ขนาดของอวัยวะเพศชาย เป็นเรื่องที่ผู้ชายจำนวนไม่น้อยให้ความสนใจ หลายคนมองหาวิธีเพิ่มขนาดโดยไม่รู้ว่าวิธีไหนได้ผลจริง หรือมีความเสี่ยงหรือไม่…บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจทางเลือกต่างๆ ในการเพิ่มขนาดอวัยวะเพศชาย ทั้งในด้านประสิทธิภาพ ความปลอดภัย ผลข้างเคียง และแนวทางที่เหมาะกับตัวเองที่สุด
สารบัญ
ขนาดของอวัยวะเพศชาย แบบไหนเรียกว่า “ปกติ”
ก่อนที่จะพิจารณาการเพิ่มขนาด สิ่งแรกที่ควรทำความเข้าใจคือ ขนาดเฉลี่ยของอวัยวะเพศชาย จากงานวิจัยทางการแพทย์ พบว่า
- ขนาดในภาวะแข็งตัวเฉลี่ยอยู่ที่ 12.9 – 15.2 เซนติเมตร (5.1 – 6 นิ้ว)
- ขนาดในภาวะอ่อนตัวเฉลี่ยอยู่ที่ 7 – 10 เซนติเมตร
เมื่อเข้าใจค่าเฉลี่ยที่ถูกต้อง หลายคนอาจพบว่า ขนาดของตัวเองไม่ได้ผิดปกติ และไม่จำเป็นต้องเพิ่มขนาดแต่อย่างใด ความพึงพอใจทางเพศนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงความสัมพันธ์ ความเข้าใจ และเทคนิคที่ใช้ร่วมกันด้วย
ปัญหาอวัยวะเพศชายเล็กเกิดจากอะไร
หลายคนเข้าใจว่า ขนาดของอวัยวะเพศชายเป็นเรื่องของกรรมพันธุ์หรือเชื้อชาติเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง ปัจจัยที่ส่งผลต่อขนาดของอวัยวะเพศชายมีมากมาย ทั้งจากภายในและภายนอกร่างกาย ซึ่งสามารถส่งผลต่อความยาว ความหนา รวมถึงรูปร่างขององคชาตได้โดยไม่รู้ตัว
หนึ่งในปัจจัยที่พบบ่อยคือ อายุที่มากขึ้น เมื่ออายุมากขึ้น การไหลเวียนของเลือดอาจลดลง รวมถึงเซลล์กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อบริเวณองคชาตเกิดการฝ่อ ส่งผลให้ขนาดดูเล็กลงอย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังมี โรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคอ้วน เบาหวาน หรือโรคพังผืดในองคชาต (Peyronie’s Disease) ที่ทำให้เกิดการผิดรูปและสั้นลงได้
อาการบาดเจ็บหรือการฉีกขาดของเนื้อเยื่อในองคชาต เช่น อุบัติเหตุหรือการเล่นกีฬาที่รุนแรง ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ส่งผลต่อความสมบูรณ์ของอวัยวะเพศ รวมถึงผลข้างเคียงจากยาบางชนิด และการผ่าตัดบางประเภท เช่น การผ่าตัดต่อมลูกหมาก ที่อาจทำให้กล้ามเนื้อขาหนีบหดตัว ส่งผลให้องคชาตดูสั้นลงกว่าปกติ
รวมวิธี เพิ่มขนาดอวัยวะเพศชาย มีวิธีไหนบ้าง
1. การผ่าตัดเพิ่มความยาวอวัยวะเพศชาย
วิธีนี้เป็นการผ่าตัดเพื่อเพิ่มความยาวของอวัยวะเพศชายโดยตรง โดยแพทย์จะตัดเส้นเอ็นที่ยึดอวัยวะเพศไว้กับกระดูกหัวหน่าว (เรียกว่า Suspensory Ligament) ออก
เส้นเอ็นนี้ทำหน้าที่ยึดและดึงองคชาตให้ชิดกับกระดูกหัวหน่าว ทำให้เมื่อองคชาตแข็งตัวจะยื่นออกมาได้ไม่เต็มที่ เมื่อเส้นเอ็นถูกตัดออก อวัยวะเพศจะยื่นยาวออกมามากขึ้นในขณะที่อยู่ในสภาพไม่แข็งตัว
โดยทั่วไปสามารถเพิ่มความยาวได้ประมาณ 2-5 เซนติเมตร ขึ้นอยู่กับโครงสร้างร่างกายและเทคนิคแพทย์
อย่างไรก็ตาม หลังผ่าตัดองศาการกระดกของอวัยวะเพศจะลดลงจากประมาณ 120 องศา เหลือประมาณ 90 องศา แต่ยังคงใช้งานทางเพศได้ตามปกติ ไม่มีผลกระทบต่อสมรรถภาพทางเพศ
ขั้นตอนการผ่าตัด
- แพทย์ระงับความรู้สึกผู้ป่วยด้วยยาชา หรือดมยาสลบ
- เปิดแผลที่หัวหน่าว เพื่อตัดเส้นเอ็น
- เย็บปิดแผลและดูแลหลังผ่าตัด
ข้อพิจารณา: แผลที่หัวหน่าวมีทั้งแบบเปิดแผลโดยตรง และแบบไม่มีแผลภายนอก (เมื่อทำพร้อมกับการขริบเลเซอร์)
ข้อดี
- เพิ่มความยาวได้อย่างชัดเจน
- ผลลัพธ์อยู่ถาวร
ข้อควรระวัง
- ต้องผ่าตัดและมีแผลผ่าตัด
- องศาการตั้งขององคชาตจะลดลง
- ต้องอาศัยการพักฟื้นและดูแลแผล
2. การผ่าตัดเพิ่มความหนาอวัยวะเพศชาย (Surgical Girth Enhancement)
การผ่าตัดวิธีนี้มีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มความหนาของอวัยวะเพศชาย โดยการเสริมเนื้อเยื่อหรือวัสดุรอบๆ แกนอวัยวะเพศเพื่อให้มีขนาดใหญ่ขึ้น มีหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับวัสดุที่เลือกใช้
- การเสริมด้วยเนื้อเยื่อตัวเอง (Autologous Tissue/Fat Grafting): เป็นการนำไขมันหรือเนื้อเยื่อจากส่วนอื่นของร่างกายมาปลูกถ่ายเพิ่มขนาดและความหนาของอวัยวะเพศ วิธีนี้มีความปลอดภัยสูง ลดโอกาสการแพ้หรือติดเชื้อ และให้สัมผัสที่เป็นธรรมชาติ เนื้อเยื่อที่ปลูกถ่ายมีโอกาสติดถาวรในระดับหนึ่ง แต่ไขมันบางส่วนอาจสลายไปตามเวลา
- การเสริมด้วยเนื้อเยื่อเทียม/วัสดุสังเคราะห์ (Artificial Dermal Grafts / Synthetic Implants): เป็นการใช้วัสดุทางการแพทย์ที่มีความปลอดภัยและเหมาะสมกับร่างกาย เช่น เนื้อเยื่อเทียม (ADM) ที่เข้ากับเนื้อเยื่อได้ดี หรือซิลิโคนทางการแพทย์ วัสดุเหล่านี้ช่วยเพิ่มขนาดความหนาได้อย่างชัดเจนและให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานหรือถาวร ขึ้นอยู่กับชนิดของวัสดุ อย่างไรก็ตาม ในบางรายอาจเกิดปฏิกิริยากับร่างกายได้ และซิลิโคนบางชนิดอาจดูไม่เป็นธรรมชาติเท่าที่ควร
ขั้นตอนการผ่าตัด
- ให้ยาชาเฉพาะที่กับอวัยวะเพศ (กรณีใช้ไขมันตัวเอง อาจต้องดูดไขมันจากส่วนอื่นก่อน)
- เปิดแผลที่แกนองคชาต
- เสริมเนื้อเยื่อหรือวัสดุที่เตรียมไว้รอบอวัยวะเพศ
- เย็บปิดแผลและพักฟื้นตามคำแนะนำแพทย์
ข้อดี
- เพิ่มความหนาได้ชัดเจน
- เนื้อเยื่อบางชนิดให้สัมผัสใกล้เคียงธรรมชาติ
- บางวัสดุอยู่ได้นานหรือถาวร
ข้อควรระวัง
- เป็นการผ่าตัดใหญ่ ต้องใช้เวลาในการพักฟื้น
- ไขมันตัวเองอาจสลายไปตามเวลา
- เนื้อเยื่อเทียมอาจเกิดปฏิกิริยากับร่างกายในบางราย
- เป็นหัตถการมีความซับซ้อน (โดยเฉพาะการปลูกถ่ายเนื้อเยื่อ)
- ค่าใช้จ่ายอาจสูงกว่าวิธีอื่นๆ
3. การฉีดฟิลเลอร์เพื่อเพิ่มขนาดอวัยวะเพศชาย
การฉีดฟิลเลอร์เป็นวิธีเพิ่มขนาดอวัยวะเพศชายแบบไม่ต้องผ่าตัด โดยใช้สารเติมเต็มชนิดพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยและเหมาะกับการใช้งานบริเวณนี้
ฟิลเลอร์ที่ใช้มักเป็นไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารเติมเต็มยอดนิยมที่ใช้ในทางการแพทย์และเสริมความงาม หลังฉีด ฟิลเลอร์จะช่วยเพิ่มความหนาและความแน่นของอวัยวะเพศทันที
โดยทั่วไปฟิลเลอร์จะอยู่ได้ประมาณ 2-3 ปี เริ่มสลายตัวหลังทำประมาณ 1 ปี และต้องเติมซ้ำเพื่อรักษาผลลัพธ์
ข้อดี
- ไม่ต้องผ่าตัด เจ็บน้อย
- ฟื้นตัวเร็ว สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
- ทรงองคชาตดูเป็นธรรมชาติและสวยงาม
ข้อควรระวัง
- ผลลัพธ์ไม่ถาวร ต้องฉีดซ้ำ
- ควรเลือกคลินิกและแพทย์ที่มีความชำนาญ เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อน
4. การฉีดไขมันตัวเองเพื่อเพิ่มขนาดอวัยวะเพศชาย
การฉีดไขมันตัวเองเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยม เพราะใช้ไขมันจากร่างกายของตัวเอง จึงลดความเสี่ยงในการแพ้หรือติดเชื้อ
ขั้นตอนการฉีดไขมัน เริ่มจากการดูดไขมันจากส่วนที่เหมาะสม เช่น ต้นขา หรือบริเวณหัวหน่าว จากนั้นนำมาปั่นและแยกเซลล์ไขมันให้มีขนาดเหมาะสม แล้วฉีดไขมันเข้าไปในชั้นผิวหนังของอวัยวะเพศในหลายชั้นและหลายทิศทาง
ผลลัพธ์ที่ได้คือ ไขมันที่ฉีดเข้าไปจะติดถาวรในระดับหนึ่ง ขึ้นกับการดูแลและการตอบสนองของร่างกาย ต้องใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนก่อนจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจน
ข้อดี
- ใช้ไขมันตัวเอง ลดโอกาสการแพ้และการติดเชื้อ
- ผลลัพธ์ค่อนข้างถาวรและเป็นธรรมชาติ
ข้อควรระวัง
- ไขมันบางส่วนอาจสลายหายไป จึงต้องดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์
- ควรทำโดยแพทย์เฉพาะทาง เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
เพิ่มขนาดอวัยวะเพศชาย อันตรายไหม?
การเพิ่มขนาดอวัยวะเพศชายไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ล้วนมีความเสี่ยงที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะหากไม่ได้รับการดูแลจากแพทย์เฉพาะทาง หรือทำในสถานพยาบาลที่ไม่ได้มาตรฐาน ความผิดพลาดอาจนำไปสู่ผลกระทบที่ร้ายแรง ทั้งทางร่างกายและจิตใจ เช่น
- การติดเชื้อ: เสี่ยงสูงโดยเฉพาะในกรณีที่ใช้อุปกรณ์หรือสารที่ไม่สะอาด หรือขาดการดูแลหลังหัตถการอย่างถูกต้อง
- การบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อ เส้นประสาท หรือหลอดเลือด: อาจกระทบต่อการรับรู้ความรู้สึก รวมถึงสมรรถภาพทางเพศในระยะยาว
- การเกิดแผลเป็น: ทำให้รูปลักษณ์เปลี่ยนไป ส่งผลต่อความมั่นใจและความรู้สึกในระหว่างกิจกรรมทางเพศ
- ภาวะอวัยวะเพศผิดรูป: เกิดจากการฉีดสารที่ไม่เหมาะสม หรือใช้อุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน
- ผลกระทบทางจิตใจ: หากผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง อาจเกิดความเครียด ความกังวล หรือปัญหาด้านสุขภาพจิต
เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางและเลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานก่อนตัดสินใจเข้ารับการรักษาทุกครั้ง
จะเหมือนเดิมรึเปล่า ผลลัพธ์จะถาวรจริงหรือไม่?
หนึ่งในคำถามที่พบบ่อยที่สุดคือ “ผลลัพธ์ที่ได้จะคงอยู่ถาวรหรือไม่?” คำตอบขึ้นอยู่กับวิธีที่เลือกใช้ โดยแต่ละวิธีให้ผลลัพธ์แตกต่างกันไปดังนี้
- การผ่าตัดเพิ่มความยาว หรือปลูกถ่ายเนื้อเยื่อตัวเอง: ถือเป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์ถาวร เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของร่างกาย หรือปลูกถ่ายเนื้อเยื่อที่สามารถคงอยู่ได้อย่างยาวนาน
- การฉีดไขมันจากร่างกายตัวเอง: ไขมันบางส่วนที่ฉีดจะคงอยู่ถาวร แต่อาจมีการสลายบางส่วนในช่วงแรก ผลลัพธ์จึงขึ้นอยู่กับการดูแลและสภาพร่างกายของแต่ละคน
- การฉีดฟิลเลอร์: เป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์ชั่วคราว ฟิลเลอร์จะค่อยๆ สลายไปตามธรรมชาติภายใน 2–3 ปี หากต้องการผลลัพธ์ต่อเนื่อง จำเป็นต้องฉีดซ้ำ
- วิธีอื่นๆ ที่ไม่ใช่การแพทย์ เช่น อุปกรณ์ดึง ยาทา หรืออาหารเสริม: โดยทั่วไปยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับว่าให้ผลลัพธ์ถาวร และบางวิธีอาจเสี่ยงเกิดอันตรายหากใช้อย่างไม่เหมาะสม
การปรึกษาแพทย์จะช่วยให้คุณเข้าใจโครงสร้างทางกายภาพของตัวเองอย่างถูกต้อง เลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุด รับรู้ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และคาดการณ์ผลลัพธ์ได้ นอกจากนี้ การดูแลตัวเองตามคำแนะนำหลังหัตถการ ยังเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนานและปลอดภัย
จะเลือกวิธีเพิ่มขนาดแบบไหนดีให้ปลอดภัยและเห็นผล? นัดคุยกับคุณหมอเฉพาะทาง ผ่านทีม HDcare สะดวกรวดเร็ว ทันใจ หรือค้นหาแพ็กเกจเพิ่มขนาดอวัยวะเพศชาย จาก รพ. หรือคลินิกใกล้คุณได้ทันที คลิกที่นี่เลย