เป็นงูสวัดห้ามกินอะไรบ้าง อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง

โรคงูสวัด (Shingles) เป็นโรคที่มีสาเหตุหลักมาจากภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอ จนทำให้เชื้อไวรัสวาริเซลลาร์ ซอสเตอร์ (Varicella Zoster Virus: VZV) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสชนิดเดียวกับที่เกิดโรคอีสุกอีใส และซ่อนตัวอยู่ในปมประสาทของร่างกายออกมาก่อโรคงูสวัดขึ้น ดังนั้น หากกำลังป่วยเป็นโรคงูสวัด จึงควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ มีสารอาหาร และแร่ธาตุสำคัญที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรงขึ้น และควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทที่ทำให้อาการของโรคร้ายแรงขึ้นกว่าเดิมด้วย

มีคำถามเกี่ยวกับ อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

หากอาการของโรคงูสวัดรุนแรงขึ้น ระบบประสาทในร่างกายก็จะเสียหายหนักและอาจทำให้เกิดอาการร้ายแรงตามมา เช่น ตาบอด สูญเสียการได้ยิน เป็นอัมพาตบริเวณใบหน้า อวัยวะภายในเกิดการติดเชื้อ

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงระหว่างเป็นโรคงูสวัด มีอะไรบ้าง?

อาหารที่ผู้ป่วยโรคงูสวัดควรหลีกเลี่ยงในระหว่างรักษาโรคให้ดีขึ้น มีดังต่อไปนี้

1. อาหารที่มีสารอาร์จีนีนมาก

สารอาร์จีนิน (Arginine) เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งซึ่งมีส่วนทำให้เซลล์เชื้อไวรัสวาริเซลลา ซอสเตอร์ (Varicella Zoster Virus: VZV) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสซึ่งทำให้เกิดโรคงูสวัด และโรคอีสุกอีใสแบ่งตัว และลุกลามออกไปมากขึ้น

โดยอาหารที่พบสารอาร์จีนีนในปริมาณมาก ได้แก่

  • ช็อกโกแลต
  • ถั่ว เมล็ดพืช
  • องุ่น
  • จมูกข้าวสาลี
  • กะหล่ำปลีเล็ก
  • บลูเบอร์รี
  • ทูน่ากระป๋อง
  • เจลาติน
  • มะเขือเทศ

2. อาหารที่มีน้ำตาลสูง

ในระหว่างรักษาโรคงูสวัด ให้หลีกเลี่ยงอาหาร เครื่องดื่ม รวมถึงขนมที่มีน้ำตาลสูง เนื่องจาก น้ำตาล เป็นสารอาหารที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันเสื่อมสภาพลงมากกว่าเดิม อีกทั้งยังไปยับยั้งการทำงานของเม็ดเลือดขาวในการขจัดเชื้อไวรัสให้ออกไปจากร่างกายอีกด้วย

3. คาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการขัดสี

คาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการขัดสี (Refined Carbohydrates) มีส่วนทำให้ดัชนีมวลน้ำตาลในร่างกายคุณสูงขึ้น ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานรวดเร็วกว่าเดิม ซึ่งจะส่งผลให้ร่างกายมีพลังงานไปขับเคลื่อนภูมิคุ้มกันร่างกายไม่มากพอ

ตัวอย่างอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตซึ่งผ่านการขัดสี และควรหลีกเลี่ยง ได้แก่

  • ขนมปังขาว
  • ข้าวขาว
  • มักกะโรนี
  • เส้นพาสต้า
  • ซีเรียลอาหารเช้า
  • มันฝรั่งขาว

4. อาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง

เพราะอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูงยังมีแต่ไปสร้างไขมันส่วนเกินอันเป็นตัวการก่อให้เกิดโรคเบาหวาน ซึ่งผู้ป่วยโรคเบาหวานคือ อีกกลุ่มผู้ป่วยที่มักมีอาการของโรคงูสวัดร้ายแรงกว่าปกติ

อีกทั้งการรับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ หรือไขมันไม่อิ่มตัวในปริมาณที่เหมาะสมแทน จะช่วยสร้างเสริมภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรงขึ้น และควบคุมเชื้อไวรัส VZV ไม่ให้แพร่กระจายมากเกินไปจนเกิดเป็นโรคงูสวัดได้

มีคำถามเกี่ยวกับ อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

โดยตัวอย่างอาหารมีไขมันอิ่มตัวสูงที่ควรหลีกเลี่ยงได้แก่

  • เนื้อสัตว์ติดมัน
  • ขนมปังที่มีเนย นม ครีม ชีส น้ำตาลสูง
  • อาหารทอด
  • ซุปครีม
  • แฮมเบอร์เกอร์
  • พิซซ่า
  • ไอศกรีม

5. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

แอลกออฮอล์เป็นตัวขัดขวางการฟื้นตัวของร่างกายขณะรักษาโรคงูสวัด และทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานช้าลง ทำให้อาการของโรคหายช้า

นอกจากนี้ แอลกอฮอล์ยังไปรบกวนไมโครไบโอม (Mocrobiome) ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ชนิดดีซึ่งมีส่วนช่วยให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับเชื้อโรคได้ดีขึ้น

ทั้งยังไปทำลายเซลล์เนื้อเยื่อบุ (the epithelial cells) ซึ่งมีหน้าที่เรียบเรียงเซลล์ทีเฮลเปอร์ (T helper cell) ซึ่งเป็นเซลล์ในเม็ดเลือดขาวชนิดนึ่ง และเม็ดเลือดขาวชนิดนิวโตรฟิล (Neutrophil) ทำให้การป้องกันเชื้อไวรัสของร่างกายอ่อนแอลง

อาหารเสริมภูมิต้านทานขณะรักษาโรคงูสวัด

อาหารช่วยเสริมภูมิต้านทานให้มีประสิทธิภาพในการต่อสู้เชื้อโรคมากขึ้น ได้แก่

  • อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ เช่น พริกหยวกแดง ไข่ ผักโขม ผักบุ้ง มันฝรั่ง ฟักทอง
  • อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี 12 เช่น เนื้อปลา นม ตับ ไข่ ซีเรียลธัญพืช
  • อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซี เช่น ส้ม สัปปะรด มะละกอ
  • อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินอี เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันจมูกข้าวสาลี เมล็ดข้าวโพด มันเทศ ส้มโอ
  • อาหารที่อุดมไปด้วยธาตุสังกะสี เช่น เมล็ดทานตะวัน ข้าวกล้อง เนื้อสัตว์

อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยควรระมัดระวังเรื่องการแพ้อาหารด้วย หรือหากคุณเป็นผู้ป่วยโรคงูสวัดที่มีโรคอื่นๆ แทรกซ้อนอยู่ด้วย เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ให้ปรึกษาแพทย์ว่า ควรรับประทานอาหารประเภทไหนเพื่อรักษาโรคงูสวัดให้หายเร็วยิ่งขึ้น

หากไม่แน่ใจว่า มีภาวะแพ้อาหาร หรือมีภาวะภูมิแพ้อาหารแฝงหรือไม่ ผู้ป่วยอาจลองสังเกตการรับประทานอาหารแต่ละชนิดของตัวเอง ซึ่งหากรับประทานอาหารชนิดไหนแล้วมีอาการผื่นขึ้น หายใจลำบาก ปวดท้อง ท้องอืด ท้องเสีย เป็นประจำ อาจพิจารณาตรวจภูมิแพ้อาหาร หรือตรวจภาวะภูมิแพ้อาหารแฝงดู เพื่อจะได้หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ตนเองแ

คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยงูสวัด

  • หลีกเลี่ยงการออกจากบ้าน เนื่องจากขณะที่ป่วย เชื้อไวรัสสามารถแพร่กระจายสู่ผู้ที่ไม่มีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อได้ง่าย (ผู้ที่ไม่เคยป่วยเป็นอีสุกอีใส หรือผู้ที่ไม่เคยได้รับวัคซีนอีสุกอีใสมาก่อน) ดังนั้นผู้ป่วยควรรักษาตัวอยู่ที่บ้านจนกว่าแผลจะหายดี
  • หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้เด็กเล็ก เพราะอาจทำให้เด็กติดเชื้อและป่วยเป็นอีสุกอีใส
  • หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับหญิงตั้งครรภ์ เพราะหญิงตั้งครรภ์อาจได้รับเชื้อและป่วยเป็นอีสุกอีใสระหว่างตั้งครรภ์
  • หลีกเลี่ยงการแกะ แคะ เกา แผลที่เกิดจากงูสวัด เพราะจะทำให้แผลหายช้าและยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อเพิ่มเติมด้วย
  • หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้าหนาๆ เพื่อป้องกันการเสียดสีระหว่างผิวหนังที่เป็นผื่นกับเสื้อผ้า เพราะจะยิ่งทำให้ผู้ป่วยเจ็บปวดมากขึ้น
  • ไม่ควรฉีดพ่น หรือทายาใดๆ ที่ไม่ได้รับการรับรองจากแพทย์ลงบนผื่นตุ่มน้ำงูสวัด เช่น หญ้า สมุนไพรหรือยาสีฟัน เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อรุนแรงยิ่งขึ้น
  • หากมีอาการแสบร้อนผื่นงูสวัด ควรประคบรอยผิวหนังด้วยน้ำเกลือสะอาดนานครั้งละ 10 นาที วันละ 3-4 ครั้ง
  • หากมีอาการปวดสามารถรับประทานยาพาราเซตามอลได้ ทั้งนี้ควรปฏิบัติตัวตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด เพื่อให้อาการบรรเทาลงโดยเร็วที่สุด

เป็นที่ทราบกันดีว่า การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ถูกวิธีเป็นส่วนสำคัญที่จะเสริมภูมิคุ้มกัน รวมถึงเสริมระบบการทำงานต่างๆ ทุกระบบในร่างกายให้มีประสิทธิภาพ สามารถต่อสู้ และขจัดเชื้อโรค สิ่งแปลกปลอมต่างๆ ได้

ดังนั้นหากคุณเจ็บป่วยเป็นโรคใดก็ตาม การปรับเปลี่ยนเมนูอาหารเพื่อเสริมความแข็งแรงให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายจึงเป็นยาที่สำคัญอีกประเภทไม่แพ้ยารับประทาน หรือยาฉีดที่ได้รับจากแพทย์ และยังสามารถช่วยบรรเทาอาการป่วยได้


เปรียบเทียบราคาแพ็กเกจฉีดวัคซีนป้องกันโรคงูสวัด

มีคำถามเกี่ยวกับ อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

หากคุณติดตั้ง LINE บนคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว ระบบจะเปิดบัญชีทางการ LINE ของ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ โดยอัตโนมัติ

หากคุณยังไม่ได้ติดตั้ง LINE บนเดสก์ท็อป โปรดสแกน QR โค้ดด้วย LINE บนโทรศัพท์มือถือของคุณเพื่อเริ่มแชทกับ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ