เชื้อไวรัส HIV เป็นสาเหตุของการเกิดโรคเอดส์ (Acquired Immunol Deficiency Syndrome: AIDS) ที่ตามมาในภายหลัง โดยเชื้อเอชไอวีจะกระจายไปทั่วร่างกายผ่านทางกระแสเลือด และทำลายภูมิคุ้มกันโรคตามธรรมชาติของร่างกายมนุษย์ ทำให้ร่างกายค่อยๆ อ่อนแอลง
วิธีที่จะทำให้รู้ว่า ใครติดเชื้อเอชไอวี จำเป็นต้องได้รับการตรวจเชื้อ HIV โดยเฉพาะเท่านั้น เพราะผู้ติดเชื้อเอชไอวีอาจไม่ทราบว่า ตนเองมีเชื้ออยู่ในร่างกายมาก่อน เนื่องจาก กว่าสัญญาณของการติดเชื้อจะปรากฏออกมาให้สังเกตให้เห็น ถึงตอนนั้นเชื้อเอชไอวีก็พัฒนาเป็นโรคเอดส์แล้ว และภูมิคุ้มกันโรคของผู้ติดเชื้อก็ลดลงอย่างมากจนยากจะรักษา
สารบัญ
ผู้ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี
เป็นที่ทราบกันดีว่า เชื้อไวรัสเอชไอวีสามารถแพร่จากบุคคลหนึ่งไปยังบุคคลหนึ่งได้ผ่านสารคัดหลั่งจากร่างกายผู้ติดเชื้อ สาเหตุที่ทำให้ติดเชื้อเอชไอวีมีดังนี้
- การใช้เข็มฉีดยาเสพติด หรือยารักษาโรคร่วมกัน รวมถึงการเจาะร่างกาย การสักร่างกาย หากผู้ที่ใช้เข็มฉีดยาติดเชื้อเอชไอวี เลือดที่อยู่บนเข็มจะแพร่เชื้อไปยังผู้ที่ใช้เข็มเดียวกันได้
- การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน ไม่ว่าจะเป็นทางทวารหนัก ช่องคลอด หรือทางปาก เพราะสามารถติดเชื้อได้จากการรับสารคัดหลั่งจากร่างกายของผู้ติดเชื้อ เช่น อสุจิ ของเหลวจากช่องคลอด หรือเลือด
ดังนั้นผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน จึงเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสเอชไอวีทุกคน ส่วนผู้ที่มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อยู่ก่อนแล้ว จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสเอชไอวีเพิ่มขึ้นอีก - เด็กทารกสามารถติดเชื้อได้จากแม่ตั้งครรภ์ที่มีเชื้อไวรัสเอชไอวี การรักษาหญิงตั้งครรภ์ที่มีเชื้อไวรัสเอชไอวีอยู่แล้ว การผ่าคลอดทางหน้าท้อง รวมถึงการงดเว้นการป้อนนมจากเต้า จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสเอชไอวีจากแม่สู่ลูกของทารกได้
ผู้ที่ควรเข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัส HIV
ทุกคนที่มีอายุระหว่าง 13 – 64 ปี ควรได้รับการตรวจเชื้อ HIV อย่างน้อย 1 ครั้ง ส่วนผู้ที่มีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อ เช่น ผู้คู่รักเพศเดียวกันที่เป็นผู้ชาย หรือผู้ที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ ชอบมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน กลุ่มคนเหล่านี้จำเป็นต้องรับการตรวจเชื้อ HIV เป็นประจำทุกปี
เหตุผลที่จำเป็นต้องได้รับการตรวจเชื้อ HIV
การตรวจพบเชื้อตั้งแต่เนิ่นๆ และการได้รับการรักษาโดยเร็วจะช่วยต่อสู้กับเชื้อเอชไอวีและป้องกันการเป็นโรคเอดส์ได้ นั่นเพราะ
- เพราะปัจจุบันยังไม่มียารักษาการติดเชื้อไวรัสเอชไอวีได้ ดังนั้นการตรวจพบเชื้อตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยรักษาผู้ติดเชื้อโดยการรับยาต้านเชื้อ เพื่อไม่ให้เชื้อพัฒนา และยับยั้งอาการของโรคไม่ให้ร้ายแรงขึ้น
- ผู้ที่ทราบว่า ตนเองติดเชื้อจะสามารถดูแลตนเองได้อย่างเหมาะสม และหามาตรการป้องกันไม่ให้ตนเองแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นได้
- คู่รักที่ติดเชื้อ หากต้องการมีบุตรจะได้สามารถปรึกษาแพทย์ เพื่อหาวิธีการป้องกันไม่ให้ทารกเกิดมาพร้อมกับติดเชื้อไวรัสเอชไอวีไปด้วยได้
- เพื่อความรู้สึกสบายใจ และรู้สึกปลอดภัย เพราะผลตรวจที่ออกมาเป็นลบ (ไม่ได้ติดเชื้อ) ทำให้หลายคนที่กำลังเป็นกังวลเรื่องการติดเชื้อ รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นได้
ลักษณะของการตรวจเชื้อ HIV
ส่วนมาก วิธีการตรวจเชื้อเอชไอวี จะไม่ได้เป็นการตรวจหาเชื้อโดยตรง แต่จะเป็นการตรวจวัดระดับสารต่อต้านโรค (antibodies) ที่บ่งบอกได้ว่า มีเชื้อเอชไอวีอยู่ในร่างกายหรือไม่
หากมีการติดเชื้อ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะผลิตสารต่อต้านโรคให้ต่อสู้กับเชื้อไวรัส หากเป็นการติดเชื้อทั่วไป สารต่อต้านโรคจะสามารถระงับเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายไว้ได้ แต่หากเป็นการติดเชื้อเอชไอวี สารต่อต้านโรคจะไม่สามารถระงับเชื้อไว้ได้
สำหรับผมตรวจหาเชื้อไวรัสเอชไอวี หากผลออกมาเป็นลบ (HIV Negative) แสดงว่า คุณไม่ได้ติดเชื้อ แต่หากผลออกมาเป็นบวก (HIV Positive) แสดงว่า คุณติดเชื้อเอชไอวี
ทั้งนี้การตรวจเชื้อเอชไอวีจะแสดงให้เห็นว่า ร่างกายของคุณผลิตสารต่อต้านโรคออกมาจำนวนมากน้อยเพียงใด โดยสารต่อต้านโรคจะยังถูกผลิตออกมาเพื่อต่อสู้เชื้อเอชไอวีได้อย่างดีในช่วง 2 สัปดาห์ถึง 6 เดือนแรกที่มีการติดเชื้อ
ดังนั้นการตรวจเชื้อเอชไอวี อาจจะไม่แสดงผลของการติดเชื้อในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา จึงต้องตรวจเชื้อเอชไอวีซ้ำอีกครั้งหลังจากเวลาผ่านไป 3-6 เดือน
ประเภทของการตรวจเชื้อ HIV
1. การตรวจเชื้อ HIV โดยแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญ
- การตรวจ EIA หรือ ELISA เป็นวิธีการตรวจเชื้อเอชไอวี ที่นิยมกันมากที่สุด โดยปกติจะใช้เวลา 1-2 วัน จนถึง 2 สัปดาห์ จึงจะทราบผลตรวจ
วิธีนี้เป็นการตรวจคัดกรองตัวอย่างเลือดเพื่อวัดระดับสารต่อต้านโรค หากผลการตรวจคัดกรองให้ผลเป็นบวก และแสดงจำนวนของสารต่อต้านโรคต่อเชื้อเอชไอวี จำเป็นต้องได้รับการตรวจโดยวิธีการ western blot ต่อไป เพื่อยืนยันผลตรวจอีกครั้ง
- วิธีการตรวจ Western Blot หากผลการตรวจ EIA หรือ ELISA ให้ผลเป็นบวก การตรวจ Western blot จะยืนยันผลการตรวจอีกครั้ง หากการทดสอบทั้ง 2 วิธีให้ผลเป็นบวกจะถือว่า บุคคลนั้นติดเชื้อเอชไอวีเกือบ 100% อย่างไรก็ตาม เป็นไปได้ว่าการตรวจ EIA อาจให้ผลบวกที่ไม่ถูกต้องได้หากสารต่อต้านเชื้อชนิดอื่นมีปริมาณมากกว่า และส่งผลต่อการตรวจ
- การตรวจเชื้อ HIV แบบรวดเร็ว เป็นทางเลือกหนึ่งของการตรวจเชื้อเอชไอวี แทนการตรวจ EIA และ ELISA ซึ่งให้ผลที่แม่นยำ เนื่องจากการตรวจโดยปกติจะใช้เวลารอผลตรวจนาน 1 – 2 สัปดาห์
แต่การตรวจแบบนี้ คุณจะสามารถทราบผลได้ภายใน 20 นาที เช่นเดียวกันกับการตรวจ EIA และ ELISA ที่จะต้องได้รับการยืนยันอีกครั้งโดยการตรวจ Western blot
หลังสงสัยว่าได้รับเชื้อ HIV สามารถตรวจได้ทันทีหรือไม่?
ยังไม่สามารถตรวจได้ทันที หากได้รับเชื้อจะตรวจพบหลังจากนั้นประมาณ 2 เดือน หรือนานกว่านั้น ขึ้นกับแต่ละคน และวิธีที่ใช้ในการตรวจ ดังนั้นผลที่ได้อาจเป็นผลบวก หรือลบลวง จึงต้องมีการตรวจซ้ำทุก 3 เดือน เพื่อผลการตรวจที่แน่นอนยิ่งขึ้น
2. การตรวจเชื้อ HIV ด้วยตนเอง
คุณสามารถหาซื้อชุดตรวจเชื้อเอชไอวี ได้จากร้านขายยาทั่วไปได้ ชุดตรวจชนิดแรก ผู้ตรวจจะต้องเจาะนิ้วเพื่อเก็บตัวอย่างเลือดซึ่งให้ผลการตรวจที่ค่อนข้างแม่นยำ ส่วนชุดตรวจชนิดที่สอง ผู้ตรวจจะต้องเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อจากกระพุ้งแก้ม หรือบริเวณเหงือก
อย่างไรก็ตาม หลังจากการตรวจเชื้อเอชไอวี ด้วยตนเองแล้ว ผู้ตรวจยังจำเป็นต้องได้รับการตรวจอีกครั้งโดยแพทย์ หรือจากแล็ปเพื่อยืนยันผลตรวจอีกครั้ง
- การทดสอบด้วยการเจาะเลือดนิ้วมือ
มีลักษณะคล้ายกับการตรวจน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวาน ตรวจโดยการเจาะปลายนื้วมือแล้วนำตัวอย่างเลือดหยดลงบนแผ่นตรวจ จากนั้นจึงส่งแผ่นตรวจไปยังแล็ป หรือคลินิกนิรนาม จะสามารถทราบผลได้ประมาณ 7 วัน และผลมีความแม่นยำมากถึง 99.9% - การตรวจโดยการเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อกระพุ้งแก้ม หรือบริเวณเหงือก
จากนั้น ให้คุณเก็บก้านสำลีที่เช็ดบริเวณเหงือก หรือกระพุ้งแก้มแล้วลงในหลอดที่มากับชุดตรวจ โดยผลจะแสดงให้ทราบภายใน 20 นาที การตรวจเชื้อเอชไอวี รูปแบบนี้ให้ความแม่นยำที่ 92%
สถานที่ที่สามารถขอรับการตรวจเชื้อ HIV
คุณสามารถขอรับการตรวจเชื้อเอชไอวีได้จากสถานพยาบาลหลายแห่ง เช่น คลินิก ศูนย์สุขภาพ โรงพยาบาล หรือแล็ปตรวจโรค
- สถานที่ตรวจเชื้อเอชไอวี โดยไม่จำเป็นต้องระบุตัวตน การตรวจกับสถานที่นี้จะไม่มีการสอบถามข้อมูลส่วนตัวใดๆ ของผู้ตรวจ ผู้ตรวจจะได้รับเพียงเลขประจำตัวเท่านั้นอีก ทั้งยังเป็นผู้ทราบผลตรวจแต่เพียงผู้เดียว
ปัจจุบันมีหลายคลินิกที่มีบริการให้คำปรึกษากับผู้รับการตรวจด้วยทั้งก่อน และหลังการตรวจ และผลตรวจจะไม่ถูกเก็บไว้ที่คลินิกแต่อย่างใด
- คลินิกนิรนาม การตรวจเชื้อเอชไอวี จากคลินิกนิรนามคือ การขอรับการตรวจเชื้อเอชไอวี โดยผู้รับการตรวจต้องระบุตัวตน และจะมีการเก็บข้อมูลรวมทั้งผลตรวจไว้อย่างเป็นความลับ
แต่ละประเทศต่างมีข้อกฎหมายเกี่ยวกับการตรวจเชื้อเอชไอวี ดังนั้นคุณสามารถหาสถานพยาบาล คลินิก หรือแล็ปในพื้นที่ได้
อย่างไรก็ตาม ในบางประเทศ รัฐจะขอความร่วมมือจากผู้รับการตรวจที่ได้ผลเป็นบวกจำเป็นต้องแจ้งให้ทางหน่วยงานสาธารณสุขทราบ ซึ่งข้อมูลทั้งหมดจะถูกเก็บไว้เป็นความลับ
วิธีปฏิบัติตนเมื่อรู้ว่าติดเชื้อ HIV
- ให้คุณไปพบแพทย์ทันทีเพื่อขอรับการรักษา และหาวิธีการชะลอการติดเชื้อ โดยปกติแล้วแพทย์จะทำการตรวจซ้ำอีกหลายครั้งเพื่อประเมินสถานภาพของเชื้อไวรัส ซึ่งผู้ป่วยจำเป็นต้องขอรับการตรวจ และรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเอชไอวี
- หยุดกิจกรรม หรือพฤติกรรมใดๆ ที่ส่งผลเสียต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เช่น การสูบบุหรี่ การใช้ยาเสพติด การดื่มแอลกอฮอล์ พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือการรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์หรือไม่ถูกสุขลักษณะ
- ตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และโรคอื่นๆ ด้วย เพราะหากมีการติดเชื้อเอชไอวี ก็ย่อมมีโอกาสที่จะติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ด้วย เนื่องจากเชื้อเอชไอวีจะส่งผลทำให้ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอลง ทำให้ร่างกายของผู้ติดเชื้อโรคอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น
- คุณจำเป็นต้องแจ้งให้คู่นอนไม่ว่าจะเป็นในอดีต ปัจจุบัน หรือคนที่กำลังจะคบหาทราบเกี่ยวกับการติดเชื้อ เพราะพวกเขาจะต้องได้รับการตรวจหาเชื้อ และรับการรักษาด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ คุณจำเป็นต้องใช้ถุงยางอนามัยด้วยทุกครั้ง หากมีเพศสัมพันธ์เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น
ผู้ที่พบว่า ตนเองติดเชื้ออาจรู้สึกแปลกแยก หวาดกลัว และไม่กล้าที่จะบอกเรื่องนี้กับใครไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัวหรือเพื่อน หรืออาจเป็นกังวลว่า พวกเขาเหล่านั้นจะรังเกียจ และไม่เข้าใจ
หากคุณมีอาการวิตกกังวลอย่างหนัก แนะนำให้ลองปรึกษา และขอรับคำแนะนำจากจิตแพทย์ หรือผู้ให้คำปรึกษาด้านการติดเชื้อเอชไอวีโดยเฉพาะ บางทีคุณอาจได้พบปะกับผู้ป่วยที่ติดเชื้อเหมือนกัน เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการใช้ชีวิตร่วมกับกาติดเชื้ออย่างเหมาะสม
แม้ปัจจุบันยังไม่มีการรักษาสำหรับผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวีให้หายขาด แต่การติดเชื้อไม่ได้ทำให้คุณเสียชีวิตในทันที และหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงนักวิทยาศาสตร์จากทั่วโลกกำลังทุ่มเทเพื่อการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะคิดค้นวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสเอชไอวี
อย่างไรก็ดี ความก้าวหน้าในวิวัฒนาการทางการแพทย์ปัจจุบันทำให้ผู้ป่วยเอชไอวีสามารถมีชีวิตอยู่อย่างปกติได้หลายสิบปีทีเดียว