Default fallback image

มะเร็งปอด VS วัณโรค VS ปอดอักเสบ ต่างกันยังไง

อาการไอเรื้อรัง เหนื่อยง่าย เจ็บแน่นหน้าอก หรือหายใจติดขัด อาจดูเป็นเรื่องทั่วไปที่หลายคนมองข้าม แต่รู้หรือไม่ว่าอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของโรคที่เกี่ยวข้องกับปอด ไม่ว่าจะเป็น “มะเร็งปอด” “วัณโรค” หรือ “ปอดอักเสบ” ซึ่งเป็นโรคร้ายที่พบได้บ่อยในคนไทย และบางครั้งมีอาการคล้ายกันจนทำให้สับสน

บทความนี้จะมาอธิบายความแตกต่างของแต่ละโรคให้ทราบ เพื่อจะได้สังเกตอาการเบื้องต้นด้วยตัวเอง

โรคปอด มีอะไรบ้าง?

ปอดเป็นอวัยวะสำคัญในระบบทางเดินหายใจ ทำหน้าที่แลกเปลี่ยนออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ให้ร่างกาย การมีปอดแข็งแรงจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ด้วยมลภาวะ ความเครียด การสูบบุหรี่ ภูมิคุ้มกันที่ลดลง หรือการติดเชื้อ ก็ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับปอดได้หลายชนิด ซึ่งบางโรคอาจมีอาการคล้ายกันจนสับสน เช่น ไอเรื้อรัง เหนื่อยง่าย เจ็บหน้าอก หรือหายใจลำบาก

ทั้งนี้ 3 โรคที่พบได้บ่อยในระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง ได้แก่

  • มะเร็งปอด
  • วัณโรค
  • ปอดอักเสบ

ทั้ง 3 โรคนี้ต่างก็เป็นภัยสุขภาพที่อาจคุกคามชีวิตได้ หากไม่ตรวจพบและรักษาอย่างถูกต้อง เราจะมาดูว่าแต่ละโรคคืออะไร อาการแตกต่างกันอย่างไร และวิธีสังเกตเพื่อแยกแยะโรคเบื้องต้นได้อย่างไรบ้าง

1. โรคมะเร็งปอด (Lung Cancer)

มะเร็งปอดเป็นโรคมะเร็งชนิดหนึ่งที่เกิดจากการเจริญเติบโตผิดปกติของเซลล์ในเนื้อเยื่อปอด เซลล์เหล่านี้จะแบ่งตัวเร็วผิดปกติและไม่มีการควบคุม กลายเป็นก้อนเนื้อร้าย (Tumor) ที่สามารถทำลายเนื้อเยื่อปอดปกติและลุกลามไปยังอวัยวะอื่นในร่างกายผ่านระบบเลือดและน้ำเหลือง ทำให้เกิดความเสียหายที่รุนแรงและเป็นอันตรายต่อชีวิต

สาเหตุของมะเร็งปอด

  • การสูบบุหรี่ เป็นสาเหตุสำคัญที่สุดที่ทำให้เกิดมะเร็งปอด โดยสารเคมีในบุหรี่จะทำลายเซลล์ปอดและกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงของเซลล์
  • การรับควันบุหรี่มือสอง ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญเช่นเดียวกัน
  • การสัมผัสสารพิษในสิ่งแวดล้อม เช่น แร่ใยหิน, รังสีเรดอน และสารเคมีในโรงงานอุตสาหกรรม
  • พันธุกรรม หรือมีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งปอด ก็เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคนี้

อาการของมะเร็งปอด

  • ไอเรื้อรัง โดยเฉพาะหากไอมีเลือดปน
  • เจ็บหน้าอกเวลาหายใจหรือไอ
  • น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • หายใจลำบาก หอบ เหนื่อยง่าย
  • เสียงแหบ

การวินิจฉัยและการรักษา

  • การตรวจเอกซเรย์ปอด CT Scan หรือ PET Scan
  • การตรวจเสมหะหรือเจาะชิ้นเนื้อ (Biopsy)
  • แนวทางการรักษา ได้แก่ การผ่าตัด ฉายแสง เคมีบำบัด หรือยารักษามะเร็งแบบตรงเป้า (Targeted Therapy)

2. วัณโรคปอด (Pulmonary Tuberculosis)

วัณโรคปอดเป็นโรคติดเชื้อเรื้อรังที่เกิดจากแบคทีเรียชนิด Mycobacterium Tuberculosis ซึ่งมักจะเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อปอด ทำให้เนื้อเยื่อปอดอักเสบและเกิดการทำลายจนเป็นแผลเป็น (Fibrosis) ได้ โรคนี้ติดต่อกันผ่านทางละอองฝอยขนาดเล็ก ที่แพร่กระจายจากผู้ติดเชื้อเวลาที่ไอหรือจาม

สาเหตุของวัณโรค

  • เกิดจากการได้รับเชื้อแบคทีเรียโดยตรงจากผู้ป่วยที่เป็นวัณโรค
  • ระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวาน, ผู้ติดเชื้อ HIV หรือผู้ที่ได้รับยากดภูมิ จะมีโอกาสเป็นโรคนี้สูงกว่า
  • เชื้อวัณโรคอาจแฝงตัวอยู่ในร่างกายโดยไม่แสดงอาการ (Latent TB) และอาจกลับมาแสดงอาการเมื่อภูมิคุ้มกันต่ำ

อาการของวัณโรคปอด

  • ไอเรื้อรังนานเกิน 2 สัปดาห์
  • ไอมีเสมหะหรือมีเลือดปน
  • มีไข้ต่ำๆ โดยเฉพาะตอนเย็น
  • เหงื่อออกกลางคืน น้ำหนักลด อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร

การวินิจฉัยและการรักษา

  • ตรวจเสมหะ เอกซเรย์ปอด
  • การรักษาใช้ยาต้านวัณโรคต่อเนื่อง 6 เดือนขึ้นไป
  • ผู้ป่วยต้องรับประทานยาอย่างต่อเนื่องและตรงเวลาเพื่อลดโอกาสดื้อยา

3. ปอดอักเสบ (Pneumonia)

ปอดอักเสบคือภาวะที่เนื้อเยื่อปอดเกิดการติดเชื้อและอักเสบ ซึ่งเป็นปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายต่อเชื้อโรค ปอดที่อักเสบจะไม่สามารถแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดปัญหาการหายใจ

สาเหตุของปอดอักเสบ

  • การติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น Streptococcus Pneumoniae เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด
  • การติดเชื้อไวรัสหรือเชื้อราในบางกรณี
  • ภูมิคุ้มกันต่ำ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น เบาหวาน, โรคหัวใจ และผู้สูงอายุ เด็กเล็ก มักเสี่ยงเกิดปอดอักเสบได้ง่าย
    การสำลักอาหารหรือของเหลวเข้าไปในปอด ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการอักเสบได้

อาการของปอดอักเสบ

  • ไข้สูง หนาวสั่น
  • ไอมีเสมหะหรือไอแห้ง เจ็บหน้าอก
  • หายใจหอบเหนื่อย หายใจลำบาก
  • อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร

การวินิจฉัยและการรักษา

  • เอกซเรย์ปอด ตรวจเลือด ตรวจเสมหะ
  • ให้ยาปฏิชีวนะ ยาลดไข้ และให้น้ำเกลือในกรณีรุนแรง
  • พักผ่อนให้เพียงพอและดูแลเรื่องโภชนาการ

เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?

หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการเหล่านี้ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโดยเร็ว

  • หากมีอาการไอเกิน 2 สัปดาห์โดยไม่ดีขึ้น
  • มีไข้เรื้อรัง น้ำหนักลด หายใจลำบาก
  • มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยวัณโรค หรือสูบบุหรี่จัด
  • รู้สึกเจ็บหน้าอก หรือมีเสมหะปนเลือด

อาการบางอย่างอาจดูไม่รุนแรงในตอนแรก แต่หากปล่อยไว้อาจนำไปสู่โรคร้ายแรง การได้รับการตรวจและวินิจฉัยอย่างถูกต้องตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจะช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาด และลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนได้มาก

สงสัยว่าตัวเองเป็นมะเร็งปอด วัณโรค หรือแค่ปอดอักเสบ? ไม่ว่าจะโรคไหน…อย่าปล่อยทิ้งไว้ ทักหาทีม HDcare ได้เลย เราพร้อมเป็นผู้ช่วยส่วนตัวดูแลสุขภาพคุณ สอบถามข้อมูลเบื้องต้นกับคุณหมอเฉพาะทาง ทำนัดปรึกษาคุณหมอได้รวดเร็ว จาก รพ. หรือคลินิกใกล้คุณได้ทันที คลิกที่นี่เลย

Scroll to Top