ตุ่มคันที่อัณฑะอาจเกิดจากผื่นแพ้ การติดเชื้อรา หรือปัญหาสุขภาพผิวอื่น ๆ การรักษาควรเริ่มจากการรักษาความสะอาด หากอาการไม่ดีขึ้นควรพบแพทย์
เป็นตุ่มที่อัณฑะ คัน เพราะเหตุใด ?
- การระคายเคืองผิวหนัง: การสัมผัสสารระคายเคือง เช่น สบู่ น้ำยาซักผ้า หรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิว อาจทำให้เกิดผื่นคันและตุ่มเล็ก ๆ บริเวณอัณฑะ
- การติดเชื้อรา: เชื้อราที่พบบ่อย เช่น เชื้อกลากหรือ Tinea cruris มักเกิดในบริเวณที่มีความชื้นสูง เช่น ขาหนีบหรืออัณฑะ ทำให้เกิดตุ่มแดง คัน และลอก
- เหาในขนบริเวณอวัยวะเพศ: การติดเชื้อเหาทำให้มีอาการคันอย่างรุนแรง และอาจมองเห็นไข่หรือเหาที่ติดอยู่ในขนบริเวณอวัยวะเพศ
- โรคผิวหนังอักเสบ: อาจทำให้เกิดผื่นแดง คัน และตุ่มแห้งในบริเวณอัณฑะได้
- การติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย: การติดเชื้อ เช่น เริม อาจทำให้เกิดตุ่มน้ำใส ๆ ที่เจ็บหรือคัน หรือ รูขุมขนอักเสบ ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
- ภูมิแพ้หรือปฏิกิริยาต่ออาหารหรือยา: อาจทำให้เกิดผื่นแดงและตุ่มที่มีอาการคันร่วมด้วย
- เหงื่อและความอับชื้น: การใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นหรือไม่ระบายอากาศ อาจทำให้เกิดผื่นจากเหงื่อและความอับชื้นบริเวณอัณฑะ
คำแนะนำ
- รักษาความสะอาดบริเวณอัณฑะ และหลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่น
- หากอาการไม่ดีขึ้น หรือมีตุ่มที่มีลักษณะแตก น้ำหนอง หรืออาการคันรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรักษาเพิ่มเติม
- หลีกเลี่ยงการเกาเพื่อป้องกันการติดเชื้อเพิ่มเติม
คำถามจากผู้ใช้บริการ HDmall
เป็นตุ่มที่อัณฑะครับ มันคืออะไรครับรักษายังไงครับ ?
สวัสดีครับ ก้อนเนื้อหรือตุ่มที่บริเวณ อวัยวะเพศหรืออัณฑะ สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ คือ
1. พวกหูดต่างๆ จะมีก้อนเล็กๆ ลักษณะผิวไม่เรียบ อาจจะเจ็บๆคันๆ ได้ หรืออาจะไม่มีอากานเจ็บ คันก็ได้ครับ การรักษาคือ การจี้ออกด้วยความเย็นหรือไฟฟ้า หรือการทายาแก้หูดได้ครับ แต่ยาจะเป็นยาอันตรายครับ
2.เริม จะมีอาการเป็นตุ่มน้ำใส เจ็บปวด แสบ จะขึ้นกันเป็นกลุ่ม การรักษาคือจะสามารถหายเองได้ ร่วมกับการกินยาต้านเริมครับ
3.สิว จะเป็นตุ่มเล็กๆคล้ายไขมัน เหมือนสิวที่ใบหน้า เป็นต้น การรักษาคือ ดูแลความสะอาด
4.ติดเชื้อรา candida จะมีตุ่ม แดงๆ ขึ้นและคัน การรักษาคือการทายาฆ่าเชื้อราอย่างน้อยสอง อาทิตย์ครับ
5.มะเร็ง บางอย่าง จะมีก้อน ผิวไม่เรียบ เจ็บปวด ต้องอาศัยการตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจครับ
เนื่องจากสามารถเป็นได้หลายอย่าง แนะนำว่าควรไปตรวจที่โรงพยาบาลครับ
ตอบโดย นพ. ปวริศ ยืนยง
ตุ่มบริเวณอวัยวะเพศอาจเกิดจากได้หลายอย่าง เช่น
1) เริม ลักษณะจะเป็นตุ่มน้ำใส อาจมีตุ่มเดียวหรือหลายตุ่ม อาจจะมีแสบร้อนหรือเจ็บปวดร่วมด้วย
2) รูขุมขนอักเสบ อาจจะเป็นตุ่มหนอง เป็นหลายๆตุ่ม
3) หูดข้าวสุก ลักษณะจะเป็นตุ่มสีเนื้อ มีรอยบุ๋มตรงกลาง
4) ผื่นแพ้สัมผัส เช่น สารเคมี สบู่ แป้ง เป็นต้น
เบื้องต้นแนะนำไม่ควรบีบหรือแกะตุ่ม เพราะอาจทำให้เป็นแผล เกิดแผลเป็น และติดเชื้อแทรกซ้อนได้ หลีกเลี่ยงสิ่งที่เพิ่งเปลี่ยนมาใช้ เช่น สบู่ ครีมอาบน้ำ หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ และไปพบแพทย์ เพื่อตรวจดูอาการอย่างละเอียด เพราะแต่ละโรคมีวิธีรักษาที่แตกต่างกันครับ
ตอบโดย นพ. ชินไตร ถาวรลัญฉ์
บทความที่เกี่ยวข้อง
คำถามสุขภาพที่พบบ่อย