การนวดเป็นศาสตร์การบำบัดประเภทหนึ่งและได้ความนิยมมายาวนาน ปัจจุบันการนวดได้พัฒนารูปแบบและเทคนิคมาหลายแบบเพื่อให้เหมาะกับอาการและความพึงพอใจของผู้รับบริการ หนึ่งในนั้นคือการนวดสวีดิชซึ่งเป็นศาสตร์การนวดที่ได้รับความนิยมและมีชื่อเสียงจากฝั่งยุโรป
สารบัญ
นวดสวีดิชคืออะไร?
นวดสวีดิช (Swedish Massage) เป็นศาสตร์การนวดที่ได้รับความนิยมในฝั่งยุโรป จัดเป็นการนวดขั้นพื้นฐาน (Classic Massage) ของชาวยุโรป เทคนิคการนวดหลักๆ คือการลูบ การบีบ การเคาะ การกด และการเขย่า น้ำหนักที่ใช้ในการนวดไม่มาก มุ่งเน้นที่การผ่อนคลายกล้ามเนื้อชั้นบนและลดอาการเจ็บปวดของกล้ามเนื้อ
นวดสวีดิชเหมาะกับใคร?
การนวดสวีดิชเหมาะกับผู้ที่ต้องทำกิจกรรมท่าเดิมซ้ำๆ เช่น ผู้ที่ต้องนั่งหรือยืนทำงานในโรงงานนานๆ ผู้ที่นั่งทำงานออฟฟิศทั้งวัน เป็นต้น
นวดสวีดิชไม่เหมาะกับใคร?
แม้การนวดสวีดิชจะมีประโยชน์มากและเป็นที่นิยม แต่ไม่เหมาะกับผู้ใช้บริการที่มีลักษณะดังนี้
- ผู้ที่เป็นมะเร็ง ควรงดนวดบริเวณที่เป็นมะเร็ง เพราะการออกแรงนวดอาจทำให้ก้อนเนื้อมะเร็งได้รับการกระทบกระเทือนหรือแตกได้
- ผู้ที่มีอาการบาดเจ็บหรืออักเสบเฉียบพลัน บวม แดง ร้อน เพราะการออกแรงนวดอาจทำให้อาการบาดเจ็บบอบช้ำมากกว่าเดิม
- ผู้ป่วยภาวะหลอดเลือดอุดตันห้ามนวด เพราะการนวดสวีดิชมีทั้งการบีบ กด เคาะ และเขย่าตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทำให้เส้นเลือดได้รับแรงนวดโดยตรงจึงเสี่ยงที่ลิ่มเลือดจะไปอุดตันหลอดเลือดที่เลี้ยงอวัยวะต่างๆ ได้
- ผู้ที่กระดูกแตก หัก ร้าว ที่ยังไม่หายดี เพราะอาจทำให้กระดูกอาจหักซ้ำได้
- ผู้ที่เป็นโรคติดเชื้อทางผิวหนังทุกชนิด เพราะการนวดเป็นการสัมผัสตัวกันโดยตรง ทำให้มีโอกาสแพร่เชื้อสูง
- สตรีมีครรภ์ควรงดเว้น เพื่อหลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือนทารกในครรภ์จากการนวด
- ผู้ที่มีภาวะกระดูกพรุน กระดูกบาง
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
นวดสวีดิชต่างกับนวดแบบอื่นยังไง?
การนวดสวีดิชเป็นการนวดที่มีเทคนิคการนวดหลักๆ คือ การลูบ การบีบ การเคาะ การกด และการเขย่า โดยใช้น้ำหนักการนวดไม่มากนัก มุ่งเน้นที่การผ่อนคลายกล้ามเนื้อชั้นบน เพื่อลดอาการเจ็บปวดของกล้ามเนื้อ ซึ่งมีเทคนิคและเป้าหมายที่ต่างจากการนวดแบบอื่นๆดังนี้
- นวดไทย (Thai Massage) เป็นการใช้ศาสตร์บำบัดและรักษาโรคแขนงหนึ่งของการแพทย์แผนไทย โดยใช้ส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น มือ เท้า แขน ศอก เข่า และเท้าในการนวด เน้นการกด การคลึง การบีบ การดัด การดึง การอบและประคบ
- การนวดอโรม่า (Aromatherapy Massage) หรือ นวดน้ำมันอโรม่า เป็นการนวดด้วยน้ำมันหอมระเหย ที่ทำขึ้นจากพืชและสมุนไพรต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายและสุขภาพ การนวดนี้ไม่เน้นการลงน้ำหนัก แต่เน้นให้เป็นการผ่อนคลาย สบายตัว ลดความอ่อนเพลียและการตึงของกล้ามเนื้อ โดยมีน้ำมันช่วยในการเพื่มความชุ่มชื่น ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ สดใส
- นวดกดจุด (Deep Tissue Massage) เป็นการนวดคล้ายกับการนวดสวีดิช แต่มีน้ำหนักการนวดมากกว่า เพื่อให้ลงไปถึงกล้ามเนื้อส่วนลึก ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของข้อต่อ กล้ามเนื้อ ปรับสมดุลของร่างกาย
- นวดสปอร์ต (Sports Massage) สามารถนวดได้ทั้งก่อนการเล่นกีฬา ระหว่างการเล่นกีฬา และหลังการเล่นกีฬา โดยที่ไม่ทำให้กล้ามเนื้อได้รับการบาดเจ็บ จำเป็นอย่างยิ่งต้องได้รับการนวดจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง การนวดสปอร์ตจะนวดกล้ามเนื้อส่วนลึกข้างใน จึงใช้น้ำหนักการนวดค่อนข้างแรง
ประโยชน์ของการนวดสวีดิช
การนวดสวีดิชนอกจากจะช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย รู้สึกสดชื่นแล้วยังมีปะโยชน์หลักอื่นๆ อีกมากมาย ดังนี้
- ช่วยกระตุ้นในการกำจัดของเสียออกจากร่างกาย การนวดทำให้หลอดเลือดขยายตัวทำช่วยการไหลเวียนกลับของหลอดเลือดดำ และเพิ่มการไหลเวียนของหลอดเลือดแดงเข้ามาแทนที่มากขึ้น ส่งผลให้เซลล์กล้ามเนื้อได้รับออกซิเจนและสารอาหารอย่างเพียงพอ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการกำจัดของเสียออกจากร่างกาย โดยเฉพาะกรดแลคติค (2-Hydroxypropanoic Acid) ซึ่งเป็นสาเหตุอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออักเสบ และเป็นสาเหตุการสะสมของเสียในร่างกาย
- บรรเทาอาการปวดเมื่อย ช่วยคลายความปวดเมื่อยของร่างกาย เช่น อาการออฟฟิศซินโดรม อาการเหนื่อยล้าจากการทำงานหรือเล่นกีฬา
- ช่วยให้กล้ามเนื้อคงรูปได้สัดส่วน ไม่ห่อเหี่ยว โดยเฉพาะผู้ป่วยติดเตียงที่นอนตลอดเวลา กล้ามเนื้อจึงไม่ได้ใช้งานทำให้เหี่ยวลีบลงเรื่อยๆ การนวดสวีดิชสามารถช่วยทดแทนการออกกำลังได้บางส่วน และช่วยให้กล้ามเนื้อไม่ลีบเร็วเกินไป
- ช่วยให้กล้ามเนื้อยืดหยุ่น เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของกล้ามเนื้อที่ไม่ค่อยใช้งาน ทำให้กล้ามเนื้อยืดหยุ่นได้ดีขึ้น
- ช่วยรักษาอาการกล้ามเนื้อหดเกร็งหรือกล้ามเนื้อขมวดปม โดยอาการกล้ามเนื้อขมวดปมเกิดจากเส้นใยของกล้ามเนื้อเมื่อยล้าพันกันยุ่งเหยิง หดตัว และเกิดพังผืดแข็งที่ปลายกล้ามเนื้อ โดยมีสาเหตุจากความเครียด การใช้งานกล้ามเนื้อหนักเป็นเวลานาน หรือการทำกิจกรรมที่ต้องอยู่ในท่าผิดปกติเป็นเวลานานต่อเนื่องกัน ซึ่งการนวดสวีดิชทำให้กล้ามเนื้อยืดผ่อน
- ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันมีประสิทธิภาพมากขึ้น การนวดมีผลต่อการเพิ่มของระดับภูมิคุ้มกัน เพราะนอกจากการนวดจะช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายแล้ว ยังช่วยลดความเครียดอีกด้วย ซึ่งความความเครียดมีผลกดระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ดังนั้น เมื่อร่างกายไม่มีความเครียดหรือความวิตกกังวล ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้ดีขึ้น
- ช่วยให้ผิวหนังมีสุขภาพดี เพราะการนวดทำให้เนื้อเยื่อบริเวณที่นวดมีอุณหภูมิสูงขึ้น เลือดจึงมาเลี้ยงผิวหนังได้มากขึ้น
- ช่วยคลายความเครียดและความวิตกกังวล ในระหว่างการนวดสมองจะหลั่งสารเอ็นโดรฟินที่ช่วยให้ผู้เข้ารับบริการรู้สึกผ่อนคลาย
- ช่วยกระตุ้นการรักษารอยแผลเป็น การนวดช่วยกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกตื่นตัว และการทำงานของระบบประสาท จึงช่วยให้การรักษารอยแผลเป็นมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การเตรียมตัวก่อนนวดสวีดิช
เพื่อให้ผลการนวดมีประสิทธิภาพเต็มที่ ผู้เข้ารับบริการต้องเตรียมตัวให้พร้อมดังนี้
- ควรแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบโรคประจำตัว จุดที่มีปัญหา เช่น ความดันโลหิตสูงหรือต่ำ โรคเบาหวาน อาการบาดเจ็บ โรคเกี่ยวกับกระดูก เป็นต้น
- ควรรับประทานอาหารก่อนเข้ารับบริการอย่างน้อย 1 ชั่วโมง หรือหากเป็นอาหารว่าง เช่น กาแฟ ขนม หรือผลไม้ ควรรับประทานก่อนอย่างน้อย 30 นาที
- ทำใจให้สบาย เพื่อให้ผ่อนคลายระหว่างการนวดอย่างเต็มที่
- อาบน้ำชำระเหงื่อไคลต่างๆ ทั่วร่างกายให้สะอาดมากที่สุด โดยเฉพาะบริเวณข้อพับต่างๆ และจุดซ่อนเร้นของคุณ
- สวมชุดที่เจ้าหน้าจัดเตรียมไว้ให้ หรือชุดที่สวมเสื้อผ้าที่รู้สึกสบาย เนื้อผ้าไม่หนาและไม่มีปมแข็ง
ขั้นตอนการนวดสวีดิช
การนวดสวีดิชเป็นเทคนิคการนวดอย่างเป็นจังหวะเพื่อให้กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อทั่วร่างกายผ่อนคลาย โดยมี 5 ขั้นตอนที่มีเทคนิคที่แตกต่างกันดังนี้
- เทคนิคการลูบ (Effleurage) การนวดสวีดิชเริ่มด้วยเทคนิคการลูบทั่วร่างกายตามแนวยาวด้วยฝ่ามือด้วยน้ำหนักสม่ำเสมอ โดยออกแรงกดเล็กน้อยตามแนวเส้นเลือดดำ การนวดสวีดิชมักมีการใช้น้ำมันหรือโลชั่นร่วมด้วย เพื่อให้การนวดง่ายขึ้น
- เทคนิคการบีบ (Petrissage) หลังจากเทคนิคการลูบจะนวดด้วยเทคนิคการบีบ ที่ประกอบด้วย การเค้นคลึง การรีดกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย เพื่อให้เข้าถึงกล้ามเนื้อชั้นลึกและเนื้อเยื่ออ่อนตามร่างกาย
- เทคนิคการเคาะ (Tapotement) ขั้นตอนนี้จะใช้การเคาะ การตบ การตี กล้ามเนื้อเป็นจังหวะ ด้วยสันมือ ปลายนิ้ว หรือเคาะแบบกำมือและแบมือ
- เทคนิคการกด (Friction) เทคนิคการกด เป็นการออกแรงนวดและกดลงบนกล้ามเนื้อ หรือข้อต่อเฉพาะจุด เพื่อให้เส้นเอ็นหรือพังผืดที่หดเกร็งคลายตัว ผู้รับบริการอาจรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว
- เทคนิคการเขย่า (Vibration) ขั้นตอนสุดท้ายการนวดสวีดิชคือเทคนิคการเขย่าเพื่อทำให้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ผ่อนคลาย การเขย่าช่วยให้กล้ามเนื้อชั้นลึกคลายตัว
ในระหว่างการนวดผู้เข้ารับบริการควรทำใจให้สบาย หายใจเข้าลึกๆ ยาวๆ เพื่อช่วยลดความเครียดและขับไล่ความคิดด้านลบออกไป จะช่วยให้การนวดสวีดิชได้ผลลัพธ์ท่ดียิ่งขึ้น
นวดสวีดิชเจ็บไหม?
การนวดสวีดิชเป็นการนวดที่เน้นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อชั้นบน โดยใช้น้ำหนักการนวดไม่มาก ดังนั้นผู้เข้ารับการนวดสวีดิชจึงไม่รู้สึกเจ็บ
การดูแลตัวเองหลังนวดสวีดิช
แม้การนวดสวีดิชจะเป็นการบำบัดและช่วยให้ผ่อนคลาย แต่การดูแลตัวเองหลังนวดสวิดิชที่ดีจะช่วยให้ผลลัพธ์ประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้นโดยปฏิบัติดังนี้
- หลังการนวดไม่ควรอาบน้ำทันที ควรนั่งพักเพื่อผ่อนคลายจนร่างกายพร้อมที่จะทำกิจกรรมปกติ
- ควรดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำอุณหภูมิปกติหลังการนวด เพราะการนวดสวีดิชช่วยกระตุ้นในการกำจัดของเสียออกจากร่างกาย โดยน้ำเป็นสิ่งจำเป็นในกระบวนการกำจัดของเสียออกจากร่างกาย นอกจากนี้การดื่มน้ำยังช่วยลดอาการปวดที่อาจเกิดขึ้น และยังเป็นการเติมความชุ่มชื้นให้ร่างกายหลังการนวดด้วย
- ควรงดเล่นกีฬา หรือทำกิจกรรมที่ใช้แรงมากอย่างน้อย 12 ชั่วโมงหลังนวด
- ทำตัวผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ เช่น ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีนอย่างน้อย 12 ชั่วโมงหลังนวด เพราะทั้ง 2 สิ่งนี้ทำให้ร่างกายขาดน้ำ ไม่เป็นผลดีกับกระบวนการกำจัดของเสียออกจากร่างกาย
โดยสรุปแล้ว การนวดสวีดิชเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการผ่อนคลายร่างกาย ลดความเครียด กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ไม่ลงน้ำหนักมากเกินไป มีเพียงผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือโรคเรื้อรังบางชนิดเท่านั้นที่ควรหลีกเลี่ยง