Default fallback image

ผ่าตัดต่อมทอนซิลและต่อมอะดีนอยด์ กับ พญ. เพชรรัตน์ ด้วยบริการจาก HDcare

มีอาการหูน้ำหนวก เจ็บที่โพรงจมูกบ่อย ๆ ทอนซิลอักเสบเรื้อรัง อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคุณมีความผิดปกติเกิดขึ้นที่ต่อมทอนซิลหรือต่อมอะดีนอยด์ได้ อย่างไรก็ตาม กระบวนการรักษาในยุคปัจจุบันนั้นมีอยู่หลากหลาย และยังมีหลายวิธีที่ทำได้ง่าย ไม่ยุ่งยากซับซ้อน ใช้เวลาฟื้นตัวไม่นานก็กลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้

ร่วมเจาะลึกการผ่าตัดทอนซิลและต่อมอะดีนอยด์ที่นิยมในยุคปัจจุบันพร้อมกัน ให้ข้อมูลโดยพญ. เพชรรัตน์ แสงทอง หรือ “หมอเชอร์รี่” แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหู คอ จมูก และเชี่ยวชาญด้านการนอนหลับ หนึ่งในทีมแพทย์จากบริการ HDcare

อ่านประวัติหมอเชอร์รี่ได้ที่นี่ [รู้จัก “หมอเชอร์รี่” คุณหมอหู คอ จมูกกับประสบการณ์รักษาโรคเกี่ยวกับการนอนกรน และประสาทสัมผัสของร่างกาย]

สารบัญ

ต่อมทอนซิลสำคัญต่อร่างกายอย่างไร?

ต่อมทอนซิล (Tonsils) เป็นต่อมที่มีหน้าที่หลักในการดักจับเชื้อโรคไม่ให้เข้าสู่ทางเดินอาหาร และมีหน้าที่รองลงมาในการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย

ความผิดปกติของต่อมทอนซิลที่พบได้บ่อย มีกี่แบบ?

ความผิดปกติที่พบได้บ่อยในต่อมทอนซิล แบ่งออกได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ 

  • การติดเชื้อบ่อย ๆ ที่ต่อมทอนซิล จนทำให้ต่อมทอนซิลอักเสบเรื้อรัง
  • ต่อมทอนซิลโตจนไปขวางทางเดินหายใจ 
  • มะเร็งต่อมทอนซิล ซึ่งมักมีอาการแสดงเป็นอาการเจ็บคอที่บริเวณต่อมทอนซิลข้างเดียว

อาการจากความผิดปกติของต่อมทอนซิลที่ควรรับการผ่าตัด

อาการผิดปกติของต่อมทอนซิลที่เป็นข้อบ่งชี้ให้คนไข้ควรรักษาด้วยวิธีผ่าตัด ได้แก่

  • มีอาการติดเชื้อที่ต่อมทอนซิลซ้ำ ๆ โดยเข้าเกณฑ์ความถี่ดังต่อไปนี้
    • ในระยะเวลา 1 ปี ต่อมทอนซิลติดเชื้อเกินกว่า 7 ครั้ง
    • ในระยะเวลา 2 ปีติดกัน ต่อมทอนซิลติดเชื้อเกินกว่า 5 ครั้งต่อปี
    • ในระยะเวลา 3 ปีติดกัน ต่อมทอนซิลติดเชื้อเกินกว่า 3 ครั้งต่อปี
  • ต่อมทอนซิลโตจนไปขวางทางเดินหายใจ ทำให้คนไข้หายใจลำบาก
  • คนไข้มีอาการเจ็บคอข้างเดียวบ่อย ๆ และมีอาการต่อมน้ำเหลืองข้างเดียวกันโตผิดปกติ ซึ่งจัดเป็นอาการบ่งชี้ของโรคมะเร็งต่อมทอนซิล

อาการที่ควรเดินทางมาพบแพทย์

หากสังเกตว่า ตนเองมีอาการเจ็บคอตรงตำแหน่งของต่อมทอนซิลบ่อย ๆ หรือเจ็บบริเวณด้านข้างของช่องปากทั้ง 2 ข้าง นั่นจัดเป็นสัญญาณของต่อมทอนซิลที่อักเสบหรือผิดปกติ คนไข้ควรเดินทางมาพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุของอาการ

ปัจจุบันการผ่าตัดต่อมทอนซิลมีกี่แบบ?

การผ่าตัดรักษาต่อมทอนซิลในปัจจุบันแบ่งออกได้ 5 รูปแบบหลัก ๆ ได้แก่

  • การผ่าตัดต่อมทอนซิล โดยการจี้ความร้อน
  • การผ่าตัดต่อมทอนซิล โดยการใช้ใบมีดพร้อมใช้ความร้อนจี้หยุดเลือด
  • การผ่าตัดต่อมทอนซิล โดยการใช้เลเซอร์
  • การผ่าตัดต่อมทอนซิล โดยการใช้เครื่องปั่นดูด (Microdebridor)
  • การผ่าตัดต่อมทอนซิล โดยการใช้เทคโนโลยีการเผาจี้จากคลื่นพลาสมา (Coblator)

วิธีรักษาแบบไหนที่คุณหมอถนัด?

วิธีที่คุณหมอถนัดที่สุด นอกจากนี้ยังใช้เวลาทำไม่นาน และผลลัพธ์ออกมามีประสิทธิภาพที่สุดมีทั้งหมด 2 วิธี ได้แก่

  • การผ่าตัดต่อมทอนซิลด้วยการจี้ความร้อน
  • การผ่าตัดต่อมทอนซิลด้วยใบมีดพร้อมใช้ความร้อนจี้หยุดเลือด

ขั้นตอนการตรวจวินิจฉัยความผิดปกติที่ต่อมทอนซิล

  • ตรวจร่างกายกับแพทย์เพื่อดูขนาดและลักษณะของต่อมทอนซิล
  • หากเข้าข้อบ่งชี้ที่ควรรับการผ่าตัด แพทย์จะให้คนไข้รับการตรวจสุขภาพรายการอื่น ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการผ่าตัด เช่น ตรวจเลือด ตรวจเอกซเรย์ปอด ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และจะส่งตัวคนไข้ไปพบอายุรแพทย์ซึ่งทำหน้าที่เตรียมความพร้อมก่อนการผ่าตัด

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดต่อมทอนซิล

  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • ในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนเดินทางมาผ่าตัด ให้หลีกเลี่ยงอย่าให้ร่างกายติดเชื้อ เป็นหวัด เป็นต่อมทอนซิลอักเสบ
  • หลีกเลี่ยงการกินอาหารเสริมหรือวิตามินที่ทำให้เลือดออกได้ง่าย เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา (Fish Oil) น้ำมันตับปลา โสม แปะก๊วย 
  • งดกินยาต้านเกล็ดเลือดตามระยะเวลาที่แพทย์กำหนดก่อนผ่าตัด

ขั้นตอนการผ่าตัดต่อมทอนซิล

  • แพทย์วางยาสลบคนไข้
  • เมื่อยาสลบออกฤทธิ์เต็มที่ แพทย์จะเอาอุปกรณ์ถ่างช่องปากและสอดอุปกรณ์ผ่าตัดเพื่อตัดต่อมทอนซิลตามวิธีการรักษาที่เลือกใช้
  • เมื่อตัดต่อมทอนซิลออกแล้ว แพทย์จะจี้หยุดเลือดคนไข้ด้วยความร้อน
  • เมื่อเลือดหยุดไหล แผลผ่าตัดมีความเรียบร้อยดี แพทย์จะนำอุปกรณ์ถ่างช่องปากออก 
  • ตัวแผลผ่าตัดจะอยู่ด้านในช่องปากคนไข้ และมองไม่เห็นจากภายนอกแต่อย่างใด
  • คนไข้จะนอนพักฟื้นต่อที่โรงพยาบาลเป็นเวลา 1 คืน

ต่อมอะดีนอยด์สำคัญต่อร่างกายอย่างไร?

ต่อมอดีนอยด์ (Adenoid) เป็นต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้กับต่อมทอนซิล และยังมีหน้าที่เหมือนกับต่อมทอนซิลด้วย นั่สคือ ดักกรองเชื้อโรคไม่ให้เข้าสู่ร่างกาย และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย

ความผิดปกติของต่อมอะดีนอยด์ที่พบได้บ่อย มีกี่แบบ?

ความผิดปกติที่พบได้บ่อยในต่อมอะดีนอยด์ แบ่งออกได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ 

  • อาการติดเชื้อที่ต่อมอะดีนอยด์ ซึ่งจะทำให้เกิดอาการเจ็บที่หลังโพรงจมูก
  • ต่อมอะดีนอยด์โตจากอาการภูมิแพ้ หรือโรคกรดไหลย้อนที่เป็นมานาน ซึ่งจะไปขวางทางเดินหายใจ ทำให้คนไข้หายใจลำบากขึ้น
  • โรคมะเร็งต่อมอะดีนอยด์หรือที่เรียกได้อีกชื่อว่า โรคมะเร็งหลังโพรงจมูก

อาการที่ควรเดินทางมาพบแพทย์

  • อาการเจ็บที่หลังโพรงจมูกอยู่บ่อย ๆ 
  • มีอาการไซนัสอักเสบ
  • อาการหูน้ำหนวก หรือหูชั้นกลางเกิดการติดเชื้ออยู่บ่อย ๆ โดยเกิดจากต่อมอะดีนอยด์ไปขวางการระบายน้ำจากด้านในหู
  • ต่อมอะดีนอยด์โตจนทำให้หายใจเสียงดัง ทางเดินหายใจอุดกั้นจนหายใจลำบาก

อาการผิดปกติของต่อมอะดีนอยด์ที่ต้องผ่าตัด

อาการผิดปกติของต่อมอะดีนอยด์ที่เข้าเกณฑ์ควรรักษาด้วยวิธีผ่าตัด ได้แก่

  • การติดเชื้อที่ต่อมอะดีนอยด์บ่อยครั้ง 
  • มีอาการหูน้ำหนวกบ่อยครั้ง
  • มีอาการไซนัสอักเสบบ่อยครั้ง และทำให้มีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับร่วมด้วย

ปัจจุบันการผ่าตัดต่อมอะดีนอยด์มีกี่แบบ?

การผ่าตัดรักษาต่อมอะดีนอยด์ในปัจจุบันแบ่งออกได้ 4 รูปแบบหลัก ๆ ได้แก่

  • การผ่าตัดต่อมอะดีนอยด์ โดยการใช้ความร้อนจี้ตัด ร่วมกับใช้หัวดูดน้ำเมือกและต่อมทอนซิลออกมาระหว่างผ่าตัด
  • การผ่าตัดต่อมอะดีนอยด์ โดยการใช้อุปกรณ์ตัดขูดต่อมอะดีนอยด์ (Curette)
  • การผ่าตัดต่อมอะดีนอยด์ โดยการใช้เครื่องปั่นดูด (Microdebridor)
  • การผ่าตัดต่อมอะดีนอยด์ โดยการใช้หัวตัดต่อมอะดีนอยด์ (Coblator)

วิธีรักษาแบบไหนที่คุณหมอถนัด?

คุณหมอสามารถใช้วิธีรักษาได้ทั้ง 4 รูปแบบทั้งหมด แต่วิธีที่ได้รับความนิยมที่สุดจะมีอยู่ 2 รูปแบบ ได้แก่  

  • การผ่าตัดต่อมอะดีนอยด์ โดยการใช้ความร้อนจี้ตัด ร่วมกับใช้หัวดูดน้ำเมือกและต่อมทอนซิลออกมาระหว่างผ่าตัด
  • การผ่าตัดต่อมอะดีนอยด์ โดยการใช้อุปกรณ์ตัดขูดต่อมอะดีนอยด์ (Curette)

ขั้นตอนการตรวจวินิจฉัยความผิดปกติที่ต่อมอะดีนอยด์

  • ส่องกล้องบริเวณจมูกหรือทางปาก เพื่อให้แพทย์มองเห็นขนาดและลักษณะของต่อมอะดีนอยด์
  • แพทย์อาจส่งตัวคนไข้ไปตรวจเอกซเรย์เพิ่มเติมเพื่อดูขนาดของต่อมอะดีนอยด์อย่างละเอียดอีกครั้ง

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดต่อมอะดีนอยด์

  • 2 สัปดาห์ก่อนเดินทางมาผ่าตัด ให้หลีกเลี่ยงอย่าให้ร่างกายติดเชื้อหรือเป็นหวัด 
  • หลีกเลี่ยงการกินอาหารเสริมหรือวิตามินที่ทำให้เลือดออกได้ง่าย เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา (Fish Oil) น้ำมันตับปลา โสม แปะก๊วย 
  • งดกินยาต้านเกล็ดเลือดตามระยะเวลาที่แพทย์กำหนดก่อนผ่าตัด
  • ตรวจสุขภาพเพื่อเตรียมพร้อมก่อนผ่าตัดตามที่แพทย์แนะนำ เช่น ตรวจเลือด ตรวจเอกซเรย์ปอด ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ 
  • แพทย์อาจส่งตัวคนไข้ไปพบกับแพทย์แผนกอื่น ๆ เพื่อเตรียมพร้อมก่อนผ่าตัด เช่น อายุรแพทย์ กุมารแพทย์สำหรับคนไข้ที่เป็นเด็ก

ขั้นตอนการผ่าตัดต่อมอะดีนอยด์

  • แพทย์วางยาสลบคนไข้
  • แพทย์ใช้อุปกรณ์ถ่างช่องปากคนไข้ และใช้อุปกรณ์ผ่าตัดสอดเข้าตัดต่อมอะดีนอยด์
  • แพทย์หยุดเลือดด้วยอุปกรณ์จี้ความร้อนหรือยาหยุดเลือด
  • หากเลือดหยุดไหลแล้ว และแผลผ่าตัดเรียบร้อยดี แพทย์จะถอดอุปกรณ์ถ่างช่องปากออก 
  • ตัวแผลผ่าตัดจะอยู่ด้านในช่องปากคนไข้ และมองไม่เห็นจากภายนอกแต่อย่างใด

การผ่าตัดต่อมทอนซิลและต่อมอะดีนอยด์ ทำพร้อมกันได้หรือไม่?

สามารถผ่าตัดพร้อมกันได้ เนื่องจากทั้ง 2 ต่อมตั้งอยู่ในบริเวณใกล้กัน

หลังผ่าตัด จะมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำหรือไม่?

หลังจากผ่าตัดเสร็จสิ้น คนไข้โดยส่วนมากมักไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดที่ต่อมทอนซิลหรือต่อมอะดีนอยด์ 

เว้นเสียแต่คนไข้จะกลับไปมีปัจจัยหรือสิ่งกระตุ้นที่ทำให้ความผิดปกติของทั้ง 2 ต่อมกลับมาเป็นซ้ำ เช่น โรคกรดไหลย้อน โรคภูมิแพ้ ในกรณีนี้ต่อมทอนซิลหรือต่อมอะดีนอยด์ก็อาจมีโอกาสกลับมาโตขึ้นได้อีกเล็กน้อย

คนไข้เด็กสามารถผ่าตัดได้หรือไม่?

สามารถผ่าตัดได้ในคนไข้เด็กที่อายุ 2 ขวบขึ้นไป เพื่อลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด

หลังผ่าตัดต้องนอนโรงพยาบาล และพักฟื้นที่บ้านกี่วัน?

หลังผ่าตัดเสร็จสิ้น แพทย์จะให้คนไข้นอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล 1 คืน หลังจากนั้นหากสามารถฟื้นตัวจากยาสลบได้ดี สามารถกินอาหารเองได้ ไม่มีอาการปวดแผลที่รุนแรง ไม่มีสัญญาณภาวะแทรกซ้อน ก็จะอนุญาตให้เดินทางกลับไปพักฟื้นต่อที่บ้าน

แพทย์จะแนะนำให้คนไข้พักฟื้นร่างกายที่บ้านต่อประมาณ 1-2 สัปดาห์ โดยตลอดระยะเวลาที่พักฟื้นอยู่ที่บ้าน คนไข้ควรปฏิบัติตัวดังต่อไปนี้

  • กินอาหารเหลวเย็นตลอดช่วงเวลาที่พักฟื้น
  • งดการไอ จาม ขากเสมหะ หรือพูดเยอะ ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้แผลเลือดออก
  • นอนยกศีรษะสูงประมาณ 1 สัปดาห์ 
  • กินยาตามที่แพทย์สั่งจ่ายยาให้อย่างเคร่งครัด
  • หมั่นอมน้ำแข็งเพื่อบรรเทาอาการปวดแผล

อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังผ่าตัด

  • อาการแผลมีเลือดออก โดยส่วนมากมักเกิดจากคนไข้เผลอไอ จาม ขากเสมหะ หรือพูดเยอะ ๆ 
  • อาการปวดแผล แต่แพทย์จะจ่ายยาแก้ปวดบรรเทาอาการให้หลังผ่าตัดอยู่แล้ว
  • อาการหายใจลำบาก เนื่องจากทางเดินหายใจอุดกั้น แพทย์จะแนะนำให้หมั่นอมน้ำแข็งและนอนยกศีรษะสูงไว้ชั่วคราว ในบางรายอาจแนะนำให้หมั่นนอนตะแคงไว้ก่อน
  • การรับรสชาติที่เปลี่ยนไป ทำให้รับรสหวาน รสเค็ม หรือรสขมได้น้อยลง
  • อาการลิ้นชา
  • อาการเลือดออกจนทางเดินหายใจอุดกั้น และมีโอกาสเสียชีวิตได้

การผ่าตัดต่อมทอนซิลและต่อมอะดีนอยด์มีผลต่อภูมิคุ้มกันของคนไข้หรือไม่?

โดยทั่วไปเมื่อเราอายุเกิน 12 ปีขึ้นไป ทั้งต่อมทอนซิลและต่อมอะดีนอยด์จะไม่ได้มีบทบาทหน้าที่ต่อร่างกายอีก ดังนั้นหากผ่าตัดนำออกไป ก็จะไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อภูมิคุ้มกันของร่างกาย ยกเว้นแต่คนไข้ที่เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ซึ่งต้องมีการชั่งน้ำหนักร่างกายก่อนตัดสินใจผ่าตัด 

หากชั่งน้ำหนักดูแล้วแพทย์ประเมินว่า เด็กมีต่อมทอนซิลหรือต่อมอะดีนอยด์ที่โตจนทำให้มีส่วนสูงต่ำกว่าเกณฑ์ ทำให้พัฒนาการช้า สมาธิสั้น หรือส่งผลต่อการทำงานของหัวใจที่หนักเกินไป แพทย์ก็มักจะแนะนำให้ผ่าตัดนำออก

ผ่าตัดต่อมทอนซิลและต่อมอะดีนอยด์ กับ พญ. เพชรรัตน์ ด้วยบริการจาก HDcare

มีปัญหาที่ต่อมทอนซิล ต่อมอะดีนอยด์ หรือมีอาการเจ็บหลังโพรงจมูก เจ็บที่ด้านข้างของช่องปากทั้ง 2 ข้าง เป็นไซนัสอักเสบบ่อย ๆ หายใจลำบาก หรือเคยมีประวัติเป็นทอนซิลอักเสบติดกันหลายครั้ง อยากปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีรักษา ทักหาแอดมิน HDcare เพื่อนัดปรึกษาหรือจองคิวผ่าตัดกับคุณหมอผู้เชี่ยวชาญได้เลย

สอบถามทุกประเด็นเกี่ยวกับการผ่าตัดที่สงสัย กับทางทีมของ HDcare จนกว่าจะมั่นใจ และหากต้องการผู้ช่วยประสานงานด้านใดในโรงพยาบาล หรืออยากสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับบริการ HDcare สามารถพูดคุยผ่านทางไลน์ @HDcare ได้เลย

Scroll to Top