ปัจจุบันศัลยกรรมสะดือได้รับความนิยม และยอมรับทั้งจากผู้หญิงที่ชื่นชอบแฟชั่นการแต่งกายด้วยเสื้อผ้าเปิดโชว์เอว หน้าท้อง สะดือ และผู้ชายที่มีรูปร่างกำยำ ที่ต้องการโชว์กล้ามเนื้อบริเวณซิกแพค เพราะการมีรูปทรงสะดือสวยงามที่รับกับรูปร่างจะช่วยเพิ่มความมั่นใจได้อย่างมาก ทาง HDmall.co.th จึงรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ การศัลยกรรมสะดือ มาฝากคนที่ต้องการปรับแก้ไขรูปทรงสะดือ ซึ่งปัจจุบันทำได้ง่ายและไม่น่ากลัวอย่างที่คิด เป็นอีกหนึ่งศัลยกรรมความงามที่กำลังมาแรงสำหรับคนรุ่นใหม่ที่นิยมแฟชั่นโชว์สะดือ
สารบัญ
ศัลยกรรมสะดือคืออะไร?
ศัลยกรรมสะดือ (Umbilicoplasty) คือ การผ่าตัดตกแต่งสะดือให้มีขนาด รูปทรง หรือตำแหน่งของสะดือ มีลักษณะสวยงาม มีสัดส่วนรูปทรงเหมาะสมกับเอวและหน้าท้องตามที่ต้องการ โดยทั่วไปการศัลยกรรมสะดือจะทำใน 2 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ที่รูปร่างสะดือไม่สวยงามมาตั้งแต่กำเนิด เช่น สะดือโบ๋ สะดือจุ่น เป็นต้น และอีกกลุ่มคือ ผู้ที่มีสะดือรูปทรงผิดปกติเนื่องจากการผ่าตัด เช่น การผ่าตัดคลอดบุตร การผ่าตัดไขมันหน้าท้อง หรือการตัดหนังหน้าท้อง เป็นต้น
โดยหากมีแผลนูนรอบสะดือจะสามารถหายได้เมื่อแพทย์ฉีดยาสเตียรอยด์ แต่หากสะดือมีรูปทรงผิดปกติ มีรูเล็กเกินไป จำเป็นต้องแก้ไขด้วยการผ่าตัดตกแต่งสะดือใหม่ ซึ่งโดยส่วนใหญ่ผู้ที่ทำการผ่าตัดไขมันหน้าท้อง หรือตัดหนังหน้าท้อง แพทย์มักแนะนำให้ทำศัลยกรรมตกแต่งสะดือไปพร้อมกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามครบถ้วน จะมีเพียงส่วนน้อยของผู้รับการผ่าตัดเท่านั้นที่ไม่ได้ทำศัลยกรรมสะดือด้วย ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่สะดือจะมีรูปทรงผิดปกติ จนต้องกลับมาทำใหม่ โดยรูปทรงสะดือที่นิยมศัลยกรรม ได้แก่ สะดือแบบธรรมชาติ และสะดือแบบเซ็กซี่
ศัลยกรรมสะดือมีกี่รูปทรง?
ปัจจุบันการศัลยกรรมสะดือเพื่อความสวยงามนิยมรูปทรงสะดือ 3 ลักษณะด้วยกัน ได้แก่
- สะดือรูปตัวไอ (I) เป็นสะดือที่มีลักษณะเป็นเส้นตรงหรือเป็นขีดเหมือนตัวไอ
- สะดือรูปตัวโอ (O) เป็นสะดือที่มีลักษณะเหมือนรูปตัวโอ มีทั้งโอแบบวงกลมและโอแบบวงรี
- สะดือรูปตัวยูหัวคว่ำ (U หัวคว่ำ) เป็นสะดือที่มีลักษณะคล้ายรูปตัวยูหัวคว่ำ และมีเนื้อเยื่อฮูด (Hood) ออกมาเล็กน้อย เพื่อให้สามารถเจาะสะดือได้
ศัลยกรรมสะดือเหมาะกับใคร?
การศัลยกรรมตกแต่งสะดือเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาและมีความต้องการ ดังต่อไปนี้
- ผู้ที่ผ่าตัดคลอดบุตร ทำให้ผิวหนังหน้าท้องหย่อนคล้อยจากการตั้งครรภ์ และต้องการผ่าตัดเพื่อยกกระชับหน้าท้องและจำเป็นจะต้องมีการย้ายตำแหน่งสะดือให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
- ผู้ที่เคยผ่าตัดไขมันหน้าท้อง หรือตัดหนังหน้าท้องแล้ว ทำให้รูปทรงสะดือผิดปกติไป เกิดความไม่มั่นใจกับการแต่งตัว เช่น ใส่ชุดบิกินี หรือใส่เสื้อผ้าเปิดสะดือ จึงต้องการกลับมาทำศัลยกรรมสะดือ
- ผู้ที่ต้องการแก้ไขรูปทรงสะดือเพื่อความสวยงาม เพิ่มความมั่นใจในการแต่งกายโชว์หน้าท้องและสะดือ โดยการศัลยกรรมปรับเปลี่ยนขนาด รูปร่าง หรือตำแหน่งของสะดือ ส่วนใหญ่จะเป็นการผ่าตัดสะดือจุ่น (Outties) ที่มีลักษณะเนื้อเยื่อเกินออกมาด้านนอก โดยการศัลยกรรมทำให้เนื้อเยื่อกลับเข้าที่และมีรูปทรงสวยงาม และการผ่าตัดสะดือโบ๋ (Innies) ที่มีลักษณะ เป็นเหว หรือหลุมลึกลงไป โดยศัลยกรรมลดขนาดของหลุมสะดือที่กว้างให้เล็กลง
สะดือจุ่น สะดือโบ๋ เกิดจากอะไร?
โดยทั่วไปรูปทรงของสะดือจะมาจากกรรมพันธุ์ หรือการตัดสายสะดือเมื่อแรกเกิดจากแพทย์ และอาจเกิดได้จากปัจจัยอื่นในภายหลัง โดยสะดือโบ๋ เกิดจากลักษณะรูสะดือลึกลงไปเป็นเหว หรือหลุม ทำให้สะดือมีรูกว้างเกินไป และสะดือจุ่น เกิดจากเนื้อเยื่อที่ยื่นเกินออกมาด้านนอกบริเวณสะดือ
นอกจากนี้ สะดือจุ่น ยังอาจเกิดภาวะไส้เลื่อนสะดือ คือ ภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อลำไส้บางส่วนเคลื่อนตัวออกมาอยู่ที่สะดือและทำให้สะดือยื่นหรือบวมออกมา ซึ่งส่งผลให้ผนังหน้าท้องบริเวณสะดือมีความอ่อนแอ โดยส่วนมากลักษณะนี้จะพบในเด็กแรกเกิด และค่อยๆ หายไปใน 1 ปี แต่ภาวะไส้เลื่อนสะดือก็สามารถเกิดกับวัยผู้ใหญ่ได้เช่นกัน ซึ่งสาเหตุของการเกิดสะดือจุ่นหรือไส้เลื่อนที่สะดือในผู้ใหญ่ อาจเกิดจากแรงดันบริเวณหน้าท้องมากเกินไป เช่น โรคอ้วน การตั้งครรภ์ ผู้มีประวัติเคยผ่าตัดช่องท้อง ผู้มีอาการไอเรื้อรังหรือท้องผูกเรื้อรัง ผู้ที่มีปัญหาในการปัสสาวะเนื่องจากต่อมลูกหมากโตมาก และผู้ที่ยกของหนัก หรือผู้ที่ร่างกายกำลังเบ่งหรือเกร็ง เป็นต้น
อาการสะดือจุ่นจะมีก้อนบวมนูนบริเวณสะดือ โดยสามารถเห็นได้ชัดเจนเมื่ออยู่ในภาวะที่ร่างกายกำลังเบ่งหรือเกร็ง โดยทั่วไปจะทำให้เกิดอาการไม่สบายท้อง ไม่มีอาการเจ็บปวด แต่เมื่อก้อนบวมนูนมีอาการเจ็บและบวมออกมามาก มีแนวโน้มไส้เลื่อนสะดือขนาดใหญ่ขึ้น และมีสีผิวเปลี่ยนแปลงไป ควรพบแพทย์เพื่อรับการผ่าตัดทันที
สะดือจุ่น โบ๋ ไม่ศัลยกรรมได้ไหม?
หากมีสะดือจุ่นหรือสะดือโบ๋โดยไม่มีผลต่ออาการเจ็บป่วย การศัลยกรรมสะดือ ก็จะขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของแต่ละบุคคลที่จะตัดสินใจทำหรือไม่ก็ได้ แต่หากเป็นกรณีการผ่าตัดสะดือเพื่อรักษาโรคไส้เลื่อนสะดือ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการผ่าตัด เพราะภาวะไส้เลื่อนสะดือ เป็นการที่ลำไส้บางส่วนเคลื่อนตัวออกมาอยู่ที่สะดือ จึงทำให้สะดือยื่นหรือบวมออกมา นอกจากจะเจ็บปวดแล้ว ก็อาจเกิดการติดเชื้อ อักเสบ หรือเชื้อโรคเข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้
การเตรียมตัวก่อนศัลยกรรมสะดือ
แม้การศัลยกรรมสะดือจะถือเป็นการผ่าตัดเล็ก แต่ก็ควรเตรียมตัวเพื่อความปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดี ดังนี้
- งดวิตามิน อาหารเสริม ยาที่ทำให้เลือดหยุดไหลช้า หรือเกิดการแข็งตัวช้า อย่างน้อย 7-10 วัน สามารถปรึกษาแพทย์เพิ่มเติมก่อนผ่าตัดได้
- แจ้งให้แพทย์ให้ทราบถึงยาที่แพ้ ถ้ามี และโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ เป็นต้น
- ถ้ามีความดันโลหิตสูง ต้องควบคุมให้ต่ำกว่า 140/90 mm Hg (มิลลิเมตร ปรอท) ก่อนรับการผ่าตัด
- ไม่นัดผ่าตัดช่วงที่มีประจำเดือน
- เตรียมลาหยุดงานประมาณ 2 วัน หลังผ่าตัด
- งดอาหารและน้ำ 6-8 ชั่วโมง ก่อนการผ่าตัด
- ทำความสะอาดสะดือก่อนพบแพทย์เพื่อผ่าตัด
ขั้นตอนการศัลยกรรมสะดือ
- แพทย์ตรวจร่างกายให้พร้อมสำหรับการผ่าตัด
- แพทย์ทำความสะอาดสะดือด้วยแอลกอฮอล์ และฉีดยาชารอบสะดือ
- ผ่าตัดตกแต่งสะดือตามที่วางแผนไว้ กรณีการผ่าตัดรักษาภาวะไส้เลื่อนสะดือจะเป็นการผลักเอาไส้เลื่อนที่สะดือกลับไปยังที่เดิม และแก้ไขผนังหน้าท้องที่มีความอ่อนแอให้แข็งแรงขึ้น โดยการผ่าตัดจะใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที
- เย็บปิดแผล
- แพทย์แนะนำการดูแลตัวเองหลังศัลยกรรม
- กลับบ้านได้โดยไม่ต้องพักฟื้น แต่อาจมีอาการแสบหรือไม่สบายบริเวณแผลในช่วงเวลาพักฟื้น
- แพทย์นัดตัดไหมประมาณ 5 วัน และติดตามผลหลังผ่าตัด 1-2 สัปดาห์
การดูแลตัวเองหลังศัลยกรรมสะดือ
หลังการศัลยกรรมสะดือ ควรดูแลตัวเอง ดังนี้
- ใช้ก้านสำลีชุบน้ำสะอาดเช็ดคราบเลือดและสิ่งสกปรกเบาๆ วันละ 2-3 ครั้ง หรือเช็ดเมื่อรู้สึกแผลสกปรก
- ระมัดระวังไม่ให้แผลโดนน้ำในระยะ 2-3 วันแรก หากโดนน้ำต้องรีบใช้ผ้าสะอาดซับให้แห้ง
- กรณีมีน้ำซึมเข้าแผล ให้ใช้น้ำเกลือ หรือแอลกอฮอล์ หรือเบตาดีน เช็ดทำความสะอาดแผล ทุกวันเช้าเย็น ประมาณ 5 วันหลังศัลยกรรมสะดือ จนกว่าจะถึงวันนัดตัดไหม
- รับประทานยาแก้อักเสบและยาฆ่าเชื้อตามแพทย์สั่งจนหมด แต่ถ้าเกิดการแพ้ยา เช่น คัน มีผื่นแดง คลื่นไส้ อาเจียน แน่นหน้าอก ให้หยุดรับประทานทันทีและรีบมาพบแพทย์
- หลังตัดไหมเสร็จแล้ว แผลสามารถโดนน้ำได้ แต่ควรระวังอย่าถูแผลแรงๆ ในช่วงสัปดาห์แรกภายหลังตัดไหมแล้ว
- งดอาหารหมักดอง อาหารเค็ม งดดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ จนกว่าแผลจะหายสนิท
ความเสี่ยงของการศัลยกรรมสะดือ
กรณีเป็นการศัลยกรรมสะดือเพื่อความสวยงาม มีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในเรื่อง รูปทรงสะดือ ไม่เป็นไปตามที่ต้องการ หรือรูปทรงผิดปกติไป ทำให้ต้องกลับมาทำใหม่อีกครั้ง ส่วนกรณีผ่าตัดตกแต่งสะดือสำหรับผู้ที่มีสะดือรูปทรงผิดปกติตั้งแต่กำเนิด และผู้มีไส้เลื่อนสะดือ อาจมีความเสี่ยงและอาการแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น ได้แก่
- หน้าท้องบวมซ้ำและมีอาการเจ็บปวดบริเวณแผลผ่าตัด แต่จะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ
- ความเสี่ยงที่เกิดจากการผ่าตัดเหมือนการผ่าตัดทั่วไป เช่น เลือดออกมาก การติดเชื้อหากดูแลรักษาความสะอาดไม่ดีพอ หรืออาการแพ้ยาชาที่ใช้ในการผ่าตัด เป็นต้น
- รู้สึกไม่สบายและปวดศีรษะหรือมีอาการชา หลังจากผ่าตัดเสร็จ
- มีโอกาสกลับมาผ่าตัดซ้ำ หากผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่วางแผนไว้
ศัลยกรรมสะดือพักฟื้นนานไหม?
การศัลยกรรมสะดือ เป็นการผ่าตัดเล็ก ไม่จำเป็นต้องใช้ยาสลบ ใช้เพียงยาชาเพื่อไม่ให้รู้สึกเจ็บระหว่างทำ ซึ่งใช้เวลาทำประมาณ 30-60 นาทีเท่านั้น และหลังจากการศัลยกรรมสะดือ ผู้รับการผ่าตัดสามารถกลับบ้านได้ทันที แต่อาจใช้เวลาพักฟื้นที่บ้านต่ออีกประมาณ 2 วันก่อนกลับไปทำงานตามปกติ
อย่างไรก็ตาม ข้อแนะนำสำหรับผู้ทำศัลยกรรมสะดือควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้กำลังมากในช่วงสัปดาห์แรกหลังจากการผ่าตัด และหากเป็นไปได้ควรหยุดพักงานหรือเรียนหนังสือประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพื่อไม่ให้แผลกระทบกระเทือนและติดเชื้อจากภายนอก และส่วนใหญ่แล้วผู้รับการผ่าตัดจะสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันหรือทำกิจกรรมได้ปกติภายในเวลา 1 เดือน
ศัลยกรรมสะดือมีแผลเป็นไหม?
ศัลยกรรมสะดือเป็นการผ่าตัดที่ต้องมีการเจาะผิวหนัง และมีแผลเป็นเกิดขึ้น ซึ่งขนาดของแผลจะขึ้นอยู่กับปัญหาของสะดือที่ต้องการแก้ไข แต่แผลเป็นจะค่อยๆ จางหายไปในที่สุด อย่างไรก็ตาม แพทย์จะพยายามทำให้แผลผ่าตัดมองเห็นได้น้อยที่สุด โดยจะผ่าตัดข้างในของสะดือ เพื่อลดรอยแผลเป็นที่จะมองเห็นได้หลังการผ่าตัด
หากคุณมีความต้องการที่จะปรับแก้ไขรูปทรงสะดือ ไม่ว่าจะเพื่อความสวยงาม หรือเพื่อสุขภาพ ไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไป ปัจจุบันมีเทคโนโลยีการผ่าตัดที่ทันสมัย เจ็บน้อย และพักฟื้นไม่นาน