vasectomy treatment comparison scaled

เปรียบเทียบการผ่าตัดทำหมันชาย วิธีไหนดีกว่ากัน

การผ่าตัดทำหมันชาย เป็นวิธีการคุมกำเนิดแบบถาวรที่มีประสิทธิภาพสูงถึง 99% และราคาไม่แพง จึงเป็นตัวเลือกลำดับต้นๆ ในการคุมกำเนิดของผู้ที่ไม่ต้องการมีลูกเพิ่ม

หากคุณกำลังวางแผนจะทำหมัน ลองมาดูกันว่า การผ่าตัดทำหมันชายมีวิธีไหนบ้าง แต่ละวิธีมีขั้นตอนอย่างไร ต้องเตรียมตัวและดูแลตัวเองอย่างไร รวมทั้งมีข้อดี ข้อจำกัด และผลข้างเคียงอะไรบ้าง

เปรียบเทียบการผ่าตัดทำหมันชาย มีวิธีไหนบ้าง

การผ่าตัดทำหมันชายมีด้วยกัน 2 วิธี ได้แก่ การทำหมันแบบดั้งเดิม หรือการใช้มีดกรีดเปิดผิวหนัง และการทำหมันแบบเจาะหรือเรียกกันว่า หมันเจาะ

การผ่าตัดทำหมันชายทั้ง 2 วิธี มีหลักการเดียวกัน แตกต่างกันแค่เทคนิคการผ่าตัดเท่านั้น

1. การทำหมันแบบดั้งเดิม (Scalpel Vasectomy)

การทำหมันแบบดั้งเดิมเป็นการใช้มีดกรีดเปิดผิวถุงอัณฑะ ขนาดประมาณ 1-2 เซนติเมตร หาท่อนำอสุจิ จากนั้นตัดและผูกท่อนำอสุจิทั้ง 2 ข้าง แล้วเย็บปิดแผล 

ขั้นตอนการทำหมันชายแบบดั้งเดิม

  1. แพทย์จะทำความสะอาดและเตรียมบริเวณหนังหุ้มอัณฑะ
  2. ฉีดยาชาเฉพาะที่บริเวณผิวหนังที่อยู่ใกล้ท่อนำอสุจิ ซึ่งอยู่เหนืออัณฑะเล็กน้อย และรอให้ยาชาออกฤทธิ์
  3. เมื่อยาชาออกฤทธิ์เต็มที่ แพทย์จะใช้มีดกรีดเปิดผิวบริเวณถุงอัณฑะตามตำแหน่งที่วางแผนไว้ จำนวน 1-2 แผล ขนาดประมาณ 1-2 เซนติเมตร จากนั้นจึงหาท่อนำอสุจิ
  4. ตัดท่อนำอสุจิ แล้วผูกปลายทั้ง 2 ข้าง จากวางท่อนำอสุจิกลับลงไปใต้ผิวหนังเหมือนเดิม
  5. เย็บปิดผิวหนังด้วยไหมละลาย

การทำหมันด้วยวิธีนี้มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนค่อนข้างน้อย แต่มีโอกาสเกิดได้มากกว่าแบบเจาะ เช่น อาจมีเลือดออก แผลติดเชื้อ เป็นต้น

2. การทำหมันแบบเจาะ (Non Scalpel Vasectomy)

การทำหมันด้วยวิธีนี้เป็นการทำหมันแผลเล็ก ซึ่งเป็นวิธีมาตรฐานที่นิยมใช้ในปัจจุบัน แพทย์จะใช้อุปกรณ์เจาะผิวถุงอัณฑะ หาท่อนำอสุจิ จากนั้นจึงตัดและผูกท่ออสุจิทั้ง 2 ข้าง การผ่าตัดแบบนี้แผลจะมีขนาดเล็ก ประมาณ 0.5-1 เซนติเมตรเท่านั้น จึงไม่จำเป็นต้องเย็บปิดแผลเหมือนการทำหมันแบบดั้งเดิม

ขั้นตอนการทำหมันชายแบบเจาะ

  1. แพทย์จะทำความสะอาดและเตรียมบริเวณหนังหุ้มอัณฑะ
  2. ฉีดยาชาเฉพาะที่บริเวณผิวหนังที่อยู่ใกล้ท่อนำอสุจิ ซึ่งอยู่เหนืออัณฑะเล็กน้อย และรอให้ยาชาออกฤทธิ์
  3. ใช้เครื่องมือปลายแหลมเจาะรูเล็กๆ บริเวณผิวหนังอัณฑะขนาด 0.5 – 1 เซนติเมตร เพื่อหาท่อนำอสุจิ แล้วใช้เครื่องมือพิเศษขนาดเล็ก สอดเข้าไปเกี่ยวท่อนำอสุจิออกมา
  4. ตัดท่อนำอสุจิ แล้วผูกปลายทั้ง 2 ข้าง จากนั้นวางท่อนำอสุจิกลับลงไปใต้ผิวหนังเหมือนเดิม
  5. ใช้พลาสเตอร์ยาปิดแผลไว้ โดยไม่ต้องเย็บแผล

ยังลังเลใช่ไหม ไม่รู้ว่าควรเลือกผ่าตัดทำหมันชายด้วยวิธีไหนดี? ปรึกษาแอดมิน หาแพ็กเกจราคาดีใกล้คุณได้ ที่นี่

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดทำหมันชาย

การผ่าตัดทำหมันชายไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวเป็นพิเศษ มีเพียงข้อปฏิบัติที่แพทย์แนะนำเล็กน้อย และไม่ว่าจะเลือกการทำหมันแบบดั้งเดิม หรือแบบเจาะ ก็มีการเตรียมตัวที่ไม่แตกต่างกัน ดังนี้

  • แจ้งประวัติสุขภาพทั้งหมดให้แพทย์ทราบ ทั้งประวัติอาการเจ็บป่วย โรคประจำตัว และการรับประทานยา เนื่องจากยาบางชนิดอาจส่งผลกระทบหลังทำหมัน หรือโรคประจำตัวบางโรคอาจทำให้ไม่สามารถทำหมันได้
  • ตัดขนบริเวณอัณฑะให้สั้น พร้อมทั้งทำความสะอาดอวัยวะเพศและบริเวณขาหนีบ
  • เตรียมกางเกงชั้นในที่ช่วยประคองอัณฑะ ใช้ใส่หลังผ่าตัด

การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดทำหมันชาย

หลังจากทำหมันเรียบร้อยแล้ว ผู้เข้ารับการผ่าตัดสามารถกลับบ้านได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล โดยแพทย์จะแนะนำให้ดูแลตัวเอง ดังนี้

  • พักผ่อนให้เต็มที่ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังจากผ่าตัด อาจมีอาการปวดแผล หรือบวมช้ำได้ในช่วง 2-3 วันแรก และอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นจนหายเป็นปกติ
  • สวมกางเกงในที่ช่วยประคองถุงอัณฑะ อย่างน้อย 48 ชั่วโมงหลังผ่าตัด
  • ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้แผลโดนน้ำ ในช่วง 3-4 วัน หลังจากทำหมัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  • งดหลั่งน้ำอสุจิประมาณ 1 สัปดาห์
  • หากมีอาการปวด สามารถรับประทานยาแก้ปวด หรือประคบเย็น เพื่อบรรเทาอาการปวดแผลได้
  • งดเว้นการมีเพศสัมพันธ์ ออกกำลังกาย หรือยกของหนัก ประมาณ 1 สัปดาห์แรกหลังผ่าตัด
  • กลับไปพบแพทย์ตามนัดหมาย เพื่อติดตามอาการ ประมาณ 6-12 สัปดาห์ บางรายแพทย์อาจตรวจเพิ่มเติมว่า ไม่มีอสุจิหลุดรอดออกมา

ข้อดีของการทำหมันชาย

  • เป็นวิธีการคุมกำเนิดมีประสิทธิภาพสูงถึง 99% และมีความปลอดภัยสูง
  • มีขั้นตอนซับซ้อนน้อยกว่าการทำหมันในเพศหญิง ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 45 นาทีเท่านั้น
  • แผลเล็ก ไม่ว่าจะเลือกผ่าตัดแบบใด ขนาดแผลจะไม่เกิน 2 เซนติเมตร
  • ไม่จำเป็นต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล หลังจากทำเสร็จสามารถกลับบ้านได้เลย และพักฟื้นต่อเพียง 2-3 วันเท่านั้น
  • หลังจากทำหมันชายแล้ว ประมาณ 1 สัปดาห์ สามารถกลับมามีเพศสัมพันธ์ได้ตามปกติ
  • มีความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนน้อยมาก 
  • เจ็บน้อยมาก โดยจะรู้สึกเจ็บในช่วงที่ฉีดยาชาเข็มแรก หลังจากนั้นความเจ็บจะลดลง
  • ช่วยลดภาระและความเสี่ยงให้กับฝ่ายหญิง
  • ค่าใช้จ่ายไม่สูง
  • ไม่กระทบต่อสมรรถภาพทางเพศ มีความต้องการทางเพศได้เหมือนเดิม อวัยวะเพศแข็งตัว และหลั่งน้ำอสุจิได้ตามปกติ

ข้อจำกัดของการทำหมันชาย

  • เป็นการทำหมันถาวร หากต้องการมีลูกอีกครั้ง จะต้องผ่าตัดแก้หมัน ซึ่งโอกาสกลับมามีลูกได้อีกครั้งอยู่ที่ 60-80% และอาจลดลง หากผ่านการทำหมันนานเกิน 10 ปีแล้ว
  • ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ หรือเลือดแข็งตัวช้า เป็นโรคผิวหนัง หรือติดเชื้อบริเวณถุงอัณฑะในขณะผ่าตัด และผู้ที่เคยผ่าตัดบริเวณอัณฑะมาก่อน
  • หลังจากผ่าตัดทำหมันแล้ว จะยังไม่เป็นหมันทันที แพทย์มักจะแนะนำให้คุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นร่วมกันไปก่อนอย่างน้อย 6-12 สัปดาห์ เนื่องจากหลังการผ่าตัดอาจมีอสุจิหลงเหลืออยู่

ผลข้างเคียงจากการทำหมันชาย

การทำหมันชายอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ ดังนี้

  • มีเลือดออก หรือเลือดคั่งบริเวณถุงอัณฑะ เกิดจากการบาดเจ็บของหลอดเลือดที่อยู่รอบท่อนำอสุจิ
  • แผลติดเชื้อ บวมแดง
  • พบก้อนในถุงอัณฑะ ซึ่งเป็นก้อนอสุจิจากการรั่วของแผลผ่าตัด
  • รู้สึกปวดหน่วงขณะหลั่งอสุจิ อัณฑะบวม

อย่างไรก็ตาม โอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนดังกล่าวพบได้ค่อนข้างน้อย บางอาการสามารถหายได้เอง หรือสามารถรักษาด้วยการรับประทานยาต้านการอักเสบ หากพบอาการผิดปกติ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที

จะเห็นได้ว่า การทำหมันชายเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน ไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆ ต่อร่างกาย หรือสมรรถภาพทางเพศ และไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด หากคุณยังไม่แน่ใจว่า ควรผ่าตัดทำหมันชายด้วยวิธีไหนดี แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เพื่อเลือกวิธีที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

ไม่อยากมีลูกเพิ่มแล้ว อยากทำหมันชาย นัดคุยกับคุณหมอเฉพาะทาง ผ่านทีม HDcare ได้เลย สะดวกรวดเร็ว ทันใจ หรือค้นหาแพ็กเกจผ่าตัดทำหมันชาย จาก รพ. หรือคลินิกใกล้คุณได้ทันที คลิกที่นี่เลย

Scroll to Top