แช่ออนเซ็น เพิ่มความผ่อนคลายให้จิตใจพร้อมได้ประโยชน์ต่อสุขภาพ

ปัจจุบันกระแสการฟื้นฟูร่างกายและผิวพรรณที่เวลเนสหรือสปากำลังเป็นที่นิยมกันอย่างมาก ทั้งยังมีตัวเลือกในการให้บริการที่หลากหลายด้าน เช่น การนวด การทำสปาหรือขัดตัว ทำทรีตเมนต์ผิว เล่นโยคะ กายภาพบำบัด รวมถึงการแช่ออนเซ็น ที่นอกจากจะได้เพิ่มความผ่อนคลายให้กับร่างกายในบรรยากาศแบบญี่ปุ่นแล้ว กิจกรรมบำบัดสุขภาพประเภทนี้ยังช่วยส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดีขึ้นหลายด้านด้วย

แช่ออนเซ็นมีประโยชน์อะไรบ้าง

  • เสริมระบบไหลเวียนเลือดให้ทำงานคล่องตัว ผ่านความร้อนของน้ำที่จะไปขยายหลอดเลือดทั่วร่างกาย และยังช่วยขับออกซิเจนให้หมุนเวียนในหลอดเลือดอย่างทั่วถึงมากขึ้นด้วย
  • เพิ่มความผ่อนคลาย ผ่านบรรยากาศและการแช่ตัวอยู่ในน้ำ ช่วยลดความเครียดหรือความวิตกกังวล
  • ลดความตึงปวดของกล้ามเนื้อ
  • ปรับสมดุลสุขภาพผิวจากแร่ธาตุในน้ำ ลดโอกาสเป็นโรคสะเก็ดเงินหรือโรคผิวหนังอักเสบ

การแช่ออนเซ็นเหมาะกับใคร

การแช่ออนเซ็นเป็นกิจกรรมผ่อนคลายที่คนส่วนใหญ่สามารถใช้บริการได้ โดยอาจเหมาะกับ

  • คนที่กำลังอ่อนล้าจากการทำงาน
  • คนที่ออกกำลังกายหนักจนรู้สึกเมื่อยล้า
  • คนที่กำลังเผชิญความเครียด ความวิตกกังวลจากปัญหาบางอย่าง
  • คนที่อยากหากิจกรรมบำบัดสุขภาพกายและใจผ่านการแช่น้ำร้อน

ใครไม่ควรแช่ออนเซ็น

เนื่องจากการแช่ออนเซ็นเป็นแช่น้ำร้อนอุณหภูมิสูง จึงสามารถสร้างผลกระทบต่อผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือมีเงื่อนไขสุขภาพบางประการได้ และควรปรึกษาแพทย์เสียก่อนตัดสินใจรับบริการแช่ออนเซ็น เพื่อความปลอดภัย เช่น

  • หญิงตั้งครรภ์
  • หญิงที่กำลังมีประจำเดือน ควรรอให้รอบประจำเดือนหมดก่อน
  • ผู้ป่วยโรคหัวใจ
  • ผู้ป่วยโรคไต
  • ผู้ป่วยโรคความดันโลหิต
  • ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
  • ผู้ที่มีแผลสดตามร่างกาย
  • ผู้ที่กำลังมีไข้สูง
  • ผู้ที่มีภาวะขาดน้ำ
  • ผู้ที่เพิ่งบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • หากเพิ่งออกกำลังกาย ควรพักร่างกายประมาณ 30 นาทีก่อนแช่ออนเซ็น

ควรแช่ออนเซ็นกี่นาที?

ระยะเวลาในการแช่น้ำในบ่อออนเซ็นจะขึ้นอยู่กับอุณหภูมิน้ำที่ไปรับบริการ หากอุณหภูมิน้ำอยู่ที่ประมาณ 36 องศาเซลเซียส ก็สามารถแช่น้ำได้ประมาณ 30-40 นาทีโดยประมาณ และไม่ควรนานกว่านั้น

แต่หากอุณหภูมิน้ำสูงถึง 40-42 องศาเซลเซียส ผู้เข้ารับบริการไม่ควรแช่น้ำเกิน 5-10 นาที เนื่องจากอุณหภูมิน้ำที่ร้อนจัดอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ และเสี่ยงที่จะเกิดอาการเวียนศีรษะหรือเป็นลม

ทั้งนี้ หากไม่แน่ใจว่าอุณหภูมิของน้ำในบ่อออนเซ็นที่รับบริการสูงเพียงใด และควรแช่นานแค่ไหน ควรสอบถามผู้ให้บริการอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ

แช่ออนเซ็นได้บ่อยแค่ไหน?

ความถี่ในการแช่ออนเซ็นอย่างเหมาะสมและไม่ทำให้กระทบต่อสุขภาพควรอยู่ที่ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์

การเตรียมตัวก่อนแช่ออนเซ็น

การแช่ออนเซ็นไม่ต้องอาศัยการเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษ เว้นแต่ผู้ที่เพิ่งออกกำลังกายเสร็จควรพักร่างกายก่อนสัก 30 นาทีก่อนแช่ รวมถึงผู้ที่มีประจำเดือนควรรอให้ประจำเดือนหมดเสียก่อน นอกนั้นการเตรียมตัวก่อนแช่ออนเซ็นทั่วไป อาจมีดังต่อไปนี้

  • ถอดเสื้อผ้าออกทุกชิ้น รวมถึงถอดเครื่องประดับที่ใส่อยู่ออกทั้งหมดด้วย แล้วเก็บไว้ในล็อคเกอร์หรือตู้เก็บของที่ทางบ่อออนเซ็นจัดเตรียมเอาไว้ให้
  • อาบน้ำให้สะอาดก่อน โดยทั่วไปทางออนเซ็นจะจัดเตรียมโซนอาบน้ำเอาไว้ให้ด้วย พร้อมสบู่และแชมพู

ขั้นตอนการแช่ออนเซ็น

แม้ขั้นตอนการแช่ออนเซ็นจะไม่มีอะไรซับซ้อน แต่การทำอย่างถูกวิธีก็อาจลดโอกาสเกิดอันตรายได้ ดังนี้

  1. ผู้เข้ารับบริการไม่ควรลงแช่ทั้งตัวทันที แต่ควรเริ่มจากการแช่เท้าและขาลงไปก่อน เพื่อให้ร่างกายคุ้นชินกับน้ำร้อน
  2. เมื่อเริ่มชินกับอุณหภูมิแล้ว จึงค่อยๆ แช่ตัวตามลงไป แต่ไม่ควรให้ศีรษะและเส้นผมสัมผัสกับน้ำร้อน เนื่องจากจะทำให้น้ำในบ่อสกปรกได้ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการใช้บริการในออนเซ็นแต่ละแห่ง

การดูแลตนเองหลังแช่ออนเซ็น

  • ดื่มน้ำให้มากๆ เพื่อลดโอกาสเกิดภาวะขาดน้ำ
  • สามารถดื่มนมเย็นหรือของหวานที่ทางออนเซ็นจัดเตรียมไว้ให้ได้
  • อย่าเพิ่งอาบน้ำในทันทีหลังแช่ออนเซ็น เพื่อให้แร่ธาตุที่มีประโยชน์จากน้ำในบ่อซึมเข้าร่างกายให้ได้มากที่สุด

ผลข้างเคียงจากการแช่ออนเซ็น

โดยทั่วไปหลังแช่ออนเซ็น ผู้เข้ารับบริการจะรู้สึกสบายตัวและผ่อนคลายมากขึ้น แต่หากแช่นานเกินไป หรือแช่ออนเซ็นโดยที่สุขภาพยังไม่พร้อม ก็อาจมีอาการข้างเคียงหลังแช่ออนเซ็นได้ โดยกลุ่มอาการที่พบได้บ่อยๆ ได้แก่

อาการดังกล่าวมักสามารถแก้ไขโดยการพักผ่อนให้มากๆ หลังแช่ออนเซ็น แต่หากรู้สึกว่า อาการไม่ดีขึ้น หรือกระทบกับชีวิตประจำวัน ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจดูอาการอีกครั้ง

สิ่งที่ไม่ควรทำระหว่างแช่ออนเซ็น

บ่อแช่ออนเซ็นหลายแห่งมีลักษณะคล้ายกับสระว่ายน้ำ รวมถึงก้ำกึ่งระหว่างบ่อแช่น้ำกับที่อาบน้ำชำระร่างกาย จึงทำให้หลายคนอาจสับสนเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติตนที่เหมาะสมระหว่างแช่ออนเซ็น โดยตัวอย่างสิ่งที่คุณไม่ควรทำในระหว่างรับบริการแช่ออนเซ็น ได้แก่

  • งดสระผมหรือฟอกสบู่ในบ่อออนเซ็น หากต้องการอาบน้ำสระผม ให้แยกตัวไปชำระร่างกายที่ห้องอาบน้ำหรือโซนอาบน้ำที่ทางบ่อออนเซ็นจัดเตรียมไว้แทน
  • ไม่ควรเอาศีรษะแช่ลงกับน้ำในออนเซ็นด้วย โดยทั่วไปการแช่ออนเซ็นจะแช่เพียงร่างกายตั้งแต่ลำคอลงไปเท่านั้น
  • งดการกระโดดน้ำหรือว่ายน้ำทุกท่าในบ่อออนเซ็น เพื่อคงบรรยากาศที่สงบเงียบและไม่รบกวนผู้เข้ารับบริการรายอื่น
  • งดนำสบู่หรือแชมพูที่ทางสถานที่จัดเตรียมไว้กลับบ้าน เนื่องจากโดยส่วนมากจะเป็นของใช้ส่วนรวมที่ผู้เข้ารับบริการจะต้องใช้ร่วมกัน
  • งดการใส่เสื้อผ้าและเครื่องประดับลงไปในบ่อออนเซ็น เพื่อคงความสะอาดของน้ำเอาไว้ ในบ่อออนเซ็นบางแห่งอาจจัดเตรียมผ้าขนหนูไว้ให้ เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการสวมใส่ระหว่างแช่ออนเซ็นได้
  • งดนำของกินหรือเครื่องดื่มเข้ามาโดยรอบบ่อออนเซ็น แต่ในบางที่อาจอนุญาตให้พกน้ำเปล่าเข้าไปได้
  • งดเติมน้ำเย็นลงไปในบ่อออนเซ็น หากรู้สึกว่า น้ำในบ่อร้อนเกินไป ให้แจ้งทางเจ้าหน้าที่
  • หากเป็นออนเซ็นแบบบ่อรวม ควรพูดคุยกันเบาๆ อย่างส่งเสียงดัง เพราะจะเป็นการรบกวนผู้เข้ารับบริการท่านอื่น

การแช่บ่อออนเซ็นเป็นกิจกรรมผ่อนคลายยามว่างที่น่าสนใจ แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้ความระมัดระวังต่อสุขภาพ รวมถึงการเคารพกฎระเบียบในการใช้งานสถานที่ด้วย หรือหากคุณอยากเพิ่มความส่วนตัวในระหว่างแช่ออนเซ็น ก็อาจลองติดต่อใช้บริการบ่อออนเซ็นแบบส่วนตัว เพื่อให้ได้รับบรรยากาศการแช่น้ำร้อนที่เงียบสงบ ไม่ต้องแชร์สถานที่กับใคร

Scroll to Top