ปัญหาเรื่องหัวใจเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องให้ความสำคัญ เพราะหัวใจทุกคนมีเพียงดวงเดียว ถ้าเราไม่ดูแลหัวใจตัวเอง แล้วใครจะดูแลให้ล่ะครับ และถ้าหากหัวใจเกิดมีความผิดปกติก็จะส่งผลต่อระบบต่างๆ ของร่างกายเยอะมาก ในรีวิวนี้ผมเลยจะพามาตรวจสุขภาพแคลเซียมหรือหินปูนในหลอดเลือดหัวใจ (CAC) ที่ โรงพยาบาลพญาไท 3 กันครับ
สารบัญ
- รีวิวตรวจแคลเซียมหรือหินปูนในหลอดเลือดหัวใจ ที่ โรงพยาบาลพญาไท 3
- ตรวจหาหินปูนในหลอดเลือดหัวใจทำไม?
- ขั้นตอนการรับบริการตรวจแคลเซียมหรือหินปูนในหลอดเลือดหัวใจ
- เอกซเรย์ปอดเกี่ยวอะไรกับการตรวจหัวใจ?
- ตรวจ CT Scan เช็กหินปูนในหลอดเลือดหัวใจ
- ตรวจ EKG (Electrocardiogram) ตรวจอะไร?
- ตรวจ ABI (Ankle-Brachial Index) คืออะไร?
- ตรวจหาหินปูนในหลอดเลือดหัวใจ รู้ผลแล้วทำยังไงต่อ?
- ทำไมแคลเซียมในหลอดเลือดถึงไม่ดี?
- ตรวจหินปูนในหลอดเลือดหัวใจที่ไหนดี?
รีวิวตรวจแคลเซียมหรือหินปูนในหลอดเลือดหัวใจ ที่ โรงพยาบาลพญาไท 3
ก่อนหน้านี้เวลาผมไปตรวจสุขภาพประจำปีหรือต้องวัดความดัน ทุกครั้งความดันของผมจะสูงจนพี่พยาบาลต้องให้นั่งรอสักพักแล้วตรวจวัดความดันใหม่ตลอด ซึ่งผมคิดว่าเรื่องนี้ควรจะเกิดแค่กับผู้สูงอายุเท่านั้น แต่กับผมที่อายุแค่ 30 กว่าๆ พอมีอาการแบบนี้ก็ทำให้เริ่มกังวลเรื่องสุขภาพของตัวเองขึ้นมา
จากที่เคยศึกษาข้อมูล ถ้าความดันสูงบ่อยๆ ก็จะทำให้หัวใจทำงานหนัก ผมเลยมานั่งคิดว่า แล้วช่วงที่ไม่ได้วัดความดันในหลายๆ วันที่เราใช้ชีวิตล่ะ มันจะสูงมากมั้ย ความดันสูงแค่ไหน อันตรายรึเปล่า หรือมีความเสี่ยงอะไรมั้ย
แถมเมื่อไม่นานมานี้ คุณย่าของผมก็เสียชีวิตจากการเป็นหลอดเลือดในสมองตีบ และคุณยายก็เคยเป็นโรคหัวใจด้วย เลยทำให้ยิ่งกังวลว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งต่อมาตามพันธุกรรม
ผมเลยตัดสินใจที่จะไปตรวจหัวใจ และได้มารู้จักกับโปรแกรมตรวจสุขภาพแคลเซียมหรือหินปูนในหลอดเลือดหัวใจ (CAC) ที่ โรงพยาบาลพญาไท 3 ซึ่งการตรวจด้วย CAC ก็เป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพในการประเมินสภาพหลอดเลือดหัวใจ
โดยการตรวจ CAC จะใช้เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือที่เรียกกันว่า CT Scan ไม่ต้องฉีดสีหลอดเลือดหัวใจ และผลตรวจก็เชื่อถือได้ด้วยครับ
ตรวจหาหินปูนในหลอดเลือดหัวใจทำไม?
หลายคนอาจสงสัยว่า ในเมื่อผมกังวลเรื่องปัญหาที่เกี่ยวกับหัวใจ แล้วทำไมถึงมาตรวจหาหินปูนในหลอดเลือดหัวใจ นั่นก็เพราะว่า การตรวจนี้เป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยเช็กความเสี่ยงของโรคหัวใจล่วงหน้าก่อนที่อาการจะแสดงออกมา
ซึ่งการตรวจหาหินปูนในหลอดเลือดหัวใจจะช่วยให้คุณหมอตัดสินใจเรื่องการรักษาได้ง่ายขึ้น ถ้าเริ่มมีหินปูนเกาะในหลอดเลือดหัวใจ คุณหมอก็อาจจะพิจารณาให้ยาลดไขมัน หรือยาอื่นๆ เพื่อป้องกันไม่ให้หลอดเลือดอุดตัน
ขั้นตอนการรับบริการตรวจแคลเซียมหรือหินปูนในหลอดเลือดหัวใจ
สำหรับการตรวจหินปูนในหลอดเลือดหัวใจ ที่ โรงพยาบาลพญาไท 3 ผมจองผ่าน HDmall.co.th ครับ โดยหลังจากจองเสร็จก็จะมีคูปองส่งเข้ามาที่อีเมล แค่นี้ก็เอาไปยื่นที่โรงพยาบาลได้เลย
โรงพยาบาลพญาไท 3 อยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้า MRT สถานีบางไผ่ ใช้ทางออกที่ 2 และเดินต่อมาไม่ถึง 500 เมตรก็ถึงโรงพยาบาลเลย ซึ่งก่อนวันนัดพี่พยาบาลจะโทรมาบอกว่าถ้าหากมาถึงโรงพยาบาลแล้ว ให้ขึ้นลิฟต์มาที่ชั้น 19 ศูนย์หัวใจได้เลย รวมถึงย้ำเตือนให้ผมงดอาหารและเครื่องดื่มมาก่อนล่วงหน้า 8-10 ชั่วโมงด้วยครับ
พอมาถึงโรงพยาบาล ทุกอย่างก็เป็นระบบระเบียบดีมากๆ พี่เจ้าหน้าที่ทุกคนต้อนรับอย่างเป็นกันเอง จากนั้นผมก็กดลิฟต์ขึ้นไปที่ชั้น 19 แล้วยื่นบัตรประชาชนให้เจ้าหน้าที่หน้าเคาน์เตอร์ลงทะเบียน และก็ไปติดต่อที่ศูนย์หัวใจได้เลย
ที่ศูนย์หัวใจของโรงพยาบาลพญาไท 3 ก็จัดพื้นที่เป็นสัดส่วนมากๆ ครับ พอมาถึงพี่พยาบาลจะเช็กประวัติข้อมูลของเราครู่เดียว เสร็จแล้วก็พาไปวัดความดันในห้องส่วนตัว วัดไข้ แล้วก็วัดส่วนสูงกับชั่งน้ำหนักเพื่อทำประวัติส่วนตัว
จากนั้นพี่พยาบาลก็จะพาไปเจาะเลือดในชั้นเดียวกัน บอกเลยว่าพี่พยาบาลที่เจาะเลือดให้ผมมือเบามากๆ แป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว จากนั้นก็เข้าไปเก็บปัสสาวะ โดยจะต้องปล่อยปัสสาวะช่วงแรกทิ้งไปก่อนแล้วค่อยเก็บส่วนที่เหลือให้ได้ปริมาณที่เหมาะสม
หลังจากเก็บตัวอย่างเลือดและปัสสาวะเสร็จแล้ว ก็ลงลิฟต์ไปที่ชั้น 1 เพื่อตรวจเอกซเรย์ปอดและตรวจ CT Scan ครับ
เอกซเรย์ปอดเกี่ยวอะไรกับการตรวจหัวใจ?
สำหรับการตรวจเอกซเรย์ปอด หลายคนอาจจะสงสัยว่าแล้วเกี่ยวอะไรกับการตรวจหินปูนในหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งจากที่ผมถามพี่เจ้าหน้าที่เค้าบอกว่า การตรวจคัดกรองโรคที่เกี่ยวกับหัวใจมักจะตรวจปอดไปพร้อมๆ กัน เพราะคนที่มีความเสี่ยงโรคหัวใจก็มักจะมีความเสี่ยงของโรคปอดเหมือนกัน
ซึ่งการเอกซเรย์ปอดนอกจากจะช่วยหาความผิดปกติในปอดแล้ว ยังช่วยตรวจหาความผิดปกติของโรคหัวใจได้ โดยสามารถประเมินขนาดของหัวใจเบื้องต้นได้ว่ามีหัวใจโตหรือไม่ การเอกซเรย์ปอดก็จะทำให้เห็นสัญญาณความผิดปกติตรงนี้ได้ครับ
ส่วนขั้นตอนการเอกซเรย์ปอด ก่อนอื่นพี่พยาบาลจะให้เราเปลี่ยนเป็นชุดของทางโรงพยาบาลที่สวมเข้าออกง่ายและสะดวกสบายก่อน เสร็จแล้วก็ให้เข้าไปยืนที่แท่นหน้าเครื่องเอกซเรย์
จากนั้นพี่เจ้าหน้าที่จะคอยบอกให้เอามือจัดวางท่าโดยการเท้าเอว เสร็จแล้วก็กลั้นหายใจแป๊บนึง ตัวเครื่องเอกซเรย์ก็จะทำการถ่ายภาพของเราอย่างรวดเร็วเลย
ตรวจ CT Scan เช็กหินปูนในหลอดเลือดหัวใจ
หลังจากตรวจเอกซเรย์เสร็จแล้ว พี่พยาบาลก็จะพาไปที่ห้อง CT Scan เพื่อตรวจเช็กหินปูนในหลอดเลือดหัวใจต่อครับ ซึ่งในขั้นตอนนี้พี่เจ้าหน้าที่จะให้เราขึ้นไปนอนบนเตียง จากนั้นก็ติดอุปกรณ์ที่หน้าอกและลำตัวเพื่อรับคลื่นสัญญาณ โดยให้เรายกสองมือพาดเหนือหัวขึ้นไป
ระหว่างการตรวจ เตียงนอนจะเคลื่อนที่เข้าไปในตัวเครื่อง CT Scan ที่มีลักษณะคล้ายโดนัทที่มีรูตรงกลาง จากนั้นจะมีเสียงจากห้องควบคุมบอกให้เราหายใจเข้า กลั้นหายใจ และหายใจออก ทำอยู่ประมาณ 3 ครั้ง ไม่ถึง 10 นาทีก็เสร็จขั้นตอนการตรวจ CT Scan แล้วครับ
หลังจากตรวจทั้งสองขั้นตอนเสร็จแล้ว ก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วพักกินอาหารกลางวันก่อนครับ โดยทางโรงพยาบาลพญาไท 3 จะให้คูปองสำหรับกินอาหารที่สามารถใช้ซื้ออะไรก็ได้ในงบ 100 บาทมาด้วย
พอกินเสร็จแล้ว อีกประมาณ 1-2 ชั่วโมงก็เข้าไปติดต่อที่ศูนย์หัวใจกับพี่พยาบาลหน้าเคาน์เตอร์ แล้วพี่พยาบาลก็จะพาไปตรวจ EKG และ ABI เป็นสองขั้นตอนสุดท้ายก่อนพบคุณหมอครับ
ตรวจ EKG (Electrocardiogram) ตรวจอะไร?
ขั้นตอนต่อมาคือการตรวจ EKG หรือ Electrocardiogram ซึ่งเป็นการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจเพื่อเช็กจังหวะการเต้นของหัวใจว่าปกติดีไหม มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะหรือเปล่า และยังสามารถดูสัญญาณของโรคหัวใจ เช่น ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดที่อาจซ่อนอยู่ได้อีกด้วย
วิธีการตรวจก็ง่ายมากๆ แค่นอนเฉยๆ แล้วพี่พยาบาลจะเอาอุปกรณ์มาติดที่หน้าอก รวมถึงข้อมือและข้อเท้าทั้งสองข้าง จากนั้นก็ให้เรานอนนิ่งๆ ตัวเครื่องจะอ่านคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่จับสัญญาณได้แล้วแปลผลออกมาบนหน้าจอเลย
ตรวจ ABI (Ankle-Brachial Index) คืออะไร?
หลังจากตรวจ EKG เสร็จก็นอนอยู่เฉยๆ บนเตียงต่อได้เลย เพราะพี่พยาบาลจะทำการตรวจ ABI หรือ Ankle-Brachial Index ให้เราต่อครับ
ซึ่งการตรวจ ABI ก็คือการวัดดัชนีข้อเท้า-แขน หรือพูดง่ายๆ ก็คือ เช็กความดันโลหิตเปรียบเทียบระหว่างแขนกับข้อเท้า เพื่อดูว่าเลือดไหลเวียนดีหรือไม่ ถ้าค่าที่วัดออกมาต่ำหรือสูงกว่าปกติ แปลว่าอาจมีภาวะหลอดเลือดตีบซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าหลอดเลือดทั้งร่างกายอาจมีปัญหา ไม่ใช่แค่ที่หัวใจเท่านั้น
วิธีการตรวจ ABI ก็จะคล้ายๆ การวัดความดันที่แขนเลยครับ แต่ครั้งนี้จะสวมอุปกรณ์ที่ข้อเท้าและแขนทั้งสองข้าง พอเครื่องทำงานก็จะเหมือนตอนเราวัดความดันปกติ แค่ให้เราอยู่เฉยๆ เพื่อให้เครื่องทำงาน ใช้เวลาแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว หลังจากตรวจครบทุกขั้นตอนก็ออกมานั่งรอฟังผลกับคุณหมอได้เลยครับ
ตรวจหาหินปูนในหลอดเลือดหัวใจ รู้ผลแล้วทำยังไงต่อ?
การตรวจหินปูนในหลอดเลือดหัวใจครั้งนี้ ผมได้มีโอกาสเจอกับ พญ. จุฑาทิพ เพ็ชรรัตน์ อายุรแพทย์โรคหัวใจ ศูนย์หัวใจและหลอดเลือด บอกเลยว่าคุณหมอน่ารักมาก อธิบายทุกอย่างละเอียดสุดๆ
ซึ่งจากผลการตรวจทั้งหมดของผมก็ออกมาว่า ผมมี Calciumscore เท่ากับ 0 แปลว่า มีความเสี่ยงต่ำในการเกิดโรคหลอเลือดหัวใจ (มีโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจใน 5 ปี น้อยกว่า 1%) ความเสี่ยงเท่ากับ 0 หรือไม่มีความเสี่ยงที่จะมีหินปูนในหลอดเลือดหัวใจเลย พอรู้แบบนี้แล้วก็รู้สึกดีใจมากๆ จากความกังวลที่มีในตอนแรก ทำให้ตอนนี้รู้แล้วว่ายังไม่ต้องกังวล เพราะผลตรวจราบรื่นดีมากๆ
ระหว่างที่ฟังผลตรวจ คุณหมอก็จะเปิดผลตรวจให้ดูบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ไปด้วย แล้วก็อธิบายว่าถ้าสมมติมีคราบหินปูนจะมีสัดส่วนที่เป็นสีขาวๆ อยู่ตรงหัวใจ แต่ของผมไม่มีเลยครับ
แต่คุณหมอก็ทักว่า ผมมีไขมันในเลือดค่อนข้างสูง แต่ยังไม่สูงถึงขั้นต้องกินยา แนะนำให้กลับมาดูแลสุขภาพ ดูแลอาหารการกินของตัวเอง และให้ออกกำลังกายบ้าง
นอกจากนี้ ผมก็ยังได้คุยกับคุณหมอในอีกหลายๆ ประเด็นด้วยว่า ถ้าสมมติผลตรวจออกมาผิดปกติจะต้องทำยังไงบ้าง คุณหมอก็อธิบายว่าขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่เกิดขึ้น
ถ้ามี Calciumscore ความเสี่ยงอยู่ในช่วงระดับ 1-99 ถือว่ามีหินปูนในหลอดเลือดหัวใจเล็กน้อย หรือเริ่มมีความเสี่ยง แนะนำให้ปรับพฤติกรรม ควบคุมอาหาร ออกกำลังกายสม่ำเสมอ งดบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และให้ควบคุมน้ำหนักร่วมด้วย
แต่ถ้ามี Calciumscore ความเสี่ยงระดับปานกลางอยู่ในช่วง 100-399 หรือใครที่มีความเสี่ยงสูง มีค่าอยู่ในช่วง 400 ขึ้นไป ควรได้รับการรักษาตามคำแนะนำแพทย์ต่อไป โดยการรักษาหรือการตรวจเพิ่มในผู้ป่วยแต่ละคน แพทย์จะพิจารณาโดยขึ้นกับลักษณะและอาการของผู้ป่วยเป็นรายๆ ไป
สำหรับผมที่ค่าความเสี่ยงเป็น 0 ไม่มีหินปูนในหลอดเลือดหัวใจ คุณหมอก็แนะนำให้ดูแลตัวเองให้ดี ลดไขมันในเลือดลงบ้างก่อนที่จะเกิดผลกระทบกับสุขภาพร่างกายในอวัยวะอื่นๆ ครับ
ส่วนเรื่องความดันสูงเกือบทุกครั้งที่ทำการตรวจวัด คุณหมอบอกว่าความดันสูงเป็นสัญญาณนึงของโรคเกี่ยวกับหัวใจเหมือนกัน แต่จากผลตรวจของผมความดันไม่ได้สูงมากถึงขั้นมีความเสี่ยงที่จะผิดปกติ ยังไม่ต้องกังวลครับ
ทำไมแคลเซียมในหลอดเลือดถึงไม่ดี?
จากที่ผมพูดคุยกับคุณหมอเกี่ยวกับการตรวจแคลเซียมหรือหินปูนในหลอดเลือดหัวใจ ผมก็สงสัยว่า แล้วทำไมแคลเซียมในหลอดเลือดหัวใจมันถึงไม่ดีล่ะ
คุณหมอก็อธิบายว่า แคลเซียมที่สะสมในหลอดเลือดเป็นสัญญาณของโรคหลอดเลือดแข็ง แทนที่แคลเซียมจะไปเสริมสร้างกระดูก มันจะสะสมที่ผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดแข็งตัวและตีบลง รวมถึงทำให้เลือดไหลเวียนได้ยากขึ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจขาดเลือดและโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
นอกจากนี้ แคลเซียมที่สะสมในหลอดเลือดมักเกิดจากภาวะอักเสบและไขมันอุดตัน พอไขมันสะสมในหลอดเลือดเยอะ ร่างกายจะพยายามซ่อมแซมโดยสร้างเนื้อเยื่อพังผืดและแคลเซียมเข้ามาช่วย แต่กลับทำให้เกิด คราบพลัคแข็งตัวจนทำให้หลอดเลือดเสียความยืดหยุ่น ซึ่งก็ส่งผลกระทบกันเป็นทอดๆ เลย
ตรวจหินปูนในหลอดเลือดหัวใจที่ไหนดี?
สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วอยากจะตรวจแคลเซียมหรือหินปูนในหลอดเลือดหัวใจ ผมแนะนำเลยครับ ตรวจที่โรงพยาบาลพญาไท 3 รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน เดินทางสะดวก คุณหมอน่ารัก อธิบายอย่างเป็นกันเอง และพี่ๆ พยาบาลกับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายก็คอยให้คำแนะนำเป็นอย่างดี มาที่นี่ประทับใจแน่นอน
และที่สำคัญเลยถ้าจองโปรแกรมตรวจสุขภาพแคลเซียมหรือหินปูนในหลอดเลือดหัวใจ (CAC) ที่ โรงพยาบาลพญาไท 3 ผ่าน HDmall.co.th ก็จะได้ราคาที่คุ้มค่าสุดๆ คุ้มยิ่งกว่าจองเองอีกครับ บอกเลยว่าจองกับ HDmall.co.th ง่าย ไม่ยุ่งยาก แค่จ่ายเงิน ทำนัด แล้วรับคูปอง แค่นี้ก็ใช้บริการได้แล้ว