Default fallback image

15 คำถามยอดฮิตและข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจผ่าตัดเสริมหน้าอก

ซิลิโคนเสริมหน้าอกชนิดไหนดีที่สุด พักฟื้นนานแค่ไหน ต้องนวดไหม ซิลิโคนจะเสื่อมสภาพไหม  อยู่ได้นานกี่ปี เสี่ยงมะเร็งเต้านมหรือไม่ ให้นมลูกได้หรือเปล่า…ในบทความนี้เรารวบรวม 15 เรื่องที่หลายคนอยากรู้เกี่ยวกับการผ่าตัดเสริมหน้าอกมาไว้ให้แล้ว

มีคำถาม? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

สารบัญ [show]

ซิลิโคนชนิดไหนดีที่สุด?

ตอบ: การเลือกซิลิโคนสำหรับการเสริมหน้าอกมีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา โดยทั่วไปแล้วซิลิโคนที่ดีที่สุดจะขึ้นอยู่กับความต้องการและร่างกายของแต่ละบุคคล ซิลิโคนมีอยู่สองประเภทหลัก

  1. ซิลิโคนน้ำเกลือ (Saline Implants): เป็นถุงน้ำที่ห่อหุ้มด้วยซิลิโคน โดยเติมน้ำเกลือเข้าไปในถุงจนพองขึ้น
    • ข้อดี: มีความปลอดภัยสูง หากเกิดการรั่วซึม ร่างกายจะดูดซึมน้ำเกลือได้ตามธรรมชาติ สามารถปรับขนาดได้หลังการผ่าตัด
    • ข้อจำกัด: มีโอกาสชำรุดหรือรั่วซึมมากกว่า และเมื่อเกิดปัญหาจะทำให้ขนาดเต้านมไม่เท่ากันอย่างชัดเจน
  2. ซิลิโคนแบบเจล (Silicone Gel Implants): เป็นซิลิโคนที่เตรียมมาในรูปแบบก้อน ไม่ต้องเติมน้ำ
    • ข้อดี: ให้สัมผัสใกล้เคียงกับเนื้อเต้านมมากขึ้น และมีโอกาสเคลื่อนที่น้อยกว่า
    • ข้อจำกัด: หากเกิดการฉีกขาด จะต้องเข้ารับการผ่าตัดเอาซิลิโคนออก และต้องตรวจสุขภาพทุกๆ 3 ปี

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญในการพิจารณาคือ ควรเลือกจากแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและได้รับการรับรอง และควรปรึกษาแพทย์เพื่อปรึกษาเกี่ยวกับขนาดและประเภทที่เหมาะสมกับรูปร่างและความต้องการของตัวเอง

ควรเลือกซิลิโคนขนาดไหน?

ตอบ: การเลือกขนาดซิลิโคนสำหรับการเสริมหน้าอกขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สรีระของร่างกาย ความต้องการส่วนตัว และเป้าหมายที่ต้องการ

ขนาดซิลิโคนที่แนะนำ

  1. 200cc – 275cc เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มขนาดหน้าอกเล็กน้อย หรือผู้ที่มีรูปร่างเล็ก เพื่อให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ ไม่โดดเด่นเกินไป หน้าอกจะดูสมดุลกับสัดส่วนของร่างกาย
  2. 300cc – 375cc ขนาดนี้เป็นที่นิยมมากที่สุด เพราะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยังคงความเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มขนาดหน้าอกให้ดูโดดเด่นขึ้น แต่ยังคงความสมดุลกับรูปร่าง โดยเฉพาะผู้ที่มีรูปร่างปานกลางถึงใหญ่
  3. 400cc ขึ้นไป เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้หน้าอกดูเต็มอิ่มและโดดเด่น ขนาด 400cc จะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและเป็นที่จับตามากขึ้น แต่ควรระวังเพราะอาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีรูปร่างเล็ก เนื่องจากอาจทำให้ดูไม่สมดุล

อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาศัลยแพทย์เพื่อประเมินสรีระและพูดคุยเกี่ยวกับความต้องการของตัวเอง เพื่อหาขนาดที่เหมาะสมที่สุด

เสริมหน้าอกมีความเสี่ยงอะไรบ้าง?

ตอบ: การเสริมหน้าอกอาจมีภาวะแทรกซ้อนและผลข้างเคียง ดังนี้

อาการทั่วไปหลังเสริมหน้าอก

  • ปวดและเจ็บ: หลังการผ่าตัดในช่วงสัปดาห์แรก อาจรู้สึกเจ็บบริเวณหน้าอกเนื่องจากแผลผ่าตัดและการขยายตัวของกล้ามเนื้อที่มีซิลิโคนอยู่ภายใน อาการนี้มักจะใช้ยาแก้ปวดบรรเทาได้
  • บวมและช้ำ: อาจเกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์แรก หลังจากนั้นอาการจะค่อยๆ ลดลง สามารถใช้เจลเย็นประคบเพื่อช่วยบรรเทาอาการได้
  • ไวต่อความรู้สึกน้อยลง: อาจเกิดอาการชาที่หัวนมหรือบริเวณรอบๆ เต้านม ซึ่งเป็นภาวะปกติที่เกิดจากการบาดเจ็บของเส้นประสาท และมักจะหายไปเองในระยะเวลาไม่นาน
  • มีเลือดหรือของเหลวไหลออกจากแผล: หากมีเลือดหรือของเหลวซึมออกมาเล็กน้อยในช่วง 1-3 วันแรกถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่หากซึมมากหรือมีอาการร่วมอื่นๆ เช่น ปวดหรือมีไข้ ควรพบแพทย์
  • แผลเป็น: บางรายอาจมีรอยแผลเป็นเกิดขึ้นได้ หากการดูแลแผลไม่ถูกต้อง ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อลดโอกาสเกิดแผลเป็น

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

  • พังผืดรัดซิลิโคน: เป็นปัญหาที่พบบ่อย เกิดจากร่างกายตอบสนองต่อซิลิโคน ทำให้มีการสร้างพังผืดรอบซิลิโคน หากไม่ทำการรักษา อาจทำให้หน้าอกเสียรูปทรง แก้ไขได้โดยการผ่าตัดเลาะพังผืดออก
  • คลำเจอขอบซิลิโคน: มักเกิดกับคนที่มีเนื้อหน้าอกบาง ทำให้ไม่สามารถปิดบังขอบซิลิโคนได้ การเลือกขนาดซิลิโคนที่เหมาะสมและเทคนิคการผ่าตัดที่ถูกต้องสามารถช่วยป้องกันปัญหานี้ได้
  • ถุงซิลิโคนเลื่อน: อาจเกิดจากการมีเนื้อหน้าอกไม่เพียงพอ ส่งผลให้ซิลิโคนเลื่อนตำแหน่ง ต้องผ่าตัดเพื่อจัดทรงใหม่ การเลือกเทคนิคผ่าตัดที่เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงนี้
  • ระดับซิลิโคนไม่เท่ากัน: สาเหตุอาจมาจากเต้านมเดิมมีขนาดไม่เท่ากัน หรืออาจเกิดจากการวางซิลิโคนในระหว่างการผ่าตัด หากเกิดปัญหานี้สามารถปรับระดับได้ด้วยการผ่าตัดใหม่
  • การเกิดหน้าอกสองลอน: เกิดจากการวางถุงซิลิโคนที่มีขนาดใหญ่กว่าฐานหน้าอก ทำให้ขนาดเต้านมเกินขอบล่าง จึงเกิดหน้าอกสองชั้น มักแก้ไขด้วยการผ่าตัดปรับขนาดและตำแหน่งซิลิโคนใหม่
  • เส้นเลือดดำอักเสบ: เกิดจากการอุดตันของเส้นเลือดหลังการผ่าตัด อาจพบได้น้อย แต่หากเกิดขึ้นสามารถรักษาได้ด้วยการประคบอุ่นและติดตามอาการ
  • เลือดคั่งหลังผ่าตัด: นี้เกิดจากการที่เลือดสะสมอยู่ในช่องซิลิโคน ทำให้หน้าอกบวมและเจ็บปวด หากเกิดอาการนี้ควรพบแพทย์โดยด่วน

เสริมหน้าอกพักฟื้นนานแค่ไหน?

ตอบ: ระยะเวลาพักฟื้นหลังการเสริมหน้าอกขึ้นอยู่กับร่างกายแต่ละคน และวิธีการผ่าตัดที่ใช้ 

  1. พักฟื้นในโรงพยาบาล: มักใช้เวลา 1-2 วันหลังการผ่าตัด ขึ้นอยู่กับสุขภาพของผู้ป่วยและความซับซ้อนของการผ่าตัด
  2. การฟื้นตัวที่บ้าน
  • สัปดาห์แรก: ควรพักผ่อนให้มากๆ และหลีกเลี่ยงการยกของหนัก หรือกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมาก
  • หลังจาก 1 สัปดาห์: สามารถเริ่มทำกิจกรรมเบาๆ ได้ แต่ยังควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่หนัก
  1. กลับไปทำงาน: ปกติแล้วผู้ที่เสริมหน้าอกสามารถกลับไปทำงานได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับลักษณะงาน หากต้องทำงานที่ใช้แรงมากอาจต้องใช้เวลาพักฟื้นนานขึ้น
  2. การฟื้นตัวเต็มที่: โดยทั่วไปผู้ป่วยจะฟื้นตัวเต็มที่ภายใน 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองและการตอบสนองของร่างกาย

หลังเสริมหน้าอกแล้ว ต้องนวดไหม?

ตอบ: หลังเสริมหน้าอก ในบางกรณีแพทย์มักจะแนะนำให้นวด โดยพิจารณาจากลักษณะซิลิโคนที่ใช้

  • ซิลิโคนทรงกลมรุ่นใหม่: สำหรับซิลิโคนที่มีความหนาแน่นสูงและมีเทคโนโลยีที่ลดการเกิดพังผืด ผู้ที่เสริมในขนาดเล็ก (น้อยกว่า 300 cc) ไม่จำเป็นต้องนวด แต่หากเสริมขนาด 300 cc ขึ้นไป แนะนำให้ทำการนวดเพื่อป้องกันหน้าอกแข็งตัว
  • ซิลิโคนทรงหยดน้ำ: แพทย์มักไม่แนะนำให้นวด เนื่องจากอาจทำให้ซิลิโคนเคลื่อนตัวบิดเบี้ยว แต่สำหรับซิลิโคนขนาดใหญ่ (300 cc ขึ้นไป) อาจมีการแนะนำให้นวดเล็กน้อย

โดยควรเริ่มนวดหลังจากแผลผ่าตัดหายดี (ประมาณ 1-2 สัปดาห์) นวดวันละ 2-3 รอบ รอบละ 3-5 นาที อย่างระมัดระวัง หากเสริมซิลิโคนผิวทราย อาจไม่จำเป็นต้องนวดบ่อย

ซิลิโคนเสื่อมสภาพไหม อยู่ได้นานกี่ปี?

ตอบ:โดยทั่วไปซิลิโคนเสริมหน้าอกมีอายุการใช้งานเฉลี่ยประมาณ 10-15 ปี แต่หลายคนสามารถใช้งานได้นานกว่านั้นโดยไม่มีปัญหา ควรตรวจสอบสุขภาพของซิลิโคนเป็นประจำ และหากมีอาการผิดปกติ เช่น การบวม การเจ็บ หรือการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง ควรปรึกษาแพทย์ทันที

สัญญาณของการเสื่อมสภาพ

  • การบวมหรืออาการเจ็บปวด อาจเป็นสัญญาณว่าซิลิโคนเกิดปัญหา
  • การเปลี่ยนแปลงรูปร่าง เช่น หน้าอกไม่เรียบหรือไม่สมมาตร
  • น้ำไหลออกจากแผลหรือแผลไม่หาย

เสริมหน้าอกเสี่ยงมะเร็งเต้านมไหม?

ตอบ: จากการศึกษา พบว่า การเสริมหน้าอกโดยใช้ซิลิโคนมีความปลอดภัย ไม่เพิ่มความเสี่ยงการเป็นมะเร็งเต้านม  อย่างไรก็ตาม ควรเลือกใช้ซิลิโคนที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น FDA จะช่วยลดความเสี่ยงจากปัญหาสุขภาพ รวมทั้งหมั่นตรวจสุขภาพเต้านมเป็นประจำ

หลังผ่าตัดมีแผลเป็นชัดไหม? ดูแลยังไงให้จางเร็ว?

ตอบ: หลังการผ่าตัดอาจมีแผลเป็นเกิดขึ้นได้ โดยแผลเป็นจากการเสริมหน้าอกขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น เทคนิคการผ่าตัด สภาพผิวหนังของแต่ละคน และการดูแลหลังการผ่าตัด โดยทั่วไปแล้ว ถ้าดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง แผลเป็นจะค่อยๆ จางลง นอกจากนี้เทคนิคการผ่าตัดที่ทันสมัยสามารถช่วยลดความชัดของแผลเป็นได้

มีคำถาม? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

วิธีการป้องกันไม่ให้เกิดแผลเป็นและคีลอยด์

  1. การปิดแผลด้วยปลาสเตอร์กันน้ำ: การใช้ปลาสเตอร์กันน้ำช่วยป้องกันการอักเสบและการติดเชื้อ ซึ่งสามารถลดโอกาสการเกิดแผลเป็นและคีลอยด์ได้ โดยการกดแผลให้เรียบตั้งแต่เริ่มต้น
  2. ไม่แกะปลาสเตอร์ออกเอง: ห้ามแกะปลาสเตอร์ออกเอง เพราะอาจทำให้แผลฉีกขาดหรือเปิดแผลก่อนที่จะแห้งสนิท ซึ่งสามารถนำไปสู่การติดเชื้อและการเกิดแผลเป็น
  3. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: รับประทานอาหารที่มีสารอาหารที่ช่วยฟื้นฟูผิว เช่น วิตามิน C, E และโปรตีน
  4. ไม่ดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่: งดการดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1 เดือนก่อนและหลังการผ่าตัด เพราะอาจทำให้แผลหายช้า และไม่สูบบุหรี่เพราะสารเคมีในบุหรี่ทำลายเซลล์ที่ช่วยซ่อมแซมบาดแผล

 มีโอกาสหน้าอกแข็งผิดรูปไหม?

ตอบ: หลังการเสริมหน้าอก มีโอกาสที่หน้าอกจะแข็งและผิดรูปได้ ซึ่งเกิดจากภาวะที่เรียกว่า “พังผืดรัดเต้านม” (Capsular contracture) ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยที่สุดภายหลังการเสริมหน้าอก ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในช่วง 1 ปีแรกหลังการเสริมหน้าอก และมีโอกาสเพิ่มขึ้นเมื่อใส่ซิลิโคนนานขึ้น

สาเหตุของภาวะพังผืดรัดเต้านม อาจเกิดจากการสร้างแผลเป็นผิดปกติรอบซิลิโคน การติดเชื้อเล็กน้อยที่ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง และการระคายเคืองจากเลือดและน้ำเหลือง

หากเกิดพังผืดรัดเต้านม แพทย์อาจแนะนำให้ผ่าตัดเพื่อจัดการกับพังผืดและอาจเปลี่ยนซิลิโคนใหม่ โดยอาจเลือกใช้ซิลิโคนผิวขรุขระและวางซิลิโคนในตำแหน่งใต้กล้ามเนื้อ

ภาวะนมแฝดคืออะไร และป้องกันได้อย่างไร?

ตอบ: นมแฝด หรือ Symmastia คือ ภาวะที่หน้าอกทั้งสองข้างชิดติดกันจนไม่มีร่องระหว่างเต้านม ทำให้ดูเหมือนเต้านมเป็นก้อนเดียวกัน มักเกิดจากการเสริมหน้าอกที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งอาจทำให้ผู้ที่มีภาวะนี้รู้สึกไม่มั่นใจในรูปลักษณ์ของตัวเอง สาเหตุของการเกิดนมแฝดจากการผ่าตัด ส่วนใหญ่เกิดจากการเลาะโพรงใต้เต้านมที่ไม่ถูกต้อง หรือการเลือกซิลิโคนที่ใหญ่เกินไป

การป้องกันนมแฝด

  1. เลือกศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์: ควรเลือกแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญในการเสริมหน้าอก  เพื่อให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างปลอดภัยและลดความเสี่ยงต่อภาวะนมแฝด
  2. เลือกขนาดซิลิโคนที่เหมาะสม: ควรเลือกซิลิโคนที่มีขนาดเหมาะสมกับสรีระของร่างกาย เพื่อลดโอกาสที่ซิลิโคนจะอยู่ชิดกันเกินไป
  3. ใช้เทคนิคการผ่าตัดที่เหมาะสม: ควรใช้เทคนิคการผ่าตัดที่ถูกต้อง โดยแพทย์ควรมีความรู้ในการวางตำแหน่งซิลิโคนให้เหมาะสม
  4. ติดตามผลหลังการผ่าตัด: ควรตรวจสุขภาพหน้าอกอย่างสม่ำเสมอหลังการเสริมหน้าอก เพื่อที่จะสามารถพบปัญหาหรือความผิดปกติได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
  5. ดูแลหลังการผ่าตัด: ปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลตัวเองหลังการผ่าตัด รวมถึงการหลีกเลี่ยงกิจกรรมหนักๆ 

เสริมหน้าอกแล้วให้นมลูกได้ไหม?

ตอบ: โดยทั่วไปแล้ว ผู้หญิงที่เสริมหน้าอกสามารถให้นมลูกได้ตามปกติ เพราะการเสริมหน้าอกในปัจจุบันมักจะเปิดแผลผ่าตัดที่บริเวณใต้รักแร้หรือใต้ราวนม โดยไม่ต้องตัดท่อน้ำนมหรือบริเวณหัวนม ซึ่งหมายความว่า การสร้างน้ำนมและการให้นมลูกยังคงสามารถทำได้ตามปกติ

อย่างไรก็ตาม หากมีแผนจะมีครอบครัวหรือให้นมลูก ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการเสริมหน้าอก เพื่อให้แพทย์ช่วยแนะนำวิธีการที่เหมาะสมและเทคนิคการผ่าตัดที่ไม่กระทบต่อการให้นม

หลังเสริมหน้าอกควรใส่ชุดชั้นในแบบไหน?

ตอบ: หลังผ่าตัดเสริมหน้าอก ควรเลือกชุดชั้นในที่เหมาะสม เพื่อให้แผลผ่าตัดฟื้นฟูได้รวดเร็วและปลอดภัย โดยชุดชั้นในที่เหมาะสำหรับสวมใส่หลังเสริมหน้าอก ควรมีลักษณะดังนี้

  1. ซัพพอร์ตบราไร้โครง: บราไร้โครงจะช่วยลดความอึดอัดและไม่ทำให้เกิดแรงกดทับที่แผลหลังการผ่าตัด ช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้นและเร่งการฟื้นฟูของแผล
  2. ซัพพอร์ตบราที่เก็บทรงได้ดี: บราที่มีการออกแบบเพื่อเก็บทรงให้หน้าอกชิดและกระชับจะช่วยป้องกันไม่ให้ซิลิโคนเคลื่อนที่ ช่วยให้ทรงหน้าอกดูสวยงามและเข้าที่เร็วขึ้น
  3. ซัพพอร์ตบราที่มีความกระชับ: ควรเลือกบราที่กระชับพอดีกับสรีระ เพื่อช่วยพยุงหน้าอกและลดอาการปวดหลังที่อาจเกิดขึ้นหลังการเสริมหน้าอก
  4. สายบรากว้าง: สายบราที่กว้างและแข็งแรงจะช่วยเพิ่มการรองรับหน้าอกได้ดียิ่งขึ้น ลดแรงกระแทกจากการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน

นอกจากนี้ ควรใส่ซัพพอร์ตบราอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อย 1 เดือนหลังการผ่าตัด และอาจต่อเนื่องถึง 6 เดือนตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อให้แน่ใจว่าหน้าอกเข้าที่และไม่เกิดปัญหาใดๆ

เสริมหน้าอกแล้วสามารถออกกำลังกายได้เมื่อไหร่?

ตอบ: ผู้ที่ผ่าตัดเสริมหน้าอก สามารถเริ่มออกกำลังกายได้ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 2 หลังการผ่าตัด โดยควรเริ่มจากการออกกำลังกายเบาๆ เช่น ปั่นจักรยานแบบตั้งพื้น ควรเลือกแบบที่มีพนักพิงเพื่อลดแรงกระแทก หรือเดินเร็ว ซึ่งช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและทำให้แผลหายเร็วขึ้น

เสริมหน้าอกแล้วตรวจแมมโมแกรมได้ไหม?

ตอบ: ผู้ที่ทำศัลยกรรมเสริมหน้าอกสามารถตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยแมมโมแกรมได้ โดยไม่มีปัญหาหรือความเสี่ยงมากกว่าผู้ที่ไม่ได้เสริมหน้าอก แต่มีข้อควรระวังเพิ่มเติม ได้แก่

  1. แจ้งแพทย์ก่อนการตรวจ: ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบว่า มีการเสริมหน้าอก เพื่อให้แพทย์เลือกเทคนิคที่เหมาะสมและปลอดภัย
  2. เทคนิคการตรวจพิเศษ: การตรวจแมมโมแกรมจะใช้เทคนิค “Implant displacement views” ซึ่งเป็นการเลื่อนถุงซิลิโคนออก เพื่อให้เห็นเนื้อเยื่อเต้านมชัดเจนขึ้น
  3. ความระมัดระวังในการกดเต้านม: การกดเต้านมในระหว่างการตรวจต้องทำอย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันการบาดเจ็บหรือการแตกของซิลิโคน
  4. การตรวจเพิ่มเติม: หากภาพแมมโมแกรมไม่ชัดเจน แพทย์อาจแนะนำให้ตรวจเพิ่มเติมด้วยอัลตราซาวด์หรือ MRI

อายุเท่าไหร่ถึงจะสามารถเสริมหน้าอกได้? ไม่ควรเสริมหลังอายุเท่าไหร่?

ตอบ: การเสริมหน้าอกสามารถทำได้เมื่ออายุ 18 ปีขึ้นไป เนื่องจากในช่วงนี้ร่างกายและเนื้อเต้านมได้พัฒนาเต็มที่แล้ว โดยช่วงอายุที่แนะนำคือ 20-30 ปี ซึ่งร่างกายมีความแข็งแรงและฟื้นตัวได้เร็ว

ส่วนช่วงอายุที่ต้องพิจารณาเป็นพิเศษ คือหลังจาก 40 ปี เพราะมีความเสี่ยงต่อโรคประจำตัวที่อาจทำให้ไม่สามารถผ่าตัดได้ ควรตรวจสุขภาพอย่างละเอียด และปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ

การเสริมหน้าอกเป็นทางเลือกที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจและปรับรูปร่างให้ตรงตามความต้องการของแต่ละคน อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจนี้ควรมาพร้อมกับข้อมูลที่ถูกต้องและการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้แน่ใจว่าการผ่าตัดนั้นเหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ

ยังมีข้อสงสัยเพิ่มเติมใช่ไหม? ไม่รู้จะปรึกษาใครดี ปรึกษาทีม HDcare ได้เลย เราพร้อมเป็นผู้ช่วยส่วนตัวดูแลสุขภาพคุณ สอบถามข้อมูลเบื้องต้นกับคุณหมอเฉพาะทาง ทำนัดปรึกษาคุณหมอได้รวดเร็ว หรือค้นหาแพ็กเกจผ่าตัดเสริมหน้าอก จาก รพ. หรือคลินิกใกล้คุณได้ทันที คลิกที่นี่เลย

มีคำถาม? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

หากคุณติดตั้ง LINE บนคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว ระบบจะเปิดบัญชีทางการ LINE ของ HDcare โดยอัตโนมัติ

หากคุณยังไม่ได้ติดตั้ง LINE บนเดสก์ท็อป โปรดสแกน QR โค้ดด้วย LINE บนโทรศัพท์มือถือของคุณเพื่อเริ่มแชทกับ พยาบาล HDcare