“ไม่ใช้สมอง สมองฝ่อ” เป็นคำพูดที่หลายคนเคยได้ยิน และอาจสงสัยว่าจริงไหม โดยมักจะถูกเปรียบเทียบกับการที่เราไม่ออกกำลังกาย กล้ามเนื้อจะไม่แข็ง ในขณะเดียวกันการไม่ฝึกฝนสมอง ก็อาจทำให้เกิดความเสื่อมถอย และสมองฝ่อได้
แต่ความจริงแล้ว “สมองฝ่อ” เป็นภาวะทางการแพทย์ที่มีสาเหตุและกระบวนการที่ซับซ้อน ซึ่งไม่ได้เกิดจากการไม่ใช้สมองเพียงอย่างเดียว แต่เกิดได้จากหลายปัจจัย
สารบัญ
สมองฝ่อ คืออะไร?
สมองฝ่อ (Cerebral atrophy หรือ Brain atrophy) คือภาวะที่สมองสูญเสียเซลล์และเนื้อสมอง อาจเกิดทั่วสมองหรือแค่เฉพาะบางส่วนก็ได้ ทำให้สมองมีขนาดเล็กหรือฝ่อลง ส่งผลให้สมองทำงานผิดปกติในหลายด้าน เช่น ความจำ การคิด และการทำงานร่วมกันของร่างกาย เป็นต้น
เมื่ออายุมากขึ้น ปกติแล้วสมองจะเสื่อมลงตามอายุจากกระบวนการธรรมชาติของร่างกาย ส่งผลให้สมองฝ่อลง แต่ปัจจัยอื่นก็สามารถเพิ่มความเสี่ยงหรือเร่งให้เกิดภาวะสมองฝ่อได้ เช่น
- โรคประจำตัว เช่น โรคความดันโลหิตสูง และโรคหลอดเลือดสมอง
- ความผิดปกติด้านสมอง เช่น โรคอัลไซเมอร์ และภาวะสมองเสื่อม
- การบาดเจ็บบริเวณศีรษะและสมองอย่างรุนแรง
- คนที่สมาชิกครอบครัวมีประวัติของโรคสมองอาจมีความเสี่ยงที่เกิดภาวะนี้ได้สูงขึ้น อาจเป็นแต่กำเนิด ตอนอายุไม่เยอะ หรือตอนอายุมาก
- ไลฟ์สไตล์ที่ไม่ดี เช่น สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์หนัก และนอนน้อย
สมองฝ่อพบได้ในช่วงวัยไหน?
ภาวะสมองฝ่อมักพบได้ในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะคนที่มีอายุมากกว่า 75 ปี เนื่องจากกระบวนการเสื่อมสภาพของเซลล์สมองที่เกิดขึ้นตามวัย หากเป็นคนที่มีโรคเรื้อรังที่เกี่ยวข้องด้วยจะยิ่งมีความเสี่ยงเพิ่มสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม สมองฝ่อไม่จำกัดเฉพาะในวัยชราเท่านั้น เพราะแม้อายุไม่มาก แต่มีปัจจัยเสี่ยงก็อาจเกิดภาวะสมองฝ่อได้ เช่น มีประวัติครอบครัวเป็นโรคสมอง ปัญหาโรคหลอดเลือดในสมอง หรือมีประวัติเคยได้รับบาดเจ็บที่สมองอย่างรุนแรง
อาการสมองฝ่อเป็นแบบไหน?
การฝ่อของสมองมีผลต่อการทำงานของสมองในหลายด้าน หากฝ่อในสมองที่ควบคุมการทำงานส่วนไหนจะส่งผลต่อการทำงานนั้นโดยตรง และความรุนแรงก็ขึ้นอยู่กับการหดตัวของเนื้อสมอง ทำให้พบอาการแตกต่างกันในแต่ละคน
เช่น สมองส่วนความจำฝ่อก็ส่งผลให้เกิดปัญหาด้านความจำ สมองฝ่อส่วนที่ควบคุมการเคลื่อนไหวจะกระทบต่อการประสานงานและการเคลื่อนไหวของร่างกายได้
อาการสมองฝ่อที่พบบ่อย เช่น
- ปัญหาด้านการสื่อสาร: พูดช้า พูดไม่ชัด เขียนหนังสือไม่ได้หรือเขียนไม่ได้เหมือนปกติ ไม่เข้าใจภาษาและการสื่อสาร
- ความจำเสื่อม: ปัญหาในด้านความจำทั้งในเรื่องระยะสั้นและระยะยาว เช่น ลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน หรือในอดีต
- ปัญหาด้านความคิด: การตัดสินใจช้าลง คิดช้า ตอบสนองช้า
- การเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมและอารมณ์: เกิดภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล แสดงพฤติกรรมที่ไม่ใช่นิสัยหรือพฤติกรรมปกติของผู้ป่วย
- ปัญหาในการควบคุมร่างกาย: เกิดอาการชัก ตัวแข็งเกร็ง ซึ่งเสี่ยงต่อการหกล้มหรือเกิดอุบัติเหตุรุนแรงได้
ภาวะสมองฝ่อป้องกันได้ไหม?
แม้ว่าคนเราจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการแก่ชราของร่างกายและสมอง บางปัจจัยเสี่ยงก็เลี่ยงไม่ได้ แต่การดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสม ร่วมกับตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้วางแผนป้องกันและรับมือกับภาวะสมองฝ่อได้
การดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสม
- ออกกำลังกายร่างกายเป็นประจำ
- ฝึกฝนสมองเพื่อกระตุ้นการทำงานของสมอง ทำได้ตั้งแต่การอ่านหนังสือ เล่นเกมที่ใช้ความคิด เล่นดนตรี หรือแม้แต่การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ
- กินอาหารที่มีประโยชน์ และครบ 5 หมู่
- การนอนหลับให้เพียงพอ และมีคุณภาพ
- หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง เช่น ความเครียด บุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
การตรวจสุขภาพและตรวจคัดกรองโรคสมอง
การตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันภาวะสมองฝ่อ และโรคอื่น ๆ คนที่มีความเสี่ยงของโรคควรปรึกษาแพทย์เพิ่มเติมถึงการตรวจคัดกรองโรคทางสมอง หรือตรวจสมอง เพื่อวางแผนป้องกันภาวะสมองฝ่อ
โดยเฉพาะปัจจัยเสี่ยงต่อไปนี้
- อายุเกิน 60 ปีขึ้นไป
- มีโรคประจำตัว อย่างโรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวาน
- คนในครอบครัวมีประวัติโรคสมอง
- เคยมีประวัติสมองได้รับการบาดเจ็บอย่างรุนแรง
การตรวจคัดกรองโรคสมองสามารถตรวจพบภาวะสมองฝ่อได้ตั้งแต่ระยะแรก ช่วยให้แพทย์วางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม ช่วยชะลอและลดความรุนแรงของภาวะนี้ได้
ดังนั้น ลำพังการไม่ใช้สมอง หรือไม่ฝึกสมองไม่ได้ทำให้สมองฝ่อ แต่เกิดจากหลายปัจจัยรวมกัน โดยเฉพาะอายุที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งการดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสมช่วยชะลอ และอาจลดความเสี่ยงของโรคนี้ได้
และการเข้ารับการตรวจสุขภาพสมองก็มีส่วนสำคัญในการป้องกันและรับมือกับภาวะสมองฝ่อ หากพบสัญญาณของภาวะนี้ อย่างปัญหาด้านความจำ หลง ๆ ลืม ๆ ชัก ควรเข้ารับการตรวจจากแพทย์
ใช้สมองหรือไม่ใช้สมองก็เสี่ยงสมองฝ่อได้ เช็กให้ชัวร์ดีกว่าที่ HDmall.co.th ดูและเปรียบเทียบราคาแพ็กเกจตรวจสมอง ราคาเป็นมิตร ตรวจได้จากคลินิกและรพ. ใกล้บ้านคุณ