ท้องอืด คืออาการอึดอัด แน่นท้อง รู้สึกไม่สบายท้อง มักเกิดจากการมีแก๊สในกระเพาะอาหารและลำไส้มากกว่าปกติ ทำให้ปวดท้อง เรอ หรือผายลม และอาจมีอาการท้องบวมในบางรายด้วย
นอกจากการงดอาหารหรือเครื่องดื่มบางอย่างแล้ว อีกวิธีที่จะช่วยบรรเทาอาการท้องอืดคือการรับประทานยา ซึ่งบทความนี้จะพามาทำความรู้จักกับกลุ่มยาแก้ท้องอืด 4 กลุ่มหลัก ๆ กัน
สารบัญ
1. Simethicone (ไซเมธิโคน)
การรักษา
Simethicone ช่วยสลายแก๊สในระบบทางเดินอาหาร ช่วยบรรเทาอาการท้องอืดจากแก๊สส่วนเกินในระบบทางเดินอาหารได้
กลไกการออกฤทธิ์
Simethicone มีฤทธิ์เป็นสารลดแรงตึงผิว เมื่อรับประทาน คาดว่าจะช่วยให้แรงตึงผิวของแก๊สในระบบทางเดินอาหารต่ำลง เมื่อแรงตึงผิวต่ำ แก๊สขนาดใหญ่จะถูกทำลายให้มีขนาดเล็กลงได้ จึงขับออกผ่านการเรอ หรือผายลมได้ง่าย
กลไกการทำงานของ Simethicone ในการบรรเทาอาการท้องอืดยังเป็นเพียงการคาดการณ์จากสมมติฐาน และยังไม่มีผลการศึกษาทางคลินิกที่แน่ชัดรองรับในปัจจุบัน
รูปแบบ ขนาด และวิธีใช้ยา
- รูปแบบ: ยาเม็ด สำหรับเคี้ยวและกลืน
- ขนาดยา: 80–160 มิลลิกรัม (หรือ 1–2 เม็ดต่อวัน) ขนาดยาสูงสุดไม่เกิน 500 มิลลิกรัมต่อวัน
- วิธีใช้ยา: รับประทานแบบเคี้ยวและกลืน หลังอาหารหรือก่อนนอน
ข้อควรระวังในการใช้
ไม่ควรใช้ Simethicone ในผู้ป่วยที่มีการอุดกั้นของระบบทางเดินอาหาร
นอกจากนี้ สำหรับการใช้ยาในผู้มีครรภ์และผู้ที่ให้นมบุตร ตัวยายังจัดอยู่ในกลุ่ม Category C หมายความว่า ควรระมัดระวังการใช้ยาในผู้มีครรภ์และผู้ที่ให้นมบุตร
2. Activated charcoal (ผงถ่าน)
การรักษา
คาดว่า Activated charcoal จะช่วยเพิ่มการจับกับแก๊สในระบบทางเดินอาหาร จึงช่วยบรรเทาอาการท้องอืดจากแก๊สส่วนเกินในระบบทางเดินอาหารได้
กลไกการออกฤทธิ์
จากโครงสร้างสามมิติ พบว่า Activated charcoal มีรูพรุนจำนวนมาก จึงสามารถดักจับกับสารเคมีต่าง ๆ ได้ดี อีกทั้งยังอาจดักจับแก๊สในระบบทางเดินอาหารได้ด้วย
แม้ว่าปัจจุบันจะเริ่มมีงานวิจัยที่สนับสนุนฤทธิ์ของ Activated charcoal ในด้านการบรรเทาอาการท้องอืด แต่ก็ยังไม่มีผลการศึกษาทางคลินิกที่แน่ชัดมาสรุปได้
รูปแบบ ขนาด และวิธีใช้ยา
- รูปแบบ: ยาเม็ดหรือแคปซูลสำหรับรับประทาน
- ขนาดยา: 750–1,000 มิลลิกรัม (หรือ 3–4 เม็ดหรือแคปซูลต่อวัน)
- วิธีใช้ยา: รับประทานวันละ 3–4 ครั้ง
หมายเหตุ:
- ควรรับประทานยานี้ก่อนหรือหลังยาอื่น 2 ชั่วโมง เนื่องจาก Activated charcoal อาจจับกับยาอื่นได้ ทำให้ยาอื่นที่รับประทานร่วมกันไม่ออกฤทธิ์
- หลังรับประทานยานี้ อุจจาระอาจเป็นสีดำ ถือเป็นเรื่องปกติของการใช้ยา
ข้อควรระวังในการใช้
ไม่ควรใช้ Activated charcoal ในผู้ป่วยที่มีการอุดกั้นของระบบทางเดินอาหาร เพราะยาอาจทำให้การอุดกั้นแย่ลง และควรระวังการใช้ยาในผู้มีครรภ์หรือผู้ที่ให้นมบุตรด้วย
3. Digestive Enzyme (กลุ่มเอนไซม์ช่วยย่อย)
การรักษา
กลุ่มเอนไซม์ช่วยย่อย คือเอนไซม์ที่ช่วยเพิ่มการย่อยอาหาร สามารถบรรเทาอาการท้องอืดจากอาหารไม่ย่อยได้
ส่วนประกอบ
ยาในกลุ่มนี้ ประกอบด้วยกลุ่มเอนไซม์ 3 กลุ่ม ได้แก่
- เอนไซม์ในกลุ่มแพนคริเอติน (Pancreatin) เป็นเอนไซม์ที่สกัดจากตับอ่อนของสัตว์
- เอนไซม์ในกลุ่มย่อยโปรตีน (Protease)
- เอนไซม์ในกลุ่มย่อยคาร์โบไฮเดรต
กลไกการออกฤทธิ์
- เอนไซม์ในกลุ่มแพนคริเอติน (Pancreatin) ช่วยเพิ่มการย่อยไขมันในระบบทางเดินอาหาร
- เอนไซม์ในกลุ่มย่อยโปรตีน (Protease) เพิ่มการย่อยโปรตีน
- เอนไซม์อะไมเลส (Amylase) และไดแอสเตส (Diastase) ช่วยเพิ่มการย่อยคาร์โบไฮเดรตในระบบทางเดินอาหารให้กลายเป็นน้ำตาล
ข้อควรระวังในการใช้
ควรระมัดระวังการใช้ยาในผู้ป่วยโรคถุงน้ำดีและผู้ป่วยแผลในกระเพาะอาหาร และกลุ่มยานี้ยังไม่ได้รับการจัดประเภทสำหรับการใช้ในผู้มีครรภ์และผู้ที่ให้นมบุตร
4. Carminative Herbs (กลุ่มสมุนไพรขับลม)
การรักษา
สมุนไพรขับลมจะกระตุ้นการทำงานของระบบทางเดินอาหาร จึงช่วยบรรเทาอาการท้องอืด จากทั้งอาหารไม่ย่อย และจากแก๊สส่วนเกินในระบบทางเดินอาหารได้
ส่วนประกอบ
เป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ในการขับลม เช่น กระชาย กระวาน กระเทียม กะเพรา ข่า ขิง ขมิ้นชัน ตะไคร้ พริกไทย
กลไกการออกฤทธิ์
สมุนไพรที่มีฤทธิ์ในการขับลม ส่วนมากจะประกอบไปด้วยน้ำมันหอมระเหย ซึ่งคุณสมบัติของน้ำมันหอมระเหยจากสมุนไพรแต่ละชนิดต่างก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน
สำหรับกลไกที่แน่ชัดนั้นยังไม่มีข้อมูล แต่หลัก ๆ แล้วพบว่าสมุนไพรเหล่านี้มีฤทธิ์ลดการหดเกร็งโดยจะก่อให้เกิดการระคายเคืองบริเวณลำไส้ ทำให้เลือดไปเลี้ยงบริเวณลำไส้เพิ่มมากขึ้น
ช่วยให้การหดตัวของลำไส้กลับมาเป็นปกติ จึงสามารถขับแก๊สและอาหารที่ค้างอยู่ในลำไส้ได้ง่ายขึ้น ผ่านการเรอ หรือการผายลม
รูปแบบ ขนาด และวิธีใช้ยา
- รูปแบบ: สมุนไพรสด และสมุนไพรแคปซูล (สำเร็จรูป) มีทั้งชนิดเดี่ยว และชนิดผสมกับสมุนไพรตัวอื่น ๆ
- ขนาดและวิธีใช้: แตกต่างกันออกไปตามรูปแบบของสมุนไพร รับประทานหรือดื่มเอง เช่น ขิง อาจใช้เหง้าสดประมาณ 5 กรัม ต้มดื่มกับน้ำ ส่วนสมุนไพรแคปซูล (สำเร็จรูป) รับประทานตามฉลากบนผลิตภัณฑ์ เช่น รับประทาน 3–4 แคปซูลต่อวัน หลังอาหาร
ข้อควรระวังในการใช้
สมุนไพรแต่ละชนิดมีข้อควรระวังที่แตกต่างกัน เช่น ควรระวังการใช้ขมิ้นชันในผู้ป่วยที่ใช้ยาลดการแข็งตัวของเลือด เนื่องจากขมิ้นชันจะช่วยเสริมฤทธิ์ของยา และอาจทำให้ผู้ป่วยมีเลือดออกภายในร่างกายได้
นอกจากนี้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาสมุนไพรเสมอ โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคประจำตัว
ตรวจสอบความถูกต้องโดย ทีมแพทย์ HD