เลือดเป็นด่างจากการหายใจ (Respiratory Alkalosis)

ภาวะเลือดเป็นด่างจากการหายใจ เป็นภาวะที่ร่างกายมีระบบหายใจที่ผิดปกติทำให้มีการระบายอากาศเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาเกินไป เลือดจึงมีฤทธิ์เป็นด่าง โดยมี PaCO2 น้อยกว่า 35 มม.ปรอท และ pH ในเลือดมากกว่า 7.45 ปกติอาการเลือดเป็นด่างจะไม่มีอันตรายมากนัก แต่หากพบอาการผิดปกติร่วมด้วยควรรีบพบแพทย์

สาเหตุการเกิดภาวะเลือดเป็นด่าง 

  • สาเหตุที่เกิดจากปอด เช่น ภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำ (Hypoxemia) ภาวะปอดบวม (Pneumonia) หอบหืดแบบเฉียบพลัน (Acute asthma)
  • สาเหตุที่ไม่ได้เกิดจากปอด เช่น วิตกกังวล ไข้สูง พิษจากยาแอสไพริน
  • สาเหตุอื่นๆ เช่น ภาวะเลือดเป็นด่างจากเมตาบอลิซึม ภาวะไตวาย การตั้งครรภ์ (มีการหลั่งโปรเจสเตอโรนเพิ่มขึ้นและกระตุ้นศูนย์หายใจ) การติดเชื้อในกระแสเลือด (Sepsis)

กระบวนการเกิดภาวะเลือดเป็นด่าง

เมื่อมีการระบายอากาศเพิ่มขึ้นจะทำให้ขับคาร์บอนไดออกไซด์ออกไปจากร่างกาย ระดับความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดจะต่ำลง ซึ่งนำไปสู่การผลิตกรดคาร์บอนิกลดลง ส่วน pH ของเลือดจะเพิ่มขึ้น

ภาวะนี้ไฮโดรเจนอิออนจะถูกดึงออกจากเซลล์โดยแลกเปลี่ยนกับโพแตสเซียมอิออน ทำให้โพแตสเซียมในเลือดต่ำลง ไฮโดรเจนไอออนที่ออกจากเซลล์เข้ามาในเลือดจะจับกับไบคาร์บอเนตไอออนเป็นกรดคาร์บอนิก เพื่อให้ pH ของเลือดลดลง

นอกจากนี้ไบคาร์บอเนตบางส่วนจะเข้าเซลล์และขับคลอไรด์ในเซลล์ออกมาแทน ทำให้คลอไรด์ในเลือดสูงขึ้น ฟอสเฟตเข้าเซลล์

ในผู้ป่วยที่มีการขับคาร์บอนไดออกไซด์ออกอย่างมาก ภาวะคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดต่ำจะกระตุ้นคาโรติคบอดี (Carotid body) เอออร์ติกบอดี (Aortic body) และเมดัลลาให้เพิ่มการเต้นของหัวใจ โดยไม่เพิ่มความดันโลหิต ส่วนภาวะคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดต่ำยังคงดำเนินต่อไป

ภาวะนี้จะทำให้หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองหดตัว เลือดไปเลี้ยงสมองลดลง นอกจากนี้ยังมีผลกระตุ้นเซลล์สมองส่วนเมดัลลา พอนส์ และส่วนที่เกี่ยวกับระบบประสาทอัตโนมัติให้ไวต่อการถูกเร้า

ทำให้เกิดอาการเหล่านี้ เช่น วิงเวียน สับสน หน้ามืด มีอาการชา เป็นลม และอาจเกิดการชักจากการขาดเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง คลื่นไส้อาเจียนจากสมองขาดเลือด ในกรณีที่รุนแรงอาจเกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะ หากตรวจรีเฟล็กซ์จะพบว่า มีรีเฟล็กซ์ไวกว่าปกติ Chrostek’s sign และ Trousseau’s sign ให้ผลบวก

นอกจากนี้ยังมีอาการใจสั่น เหงื่อออก กระสับกระส่าย อาจมีอาการกระตุก อาการชัก หัวใจเต้นผิดจังหวะเนื่องจากโพแตสเซียมในเลือดต่ำ

การวินิจฉัยโรค 

จากประวัติจะบ่งชี้ถึงสาเหตุของการเกิดภาวะเลือดเป็นด่างจากการหายใจ หากตรวจร่างกายพบจะพบอาการต่อไปนี้

  • เหงื่อออกมาก
  • หายใจเร็วตื้น
  • ใจสั่น
  • หัวใจเต้นผิดจังหวะ
  • มีการกระตุกของกล้ามเนื้อ
  • มีอาการชาตามปลายนิ้ว และอาจแผ่ขึ้นไปที่แขนและขา
  • Chrostek’s sign และ Trousseau’s sign ได้ผลบวก
  • รู้สึกวิงเวียนศีรษะ ชักและหมดสติ
  • รีเฟล็กซ์ไวกว่าปกติ
  • การตรวจทางห้องปฏิบัติการ pH มากกว่า 7.45 PaCO2 น้อยกว่า 35 มม.ปรอท Serum K+ มากกว่า 3.5 mEq/L

การรักษา 

โดยทั่วไปการรักษาภาวะนี้อาจไม่จำเป็น แต่การรักษาอาจจำเป็นในกรณีมีอันตรายดังต่อไปนี้

  • หากผู้ป่วยมีอาการไม่มากและ pH น้อยกว่า 7.50 อาจใช้การหายใจในถุงกระดาษเพื่อช่วยควบคุมการหายใจลึกและเร็วผิดปกติ
  • หากผู้ป่วยใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ให้แก้ไขโดยการปรับลดอัตราเร็วต่อนาที

การพยาบาล

ให้การพยาบาลผู้ป่วยเพื่อป้องกันภาวะพร่องออกซิเจนและคงไว้ซึ่งสมดุลของภาวะกรดด่างในเลือด โดยแนะนำวิธีดังนี้

  • ผ่อนคลายความเครียด
  • ให้ยาสงบประสาท
  • ให้ผู้ป่วยหายใจในถุงเพื่อเพิ่มคาร์บอนไดออกไซด์
  • หมั่นตรวจดูการทำงานของเครื่องช่วยหายใจ
  • ดูแลให้ผู้ป่วยพักผ่อนอย่างเพียงพอ
  • ประเมินสัญญาณชีพทุก 1-4 ชั่วโมง หากพบความผิดปกติ รายงานแพทย์ทราบเพื่อให้การช่วยเหลือได้ทันท่วงที
  • ติดตามผลการตรวจเลือดเกี่ยวกับกรด-ด่าง
  • ให้อิเล็กโทรไลต์ทดแทนทางปาก หรือทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา
  • บันทึกปริมาณน้ำเข้า-ออกทุก 8 ชั่วโมง

ภาวะเลือดเป็นด่างจากการหายใจแม้ไม่มีอันตรายมาก แต่ก็ควรได้รับการแก้ไขให้ทันท่วงทีเพื่อให้รัดับ pH ในเลือดกลับมาเป็นปกติ ไม่มีอาการผิดปกติรบกวนชีวิตประจำวัน

Scroll to Top