เมื่อถึงคำว่า อะดรีนาลีน หลายคนคงจะนึกถึง “ความรู้สึกตื่นตัว กระตือรือร้น รวมถึงความเคร่งเครียดจริงจัง” ซึ่งก็เป็นความเข้าใจที่ไม่ผิดนัก เพราะอะดรีนาลีนเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกเหล่านี้โดยตรง มีเอกลักษณ์จนจำได้ แต่ผู้คนส่วนใหญ่จะไม่รู้ประโยชน์ ความจำเป็น ประโยชน์ในการรักษา ข้อดี ข้อเสีย ข้อควรระวัง ของฮอร์โมนชนิดนี้
สารบัญ
ความหมายของอะดรีนาลีน
อะดรีนาลีน (Adrenaline) หรืออีกชื่อคือ “อิพิเนฟริน” (Epinephrine) เป็นฮอร์โมนที่ผลิตจากต่อมหมวกไต ซึ่งอยู่เหนือไตทั้ง 2 ข้าง และเป็นฮอร์โมนที่ทำให้หัวใจเต้นอย่างแข็งแรง และทำให้เลือดไปเลี้ยงเนื้อเยื่อมากขึ้นในช่วงที่ร่างกายเกิดความเครียด
อะดรีนาลีนจัดอยู่ในกลุ่มฮอร์โมนประเภทแคททีโคลามีน (Catecholamine) เช่นเดียวกับสารโดพามีน (Dopamine) และสารนอร์อิพิเนฟริน (Norepinephrine) ซึ่งฮอร์โมนกลุ่มนี้ถูกผลิตจากต่อมหมวกไตชั้นในที่เรียกว่า “เมดัลลา” (Medulla)
อารมณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเรา เช่น ความกลัว ความเครียด หรือความโกรธ สามารถทำให้เกิดการหลั่งของอะดรีนาลีนเพิ่มขึ้นได้ และเมื่อมีการหลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลีนเข้าสู่กระแสเลือด จะทำให้เกิดการเพิ่มของ
- อัตราการเต้นของหัวใจ
- การบีบตัวของหัวใจ
- ความดันโลหิต
- กระบวนการสลายน้ำตาล
ซึ่งการเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนนี้จะทำให้ร่างกายพร้อมต่อการ “ต่อสู้ หรือหลบหนี” หรือการเตรียมพร้อมสำหรับกิจกรรมที่รวดเร็ว และใช้กำลังมาก
สภาวะที่ส่งผลกระทบต่ออะดรีนาลีน
สภาวะร่างกายต่อไปนี้มีผลเกี่ยวข้องกับระดับของอะดรีนาลีน ได้แก่
- โรคแอดดิสัน (Addison’s Disease) เป็นโรคที่เกิดจากการขาดฮอร์โมนที่สร้างจากต่อมหมวกไตอย่างรุนแรง ซึ่งฮอร์โมนดังกล่าวประกอบด้วย
- อะดรีนาลีน
- คอร์ติซอล (Cortisol)
- อัลโดสเตอโรน (Aldosterone)
- เนื้องอกที่ต่อมหมวกไต หรือที่ในบางครั้งเรียกว่า “ฟีโอโครโมไซโทมา” (Pheochromocytoma) จะทำให้เกิดการสร้างฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตที่มากเกินไป โดยฮอร์โมนที่สร้างขึ้นนี้จะประกอบไปด้วย
- อะดรีนาลีน ซึ่งหากมีปริมาณมากเกินไป ก็สามารถทำให้เกิดความดันโลหิตสูงขั้นรุนแรงและเป็นอันตรายได้
- นอร์อะดรีนาลีน (Noradrenaline)
- เนื้องอกบางชนิด อาจทำให้เกิดการผลิตฮอร์โมนชนิดอื่นมากขึ้น เช่น
- คอร์ติซอล
- อัลโดสเตอโรน
- แอนโดรเจน (Androgens)
การใช้อะดรีนาลีนในการรักษา
อะดรีนาลีนแบบสังเคราะห์สามารถนำมาใช้ในการรักษาภาวะต่อไปนี้ได้
- เพื่อกระตุ้นหัวใจระหว่างที่หัวใจหยุดเต้น
- เพื่อให้หลอดเลือดบีบตัว (ใช้เพื่อเพิ่มความดันโลหิตเมื่อผู้ป่วยเกิดภาวะช็อก)
- เพื่อขยายหลอดลม และยับยั้งการหดตัวของหลอดลมในโรคหอบหืด
- เพื่อรักษาปฏิกิริยาภูมิแพ้รุนแรงเฉียบพลัน (Anaphylaxis) ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต โดยผู้ป่วยจะความดันโลหิต หลอดลมบวมจนหายใจไม่ออก มีผื่นแดงขึ้นตามตัว สามารถเกิดขึ้นได้อาการแพ้อาหาร ยา หรือถูกแมลงกัดต่อยโดยอะดรีนาลีนที่ใช้รักษาอนาฟิแล็กซิส จะเป็นรูปแบบเครื่องฉีดยาอัตโนมัติ เช่น กระบอกยาฉีดอีพิเพน (Epipen)
นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิแพ้ยังแนะนำให้มีการพกเครื่องฉีดยาอะดรีนาลีนอัตโนมัตินี้ติดตัวไว้ ในคนที่มีอาการแพ้อย่างรุนแรงทุกประเภท โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีประวัติดังนี้
- ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ และมีอาการภูมิแพ้เฉียบพลันรุนแรงมาก่อน
- มีประวัติแพ้อาหาร และเป็นโรคหอบหืด
- แพ้ถั่ว ปลา หรือหอย
การทำงานของอะดรีนาลีน
อะดรีนาลีนจะช่วยแก้ภาวะที่อันตรายต่อชีวิต ด้วยการคลายกล้ามเนื้อในทางเดินหายใจ และการตีบของหลอดเลือด โดยยานี้จะถูกฉีดเข้าที่บริเวณกล้ามเนื้อต้นขาในระหว่างที่ผู้ป่วยมีอาการภูมิแพ้อนาฟิแล็กซิส
แต่สำหรับผู้ป่วยที่มีประวัติแพ้ระดับรุนแรง ครอบครัวหรือคนใกล้ชิดก็ควรรู้วิธีการฉีดยาอะดรีนาลีนไว้ โดยสามารถสอบถามแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญเรื่องภูมิแพ้ หรือภูมิคุ้มกันเพื่อสอนวิธีการฉีดยาดังกล่าวได้
ส่วนยาประเภทอื่น เช่น ยาต้านฮิสทามีน (Antihistamine) จะไม่สามารถลดอาการบวมของทางเดินหายใจหรือเพิ่มระดับความดันได้ ดังนั้น ยาเหล่านี้จึงไม่ช่วยแก้ไขอาการหากผู้ป่วยเกิดอาการภูมิแพ้อนาฟิแล็กซิส
ผลข้างเคียงจากการใช้อะดรีนาลีน
ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยจากการใช้อะดรีนาลีนในปริมาณที่ไม่เหมาะสม ประกอบด้วย
- วิตกกังวล
- กระวนกระวาย
- มึนศีรษะ
- มีอาการสั่นตามร่างกาย
ส่วนผลข้างเคียงรุนแรง แต่พบได้ไม่บ่อยของการใช้อะดรีนาลีน เช่น
- หัวใจเต้นผิดจังหวะ
- หัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน
- ความดันโลหิตสูง
- น้ำท่วมปอด
ดังนั้นคุณควรแจ้งประวัติสุขภาพทางกายทั้งหมดแก่ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิแพ้ เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงชนิดที่รุนแรงเหล่านี้ หรือหากต้องใช้อะดรีนาลีนในการรักษาอาการต่างๆ ก็ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น