การศัลยกรรมเสริมความงามที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทย คือ การศัลยกรรมจมูก เช่น การเสริมจมูกเพื่อให้จมูกโด่งขึ้น การเก็บปีกจมูกเพื่อให้จมูกดูเล็กลง ดูได้สัดส่วนกับรูปหน้ามากขึ้น เป็นต้น
การศัลยกรรมตกแต่งปีกจมูก มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยแก้ไขรูปทรงจมูกในผู้ที่มีปีกจมูกกว้าง รูจมูกบาน รูจมูกใหญ่ โดยการศัลยกรรมนี้จะทำให้จมูกดูเรียวเล็ก ได้สัดส่วนเข้ากับรูปหน้ามากขึ้น ด้วยแผลที่ไม่ใหญ่มากและใช้เวลาไม่นาน จึงสามารถทำร่วมกับการเสริมจมูกได้
ปกติแล้วศัลยแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาว่าจะต้องมีการผ่าตัดปีกจมูกหรือไม่ โดยมักพิจารณาจากบริเวณปลายสุดของปีกจมูก ถ้าหากมีความกว้างกว่าส่วนล่างของปีกจมูกเกินกว่า 2 มิลลิเมตร และมีรูจมูกเป็นรูปไข่ตะแคงนอน หมายความว่าผู้นั้นมีปีกจมูกใหญ่ สามารถทำการผ่าตัดให้ได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้ทำด้วย
การศัลยกรรมตัดปีกจมูก มีด้วยกัน 3 รูปแบบ คือ
- การเย็บปีกจมูก : เหมาะสำหรับผู้ที่มีปีกจมูกไม่ใหญ่มาก ซึ่งพิจารณาได้จากรูจมูก ถ้ารูจมูกดูยังได้รูปสวยงามอยู่ หมายความว่าปีกจมูกไม่ใหญ่จนเกินไป การผ่าตัดวิธีนี้จะมีแผลขนาดเล็กประมาณ 2 มิลลิเมตรที่บริเวณปีกจมูก อาจพบอาการบวมช้ำบ้างเล็กน้อย
- การเย็บปีกจมูกเทคนิคแผลด้านใน : เหมาะสำหรับผู้ที่มีปีกจมูกใหญ่ระดับปานกลาง การผ่าตัดวิธีนี้มักจะไม่ค่อยมีแผลให้เห็น เนื่องจากศัลยแพทย์จะเก็บปีกจมูกโดยการเย็บด้านใน จึงทำให้แผลอยู่ภายในจมูกแทน
- การเย็บปีกจมูกเทคนิคเย็บทั้งด้านในร่วมกับด้านนอก : เหมาะสำหรับผู้ที่มีปีกจมูกใหญ่และหนามาก การผ่าตัดนี้จะทำให้เกิดแผลทั้งด้านนอกและด้านใน และอาจมีความบวมช้ำมากกว่าการศัลยกรรมตัดปีกจมูกรูปแบบอื่นๆ
เมื่อผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะนักมาตัดไหมอีกครั้งประมาณ 10-14 วัน ในระหว่างนี้อาจพบอาการช้ำบวมอยู่บ้าง แต่ถ้าหากพบอาการผิดปกติ เช่น เลือดออกไม่หยุด แผลบวมแดงร่วมกับเจ็บปวดมาก และมีหนอง ต้องรีบกลับมาพบแพทย์ทันที เพราะอาจเกิดจากการติดเชื้อ
สิ่งสำคัญที่สุดในการศัลยกรรมตัดปีกจมูก คือการเลือกศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ และเลือกคลินิกที่ถูกสุขลักษณะอนามัย เพราะถ้าหากเลือกศัลยแพทย์ที่ไม่ถนัดการศัลยกรรมด้านนี้ แต่เน้นเรื่องราคาถูก ก็อาจเกิดปัญหาเรื่อง การตัดปีกจมูกไม่เท่ากัน จมูกผิดรูป การตัดปีกจมูกมากเกินไปจนทำให้จมูกรั้งขึ้น ซึ่งอาจต้องทำการผ่าตัดแก้ไขอีกในอนาคต