ฟอกสีฟัน Zoom ปรับความหมองคล้ำของเนื้อฟันให้กับขาวอย่างมั่นใจ

ในทุกๆ วัน การกินอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีสีไม่ว่าจะเป็นเย็นตาโฟ ชา กาแฟ น้ำหวาน ขนมขบเคี้ยวที่มีสีต่างๆ ล้วนส่งผลทำให้ฟันของเรามีสีคล้ำขึ้นได้ทั้งนั้น และทำให้หลายคนรู้สึกไม่มั่นใจเวลายิ้มหรือหัวเราะ เพราะฟันของตนเองมีสีคล้ำหรือเหลือง

มีคำถามเกี่ยวกับ ฟอกสีฟัน? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ผ่านการฟอกสีฟัน ซึ่งเป็นการใช้พลังงานแสงและสารฟอกสีที่ปลอดภัยปรับความสว่างและสีของฟันให้ดูขาวสะอาดขึ้น

การฟอกสีฟันแบ่งออกได้หลายรูปแบบ แต่ที่เป็นที่นิยมได้แก่ การฟอกสีฟัน Cool light และการฟอกสีฟัน Zoom ซึ่งในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกเกี่ยวกับการฟอกสีฟัน Zoom แนวทางการฟอกสีฟันทีกำลังได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบันเช่นกัน

ฟอกสีฟัน Zoom คืออะไร?

ฟอกสีฟัน Zoom (Zoom Teeth Whitening) คือ รูปแบบการฟอกสีฟันเพื่อปรับเนื้อฟันที่ดูเหลืองหรือหมองคล้ำให้ดูขาวสว่างขึ้น ผ่านการใช้น้ำยาฟอกสีฟันที่มีส่วนผสมของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen Peroxide) กับคลื่นพลังงานแสง LED Light ซึ่งสามารถปรับระดับความเข้มข้นได้ถึง 3 ระดับ เคลือบลงไปที่เนื้อฟันเพื่อขจัดคราบความหมองคล้ำที่ฝังแน่นอยู่บนเนื้อฟัน โดยที่ยังปลอดภัยต่อผิวชั้นเคลือบฟันธรรมชาติ

ฟอกสีฟัน Zoom กี่ครั้งเห็นผล?

การฟอกสีฟัน Zoom สามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ โดยหลังจากทันตแพทย์ยิงพลังงานแสง LED ลงไปที่เนื้อฟันเสร็จแล้ว ผู้เข้ารับบริการจะสังเกตเห็นความสว่างและสีของฟันที่ดูขาวขึ้นได้ทันที

อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ของการฟอกสีฟัน Zoom ก็ยังขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพฟันดั้งเดิมของผู้รับบริการ ดังนั้นจึงควรปรึกษาทันตแพทย์ผู้ให้บริการถึงผลลัพธ์ที่เหมาะสมตามแต่ละคนไป

ฟอกสีฟัน Zoom อยู่ได้กี่ปี?

โดยทั่วไป ฟันที่ขาวขึ้นจากการฟอกสีฟันไม่ว่าจะด้วยรูปแบบใดก็ตาม มักจะมีความขาวสว่างอยู่ได้ประมาณ 1 ปีถึง 1 ปีครึ่ง

หลังจากนั้นฟันก็จะค่อยลดระดับความสว่างลง แต่จะลดลงมากน้อยเพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้ฟันในการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้เข้ารับบริการแต่ละท่าน

ผู้เข้ารับบริการที่มีพฤติกรรมบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่เป็นประจำ กินอาหารที่มีสีจัดบ่อยมากๆ และไม่แปรงฟันให้สะอาด มีแนวโน้มที่สีฟันหลังฟอกจะกลับไปหมองคล้ำลงได้อีกครั้งภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว

อาจกล่าวได้ว่าการฟอกสีฟัน Zoom ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ถาวร ดังนั้นหากผู้รับบริการต้องการให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานๆ ควรปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้เหมาะสม หลีกเลี่ยงอาหาร และเครื่องดื่มที่มีสีจัด เช่น กาแฟ ไวน์ เป็นต้น

มีคำถามเกี่ยวกับ ฟอกสีฟัน? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

ฟอกสีฟัน Zoom เจ็บไหม?

การฟอกสีฟันไม่ทำให้รู้สึกเจ็บแต่อย่างใด แต่มักทำให้รู้สึกเสียวฟันระหว่างการยิงพลังงานแสงลงไปที่น้ำยาฟอกสีฟัน และยังอาจรู้สึกเสียวฟันหลังรับบริการเสร็จแล้ว แต่อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นจนหายไปภายใน 1-2 วัน

ข้อดีของการฟอกสีฟัน Zoom

การฟอกสีฟัน หรือการทำให้ฟันดูสว่างขึ้นนั้นมีด้วยกันหลายวิธี แต่การฟอกสีฟัน Zoom อาจมีข้อดีที่โดดเด่นกว่าวิธีอื่นๆ ดังต่อไปนี้

  • เห็นผลลัพธ์ได้เร็วกว่าการฟอกสีฟันที่บ้าน
  • ใช้เวลาในการฟอกไม่นาน ประมาณ 45-60 นาทีก็เสร็จ
  • ไม่รู้สึกเจ็บในระหว่างการฟอกสีฟัน
  • น้ำยาและพลังงานแสงที่ใช้มีความปลอดภัยต่อช่องปาก
  • กลับมาทำซ้ำได้ เมื่อสีฟันเริ่มหมองคล้ำอีกครั้ง

ข้อเสียของการฟอกสีฟัน Zoom

ในขณะเดียวกัน การฟอกสีฟัน Zoom ก็มีข้อเสียที่ต้องพิจารณาร่วมกันก่อนตัดสินใจ ดังนี้

  • ผลลัพธ์ไม่คงอยู่ตลอดไป และอาจมีระยะเวลาที่ฟันจะขาวสว่างอยู่ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับการใช้งานฟันในแต่ละบุคคล
  • ทำให้รู้สึกเสียวฟันได้บ้างในระหว่างฟอกสีฟัน และหลังฟอกสีฟันประมาณ 24 ชั่วโมง
  • ต้องเดินทางมาฟอกสีฟันกับทันตแพทย์เท่านั้น

ฟอกสีฟัน Zoom เหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่ต้องการให้ฟันขาวขึ้นภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว โดยเห็นผลได้ทันทีหลังฟอก
  • ผู้ที่มีความไม่มั่นใจในสีของฟันซึ่งอาจหมองคล้ำมาก หรือดูเหลืองจนไม่ชอบในรอยยิ้มของตนเอง
  • ผู้ที่ฟันเหลืองคล้ำจากการกินยาปฏิชีวนะบางชนิด และอยากจะปรับเนื้อฟันให้ดูขาวสว่างขึ้นอีกครั้ง
  • ผู้ที่ประกอบอาชีพที่ต้องใช้รอยยิ้มและภาพลักษณ์เป็นประจำ และจำเป็นจะต้องเสริมความสวยงามให้กับฟันด้านหน้าอยู่เสมอ เช่น พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ดารา นักร้อง นักแสดง
  • ผู้ที่อยากแก้ปัญหาสีของฟันแบบชั่วคราว และมีเวลาที่จะกลับมาฟอกสีฟันซ้ำในอนาคตเมื่อฟันเริ่มลดความสว่างลง

ฟอกสีฟัน Zoom ไม่เหมาะกับใคร?

แม้การฟอกสีฟัน Zoom จะมีข้อดีมากมาย แต่ก็ไม่ใช่กระบวนการที่เหมาะกับทุกคนเสมอไป หากคุณมีข้อใดตรงกับเงื่อนไขดังต่อไปนี้ อาจต้องปรึกษาทันตแพทย์อย่างใกล้ชิดก่อนตัดสินใจทำ

  • หญิงตั้งครรภ์ หรือที่กำลังให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับบริการ เพราะน้ำยาและพลังงานแสงอาจไปกระทบต่อสุขภาพของทารกได้
  • เด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี เนื่องจากช่วงวัยยังอยู่ในระยะที่เส้นประสาทที่ฟันยังไม่แข็งแรงพอ และรู้สึกเสียวฟันได้มากในระหว่างฟอกสีฟัน
  • ผู้ที่ฟันยังมีปัญหาความผิดปกติหรือเป็นโรคเกี่ยวกับฟัน เช่น ฟันผุ โรคเหงือกอักเสบ โรคเกี่ยวกับรากฟัน ควรรักษาให้หายเสียก่อนการฟอกสีฟัน
  • ผู้ที่มีการครอบฟัน รักษารากฟัน ทำวีเนียร์ ยังสามารถฟอกสีฟันได้ แต่ผลลัพธ์หลังจากฟอกสีฟันจะเปลี่ยนแปลงในส่วนของฟันธรรมชาติเท่านั้น อุปกรณ์บูรณะฟันที่ติดตั้งไว้ที่ฟันจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงสีหรือความสว่างไปด้วย
  • ผู้ที่ติดการดื่มชา กาแฟ น้ำหวานมีสี อาหารที่มีสีจัดๆ เป็นประจำ ถึงแม้จะสามารถฟอกสีฟันได้ แต่อาจไม่คุ้มค่า เนื่องจากสีของอาหารที่กินสามารถไปกระตุ้นให้สีฟันลดความขาวสว่างเร็วขึ้น และอาจทำให้ไม่พึงพอใจในระยะเวลาของผลลัพธ์ที่สั้นกว่าที่คิด
  • ผู้ที่สีฟันหมองคล้ำมีสีเข้มมากๆ การฟอกสีฟันอาจให้ผลลัพธ์ได้ไม่ดีพออย่างที่คาดหวัง และอาจต้องพึ่งพาการทำวีเนียร์เพื่อเปลี่ยนแปลงสีฟันแทน

การเตรียมตัวก่อนฟอกสีฟัน Zoom

การฟอกสีฟัน Zoom เป็นกระบวนการที่ค่อนข้างปลอดภัย จึงมีการเตรียมตัวที่ไม่ซับซ้อน ดังต่อไปนี้

  • แจ้งโรคประจำตัว ประวัติยาประจำตัว ประวัติแพ้ยาต่างๆ รวมถึงอาหารเสริม วิตามินเสริม สมุนไพรเสริมสุขภาพที่กำลังกินอยู่ ณ ปัจจุบัน
  • งดบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่มีสี 24 ชั่วโมงล่วงหน้าก่อนเดินทางมาฟอกสีฟัน
  • ตรวจฟัน ขูดหินปูน เคลียร์ช่องปากก่อนฟอกสีฟัน
  • หากมีโรคภายในช่องปากหรือเกี่ยวกับฟัน เหงือก และยังรักษาไม่หาย ให้แจ้งทันตแพทย์เสียก่อน เพื่อรักษาก่อนเริ่มฟอกสีฟัน
  • แปรงฟันให้สะอาดก่อนเดินทางไปพบทันตแพทย์

ขั้นตอนการฟอกสีฟัน Zoom

ขั้นตอนการฟอกสีฟัน Zoom อาจมีความแตกต่างกันเล็กน้อย ตามแต่ละสถานที่ให้บริการ แต่ขั้นตอนหลักๆ ที่อาจพบได้ มีดังต่อไปนี้

  1. ทันตแพทย์เคลียร์ช่องปาก และตรวจเช็กสุขภาพฟันกับสีฟันดั้งเดิมก่อนฟอก
  2. ทันตแพทย์นำอุปกรณ์ตัวอย่างสีฟันมาวัดเทียบกับสีฟันเดิม และพูดคุยกับผู้เข้ารับบริการเกี่ยวกับสีฟันที่จะเปลี่ยนไปหลังฟอกสีฟัน
  3. ทันตแพทย์ทาวาสลีนที่ริมฝีปากผู้เข้ารับบริการและใส่อุปกรณ์ง้างพยุงช่องปาก เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการสามารถอ้าปากได้นานๆ ระหว่างฟอกสีฟันโดยไม่เมื่อย
  4. ทันตแพทย์อาจถ่ายรูปสีฟันเดิมเก็บไว้เป็นข้อมูล จากนั้นใส่อุปกรณ์ป้องกันการระคายเคืองน้ำยาที่ขอบเหงือกทั้งบนและล่าง
  5. ทันตแพทย์ทาน้ำยาฟอกสีฟันลงไปที่ผิวฟันด้านหน้าของผู้เข้ารับบริการ
  6. ทันตแพทย์ฉายแสง LED Light ลงไปที่ผิวฟันส่วนที่ทาน้ำยา โดยทั่วไปจะฉายทั้งหมด 3 ครั้ง ครั้งละประมาณ 15 นาที หากฟันมีสีเข้มมากๆ อาจพิจารณาเป็น 4 ครั้ง

เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว สามารถพูดคุยถึงผลลัพธ์ที่ปรากฏ และข้อควรระวังต่างๆ กับทันตแพทย์ได้ทันที

การดูแลตัวเองหลังฟอกสีฟัน Zoom

หลังฟอกสีฟัน Zoom เสร็จแล้ว โดยปกติทันตแพทย์จะแนะนำการดูแลตัวเองหลังรับบริการให้ฟังอยู่แล้ว อาจมีข้อหลักๆ ดังต่อไปนี้

  • ควรงดกินอาหารและเครื่องดื่มที่มีสีประมาณ 24 ชั่วโมงแรกหลังฟอกสีฟัน หลังจากนั้นก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างอิสระ
  • ใช้ยาสีฟันสูตรลดอาการเสียวฟันในช่วง 1-2 วันหลังฟอกสีฟัน
  • หากรู้สึกไม่สบายตัว ปวดฟัน สามารถกินยาแก้ปวดทั่วไปบรรเทาอาการได้ เช่น ยาพาราเซตามอล (Paracetamol) ไอบูโฟรเฟน (Ibuprofen)
  • หลีกเลี่ยงการกินอาหารและเครื่องดื่มที่มีสีจัดๆ ให้ได้มากที่สุด หรือในกรณีที่ต้องดื่มน้ำที่มีสี ให้ใช้หลอดดูดแทนการดื่มจะดีที่สุด
  • งดการสูบบุหรี่ เพื่อให้ผลลัพธ์ในการฟอกสีฟันคงอยู่ไปได้นานที่สุด
  • เดินทางมาตรวจสุขภาพฟันทุกๆ 6 เดือนอยู่เสมอ

ผลข้างเคียงของการฟอกสีฟัน Zoom

ผลข้างเคียงที่พบเจอได้บ่อยจากการฟอกสีฟัน คือ อาการเสียวฟันในระหว่างรับบริการและหลังรับบริการประมาณ 24 ชั่วโมง และอาการระคายเคืองเหงือก ในกรณีที่น้ำยาไปสัมผัสโดนเหงือกด้านบนหรือล่างฟันส่วนที่ฟอก แต่โดยทั่วไปทางสถานพยาบาลจะมีใส่อุปกรณ์ป้องกันให้ เพื่อลดผลข้างเคียงในส่วนนี้

การฟอกสีฟันเป็นวิธีเปลี่ยนแปลงสีฟันที่ทำได้ไม่ยาก ใช้เวลาไม่นาน เหมาะกับผู้ที่อยากให้ฟันขาวขึ้นภายในเวลาอันรวดเร็ว และยังไม่ได้มีความต้องการถึงขั้นมีสีฟันที่ขาวคงอยู่ตลอดชีวิต ในกรณีนี้ ทันตแพทย์อาจแนะนำให้ทำวีเนียร์แทน ซึ่งเป็นการนำชิ้นส่วนเซรามิกรูปร่างเหมือนฟันมาแปะติดที่ผิวฟันด้านหน้าแทน

มีคำถามเกี่ยวกับ ฟอกสีฟัน? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

หากคุณติดตั้ง LINE บนคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว ระบบจะเปิดบัญชีทางการ LINE ของ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ โดยอัตโนมัติ

หากคุณยังไม่ได้ติดตั้ง LINE บนเดสก์ท็อป โปรดสแกน QR โค้ดด้วย LINE บนโทรศัพท์มือถือของคุณเพื่อเริ่มแชทกับ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ