์ในการวัด แต่ก็ไม่สามารถคัดกรองผู้ติดเชื้อ COVID-19 ได้ทั้งหมด เนื่องจากผู้ติดเชื้อ ส่วนใหญ่มีระยะฝักตัวหลายวันจึงอาจตรวจไม่พบอาการไข้ นอกจากนี้ผู้ที่มีอุณหภูมิสูงเกิน 37.5 องศายังอาจรับประทานยาลดไข้เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจวัดอุณหภูมิตามจุดตรวจคัดกรองได้อีกด้วย

ขั้นตอนการใช้ปืนเทอร์โมมิเตอร์อย่างถูกวิธี

เนื่องจากปืนเทอร์โมมิเตอร์มีข้อจำกัดในการวัดอุณหภูมิค่อนข้างมากและมีความคลาดเคลื่อนสูง จึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิตอย่างเคร่งครัด ดังนี้

  1. ก่อนวัดอุณหภูมิ ควรแน่ใจว่า หน้าผากไม่มีผม หรือสิ่งสกปรกปิดบัง
  2. ถอดฝาปิดเลนส์ที่บริเวณปลายเครื่องวัดออก
  3. กดปุ่มเปิดเครื่อง
  4. เมื่อเครื่องพร้อมทำงาน ให้นำปลายกระบอกปืนเทอร์โมมิเตอร์จ่อหน้าผากตรงกลางระหว่างคิ้วทั้งสองข้าง โดยเว้นระยะ 2.5-5 เซนติเมตร นอกจากนี้ปืนเทอร์โมมิเตอร์บางยี่ห้ออาจมีระบบวัดตำแหน่งจากแสงที่ฉายออกมาคล้ายกับไฟฉาย ให้เว้นระยะห่างจนวงของแสงแคบลงประมาณเหรียญ 5 บาท (หรือตามที่บริษัทผู้ผลิตแนะนำ)
  5. กดปุ่มเริ่มวัดอุณหภูมิ
  6. อย่าเคลื่อนไหวศีรษะและปืนเทอร์โมมิเตอร์จนกว่าเครื่องจะทำการวัดอุณหภูมิจนเสร็จ

อย่างไรก็ตาม หากใช้ปืนเทอร์โมมิเตอร์ในการวัดไข้ตนเองควรปรับระบบเป็นแบบสัมผัสแนบหน้าผาก เนื่องจากง่ายต่อการใช้งานมากกว่า หากมีข้อสงสัยในเรื่องการใช้อุปกรณ์วัดไข้ให้ถูกวิธี

ข้อควรระวังในการใช้ปืนวัดอุณหภูมิ

การตรวจวัดอุณหภูมิได้ต่ำกว่าความเป็นจริง อาจเป็นเพราะมีปัจจัยภายนอกที่รบกวนการทำงานของปืนเทอร์โมมิเตอร์ ดังนี้

  • ปืนเทอร์โมมิเตอร์เป็นอุปกรณ์สำหรับใช้ในที่ร่ม เช่น ในบ้าน อาคาร สำนักงานต่างๆ ดังนั้นการนำไปใช้กลางแจ้ง อาจส่งผลให้ปืนเทอร์โมมิเตอร์มีประสิทธิภาพลดลง
  • ควรนำปืนเทอร์โมมิเตอร์มาไว้ในห้องที่ต้องการวัดอุณหภูมิก่อนใช้จริง 10 นาที เพื่อให้อุณหภูมิของเครื่องคงที่
  • ผู้ที่จะรับการวัดไข้ควรอยู่ในที่ร่มมาแล้วอย่างน้อย 30 นาที เพื่อไม่ให้อากาศจากภายนอกมีผลในการวัดอุณหภูมิร่างกาย
  • ไม่ควรวัดอุณหภูมิขณะที่หน้าผากมีเหงื่อออก อาจใช้ผ้าสะอาดเช็ดเหงื่อออกก่อน
  • หากหน้าผากมีรอยเปื้อนให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาด เช็ดให้แห้ง และรออีกอย่างน้อย 10 นาทีก่อนวัดอุณหภูมิ
  • ปืนเทอร์โมมิเตอร์สำหรับวัดพื้นผิวในโรงงานอุตสาหกรรม ไม่สามารถนำมาใช้วัดไข้ได้ เนื่องจากช่วงอุณหภูมิที่ใช้วัดนั้นกว้างเกินไป ตั้งแต่เย็นจัดจนถึงร้อนจัด การนำมาวัดไข้จึงถือเป็นการใช้ที่ผิดวัตถุประสงค์

อย่างไรก็ตาม แม้ปืนเทอร์โมมิเตอร์จะมีความคลาดเคลื่อนสูงและไม่อาจคัดกรองคนที่มีเชื้อ COVID-19 ได้แบบ 100% แต่การตรวจวัดอุณหภูมิเบื้องต้นนี้ ก็ช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถคัดกรองและแยกตัวผู้ที่อุณหภูมิสูงเกินกว่าปกติ ซึ่งอาจเข้าข่ายอาการของโรค COVID-19 มาสอบประวัติเบื้องต้นได้ รวมทั้งยังช่วยอำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่ ให้ไม่ต้องสอบประวัติคนจำนวนมากเกินไป


ตรวจสอบความถูกต้องโดย นพ. วรพันธ์ พุทธศักดา


ที่มาของข้อมูล

Scroll to Top