Default fallback image

สิวแต่ละแบบต่างกันยังไง? เจาะลึกสิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวหัวช้าง และสิวฮอร์โมน

หลายคนอาจคิดว่าสิวก็คือสิวเหมือนกันหมด แต่นั่นคือความเข้าใจผิด ทำให้หลายคนรักษาไม่หายสักที เพราะสิวมีหลายประเภท แต่ละประเภทก็มีสาเหตุ และการดูแลที่แตกต่างกัน 

ดังนั้น เราจะมาเจาะลึกแบบชัด ๆ ตั้งแต่สิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวหัวช้าง ไปจนถึงสิวฮอร์โมน เพื่อให้คุณรู้จักสิวแต่ละแบบ เพื่อการดูแลผิวและรักษาสิวได้อย่างถูกวิธี

สิวคืออะไร มักขึ้นบริเวณไหน 

ตามปกติแล้ว ไขมันที่สร้างจากต่อมไขมันจะออกมาตามรูขุมขนของผิวหนังเรา หากเกิดอุดตันของทางเดิน ไม่ว่าจะเป็นไขมันที่ร่างกายสร้างจากต่อมไขมันเอง เซลล์ผิวที่ตายแล้ว หรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ ก็จะทําให้เกิดสิวขึ้น (Acne)

ไม่เฉพาะแค่ใบหน้า จมูก แก้ม คาง หน้าผากเท่านั้น สิวยังพบได้ในบริเวณอื่น ๆ ของร่างกายด้วย โดยเฉพาะหน้าอก ไหล่ หลังส่วนบน และบริเวณต่อมไขมันตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย 

สิวยังแบ่งออกได้เป็นหลายชนิด แต่แบ่งคร่าว ๆ ได้เป็น 2 ชนิด ตามลักษณะที่พบ คือ สิวที่ไม่มีการอักเสบ เช่น สิวอุดตันหัวขาว (สิวอุดตันหัวปิด) หรือสิวอุดตันหัวดํา (สิวอุดตันหัวเปิด) และสิวที่มีการอักเสบ เช่น สิวอักเสบ สิวตุ่มหนอง สิวหัวช้าง และสิวที่มีการทําลายของผิวข้างในจนเป็นโพรงคล้ายซีสต์ 

สิวแต่ละแบบต่างกันยังไง ลักษณะเป็นแบบไหน

สิวมีหลายชนิด แต่ละชนิดจะมีความรุนแรง และลักษณะต่างกัน โดยสิวที่พบบ่อย ๆ เช่น

สิวอุดตัน (Comedonal acne)

สิวอุดตันมักพบได้บ่อยบริเวณหน้าผาก จมูก แก้ม และคาง เป็นประเภทของสิวที่ไม่มีการอักเสบ ไม่ทำให้เกิดความเจ็บปวด สาเหตุหลักเกิดจากการอุดตันของรูขุมขนจากไขมันส่วนเกิน เซลล์ผิวตายแล้ว และสิ่งสกปรกต่าง ๆ  

ลักษณะเป็นตุ่มนูนเล็ก ๆ สีขาวใต้ผิวหนัง จะเรียกว่า สิวหัวขาว (Whiteheads) กรณีสิ่งที่อุดตันสัมผัสกับอากาศจะเกิดปฏิกิริยากับออกซิเจนกลายเป็นจุดสีดำ จะเรียกว่า สิวหัวดำ (Blackheads) นอกจากนี้ สิวอุดตันอาจกลายไปเป็นสิวอักเสบ ซึ่งมีอาการรุนแรงกว่าได้ หากไม่ดูแลผิวอย่างเหมาะสม

สิวอักเสบ สิวตุ่มแดง (Inflammatory acne หรือ Papules)

สิวอักเสบเป็นอีกขั้นของสิวที่เริ่มบานปลายจากสิวอุดตันธรรมดา ๆ กลายเป็นตุ่มนูนบวม อาจเป็นแดงเข้มถึงม่วง หรือเข้มกว่าสีผิวตามธรรมชาติ กดแล้วเจ็บ ไม่สบายผิว บางครั้งก็มีหนองให้เห็นเด่นชัด ขนาดของสิวอาจเล็กหรือใหญ่มากก็ได้ 

สิวอักเสบมักเป็นผลมาจากสิวอุดตันเกิดการติดเชื้อจากแบคทีเรีย เนื่องจากรูขุมขนถูกอุดตันด้วยสิ่งสกปรกต่าง ๆ เลยกลายเป็นแหล่งสะสมชั้นดีให้แบคทีเรียเจริญเติบโต จนกระตุ้นให้เกิดการอักเสบขึ้นมานั่นเอง

สิวหัวช้าง (Acne conglobata)

สิวหัวช้างเป็นสิวอุดตันหรือสิวอักเสบแบบหนึ่ง แต่มีความรุนแรงมากกว่าสิวประเภทอื่น ๆ ลักษณะเป็นตุ่มบวมแดงขนาดใหญ่ มักไม่มีหัวสิวให้สังเกตเห็น อาจมีหนองอยู่ภายใน หรือเป็นตุ่มแข็งไม่มีหนอง แม้ไม่ได้กดอาจรู้สึกเจ็บอย่างรุนแรง   

สิวชนิดนี้เกิดจากต่อมไขมันใต้ชั้นผิวหนังที่ผลิตไขมันออกมามากกว่าปกติจนอุดตันรูขุมขน แล้วเกิดการอักเสบรุนแรงลึกลงไปในชั้นผิวหนัง เวลาหายแล้วมีโอกาสจะทิ้งรอยดำ รอยแดง และหลุมสิวถาวรที่แก้ยากกว่าสิวแบบอื่น

สิวซีสต์ (Acne cysts)

เป็นสิวอักเสบชนิดรุนแรงที่สุดในบรรดาสิวทั้งหมด สร้างความเจ็บปวดได้มาก เกิดจากการอุดตันลึกใต้ผิวหนังเช่นเดียวกับสิวหัวช้าง ลักษณะเป็นก้อนนูนแดงขนาดใหญ่ ภายในเป็นโพรงหรือถุงน้ำ (ซีสต์) เต็มไปด้วยหนองปนเลือด แต่สิวหัวช้างจะเป็นตุ่มแข็งกว่า

สิวซีสต์รักษาได้ยากกว่าสิวแบบอื่น ควรรับการรักษาจากแพทย์เท่านั้น หากปล่อยทิ้งไว้ อาจกลายเป็นฝีหนอง มีโอกาสเกิดเป็นรอยสิว หลุมสิวขนาดใหญ่ หรือรอยแผลเป็นถาวรได้ 

เป็นสิวดูแลผิวยังไง สิวแต่ละแบบดูแลต่างกันไหม ?

การรักษาสิวขึ้นอยู่ว่าเป็นสิวชนิดไหน และความรุนแรงของสิว ถ้าสิวยังไม่รุนแรง สามารถดูแลผิวในเบื้องต้นได้ โดยรักษาความสะอาดของผิว ไม่บีบ แกะ เกา กดสิว หรือสัมผัสผิวบ่อย งดใช้เครื่องสำอางโดยไม่จำเป็น

สำหรับคนที่ต้องการใช้ยารักษาสิว ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อน เพราะการซื้อยามาใช้เอง อาจไม่ตรงกับชนิดของสิวที่เป็น จนอาจทำให้เชื้อสิวเกิดการดื้อยาได้

นอกจากนี้ สิวแต่ละชนิดแตกต่างกันไปบ้าง ถ้ารู้ว่าสิวที่ขึ้นเป็นสิวประเภทไหน ก็จะช่วยให้เลือกวิธีรักษาสิวได้ตรงจุด หายไวขึ้น ไม่ทิ้งรอยไว้ให้กวนใจ เช่น 

  • สิวอุดตัน ควรงดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมัน ใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของ BHA (Salicylic acid) อ่อน ๆ เพื่อผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดตัน และวิตามินบี ช่วยลดการอักเสบและรอยดำ
  • สิวอักเสบ ใช้ยาแต้มสิวที่มีสารช่วยลดอาการระคายเคืองและลดการอักเสบ ประคบเย็นเบา ๆ ลดบวม หากสิวอักเสบรุนแรงมาก ควรพบแพทย์ผิวหนัง เพื่อรับยาปฏิชีวนะ
  • สิวหัวช้าง ห้ามบีบหรือกดเด็ดขาด ใช้ยาแต้มสิวที่มีกรดอ่อน ๆ และคอยสังเกตอาการ หากสิวอักเสบ ตุ่นนูนแดงขึ้นเรื่อย ๆ หรือรู้สึกเจ็บมาก ควรพบแพทย์ผิวหนัง

ใครที่ลองรักษาสิวหลายวิธีแล้วสิวไม่หาย อาจเป็นเพราะรักษาไม่ตรงจุด แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพราะการรักษาแบบเฉพาะเจาะจงจะช่วยให้หายเร็ว ไม่ทิ้งรอย และไม่กลับมาเห่ออีกครั้ง

หากคุณกำลังมองหาผลิตภัณฑ์รักษาสิว หรืออยากปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพิ่มเติม สามารถเช็กโปรโมชันจากคลินิกและโรงพยาบาลที่เชื่อถือได้ที่ HDmall.co.th ได้เลย 

Scroll to Top