ผมร่วง ผมบาง หัวเถิก ศีรษะล้าน เป็นปัญหาที่พบได้ทั้งในผู้หญิงผู้ชาย แต่มักพบในผู้ชายมากกว่า แม้ว่าจะไม่ส่งผลต่อสุขภาพกายมากนัก แต่ในบางรายปัญหาเหล่านี้อาจส่งผลต่อสุขภาพจิตและความมั่นใจเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีทางการแพทย์หลายอย่างที่ช่วยรักษาปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน เช่น การปลูกผม การทำเลเซอร์กระตุ้นรากผม การฉีดสารบำรุงรากผม หรือการใช้ยา เป็นต้น
สารบัญ
สาเหตุของผมร่วงที่พบบ่อย มีอะไรบ้าง?
ก่อนที่จะไปรู้จักกับวิธีการรักษาผมร่วง ผมบาง ควรรู้ก่อนว่าผมร่วง ผมบาง เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง เนื่องจากสาเหตุที่ต่างกันย่อมทำให้วิธีการรักษาต่างกันไปด้วย โดยสาเหตุที่พบบ่อยมีดังนี้
- พันธุกรรม ส่วนใหญ่จะไม่ร่วงมาก แต่จะค่อยๆ บางลง โดยมักพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง สังเกตได้จากผมบริเวณด้านหน้าจะค่อยๆ ถ่อยร่นขึ้นไป
- ผลข้างเคียงจากโรคซิฟิลิส (Syphilis) ผมอาจร่วงเป็นหย่อมๆ เหมือนถูกแมงแทะ หรือผมร่วงทั่วหนังศีรษะ และมีขนคิ้วร่วงบริเวณด้านข้าง 1 ใน 3
- จากการรับประทานยาบางตัว เป็นโรคบางอย่าง หรือมีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย เช่น ผมร่วงในผู้หญิงหลังคลอด ติดเชื้อราบนหนังศีรษะ ส่วนมากจะมีผมบางทั่วศีรษะ แต่เมื่อหยุดสาเหตุที่ทำให้ผมร่วง ผมก็จะขึ้นมาเอง
- ผลจากการกระทำของตนเอง เช่น การถอนผม แกะ หรือเกาโรคผื่นคัน
- ความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ เช่น ภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ (Hypothyroidism) ภาวะไทรอยด์เป็นพิษ (Hyperthyroidism)
ผมร่วง ผมบาง หัวเถิก ศีรษะล้าน รักษาอย่างไรดี?
หากผมร่วง หรือผมบางมากผิดปกติ ลองรักษาด้วยการเปลี่ยนแชมพูสระผม หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมแล้วอาการก็ยังไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุ และเข้ารับการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม
ปัจจุบันมีวิธีการรักษาทางการแพทย์หลายวิธี ได้แก่
1. การใช้ยารักษา
ยาที่ใช้ในการรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้ผมร่วง ผมบาง เช่น
- ผมบางจากพันธุกรรม แพทย์อาจให้ยา Finasteride ชนิดรับประทานเพื่อยับยั้งการผลิตฮอร์โมนที่เป็นสาเหตุทำให้ผมร่วง หรือใช้ยาเฉพาะที่ Minoxidil เพื่อกระตุ้นการงอกของเส้นผม
- ผมร่วงจากโรคซิฟิลิส แพทย์อาจฉีดยา Benzthine Penicillin 2.4 mu เข้ากล้ามเนื้อครั้งเดียว แต่ในผู้ที่แพ้ยา Penicillin จะให้รับประทานยา Tetracycline วันละ 2 กรัม 15 วัน
- ผมร่วงจากเชื้อรา แพทย์อาจให้รับประทานยาที่มีฤทธิ์ยับยั้งการแบ่งตัวของเชื้อราอย่าง Griseofulvin จนกว่าเชื้อจะหมดไป ส่วนใหญ่มักใช้เวลาประมาณ 6-12 สัปดาห์
หมายเหตุ: ไม่ควรซื้อยามาใช้รักษาอาการผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน ด้วยตัวเอง ควรปรึกษาเภสัชกร หรือแพทย์ก่อนใช้ยาทุกครั้ง เพื่อป้องกันอันตรายจากผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยา
2. การปลูกผม
ในผู้ที่มีปัญหาผมบาง ผมร่วง ศีรษะล้าน ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา หรือผู้ที่มีปัญหาผมร่วงจากการบาดเจ็บ เช่น แผลไฟไหม้ หรือแผลฉีกขาดจนเส้นผมไม่สามารถขึ้นใหม่ได้ สามารถรักษาได้ด้วยการปลูกผม
เทคโนโลยีการปลูกผม รักษาผมร่วง มีกี่แบบ?
ปัจจุบันมี 3 เทคโนโลยีการปลูกผมที่นิยมใช้กัน ได้แก่
- การปลูกผมแบบ FUT (Follicular unit transplantation) เป็นการปลูกผมด้วยการตัดหนังศีรษะด้านหลังที่มีรากผมแข็งแรงออกมา และแยกเฉพาะรากผมที่ต้องการไปปลูกในบริเวณที่ผมบาง ศีรษะล้าน แต่วิธีนี้จะทำให้มีแผลเป็นบริเวณจุดที่ถูกตัดหนังศีรษะออก
- การปลูกผมแบบ FUE (Follicular unit extraction) เป็นการปลูกผมโดยการเจาะเอาเซลล์รากผมจากหนังศีรษะบริเวณที่ผมหนาแน่นทีละกราฟต์ มาปลูกบริเวณที่ผมบางหรือไม่มีผม โดยไม่ต้องตัดหนังศีรษะ ไม่มีแผลเย็บยาว และลดการปวดแผลได้มาก
- การปลูกผมด้วยเทคนิค Direct Hair Implantation หรือ DHI เป็นการปลูกผมถาวรแบบย้ายรากผม หรือ FUE ในรูปแบบใหม่ที่ให้ผลลัพธ์ดีกว่าเดิม คือ ปลูกเส้นผมได้แน่น ดูเป็นธรรมชาติ โดยไม่ทำลายเส้นผมที่มีอยู่เดิม
ขั้นตอนการปลูกผมโดยทั่วไป เป็นอย่างไร?
- วิเคราะห์เส้นผม โครงสร้าง ความหนาแน่นของเส้นผม และจำนวนกราฟต์ผม (กอผม) บริเวณท้ายทอยที่สามารถนำมาใช้ในการปลูกผมด้วยระบบคอมพิวเตอร์
- แพทย์ออกแบบแนวเส้นผมบริเวณที่จะทำการปลูกผมให้เข้ากับรูปหน้าของผู้เข้ารับบริการ
- ฉีดยาชาบริเวณศีรษะด้านหลัง ซึ่งเป็นบริเวณที่จะนำกราฟต์ผมออกมา
- ทำการย้ายรากผมจากบริเวณท้ายทอย โดยจะแตกต่างกันไปตามเทคโนโลยีการปลูกผมที่เลือกใช้บริการ
- นำกราฟต์ผมไปพักในสารละลายชนิดพิเศษที่ช่วยให้เซลล์รากผมมีอัตราการอยู่รอดสูงขึ้น และกระตุ้นการเจริญเติบโตเพิ่มขึ้น
- ฉีดยาชาบริเวณที่ต้องการปลูกผม และทำการปลูกผม ใช้ระยะเวลาประมาณ 8-10 ชั่วโมง
การดูแลหลังการปลูกผม เป็นอย่างไร?
หลังจากปลูกผมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผู้เข้ารับการปลูกผมจะต้องทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันเซลล์รากผมที่ปลูกหลุด ตัวอย่างเช่น
- หลีกเลี่ยงการแกะ หรือเกาบริเวณที่ทำการปลูกผม
- คาดผ้าที่คาดศีรษะเวลานอน และนอนหงายหรือนอนตะแคง
- ควรสระผมครั้งแรกหลังการปลูกผมที่คลินิกที่เข้ารับบริการปลูกผม
- ในสัปดาห์แรกหลังการปลูกผมควรหลีกเลี่ยงแสงแดด หากจำเป็นต้องสวมหมวกป้องกัน
ผลลัพธ์จากการปลูกผม
หลังจากปลูกผมเสร็จแล้ว ผมบริเวณที่ปลูกจะค่อยๆ ร่วงภายใน 3-4 สัปดาห์จนหมด และจะเริ่มขึ้นใหม่ภายใน 3-4 สัปดาห์ และจะเห็นผลชัดเจนหลังจาก 10 เดือนไปแล้ว โดยในระหว่างนั้นควรไปพบแพทย์เพื่อติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ
ปลูกผมไม่ขึ้น ทำอย่างไรดี?
การปลูกผมมีโอกาสล้มเหลวเหมือนกับการรักษาทั่วไป อย่างไรก็ตาม หากปลูกผมแล้วผมไม่ขึ้น คลินิกหรือสถานพยาบาลที่เข้ารับบริการมักมีการรับประกันปลูกผมให้ใหม่อีกครั้ง โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ควรศึกษารายละเอียดก่อนเข้าใช้บริการ
ปลูกผม ราคาเท่าไหร่?
ราคาการปลูกผมจะแตกต่างกันไปในแต่ละสถานพยาบาล โดยจะขึ้นอยู่กับเทคนิคการปลูกผม และจำนวนกราฟต์ที่ต้องใช้ในการปลูกผม โดยมักเริ่มตั้งแต่ 1,000 2,000 ไปจนถึง 3,000 กราฟต์ โดยมีราคาดังนี้
- ปลูกผมด้วยเทคนิค FUE หรือ FUT เริ่มต้นที่ 1,000 กราฟต์ ราคา 46,500 บาท*
- ปลูกผมด้วยเทคนิค DHI เริ่มต้นที่ 1,000 กราฟต์ ราคา 95,000 บาท*
- ปลูกผมด้วยสเต็มเซลล์รากผม (Hair Stem Micro Transplant) ราคาเริ่มต้นที่ 144,000 บาท*
3. เลเซอร์กระตุ้นรากผม
- เลเซอร์กระตุ้นรากผม เป็นวิธีการรักษาผมบางศีรษะล้านจากพันธุกรรมด้วยการใช้เลเซอร์ที่มีความเข้มข้นต่ำ (Low Level Laser Therapy: LLLT) หรือเลเซอร์เย็น ซึ่งมีลักษณะเป็นแสงสีแดง เช่น Diode Laser
- เลเซอร์เย็น จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงหนังศีรษะ ทำให้รากผมแข็งแรง ลดการขาดหลุดร่วง และสร้างเส้นผมใหม่ได้มากขึ้น
- การทำเลเซอร์กระตุ้นรากผม เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมบาง ศีรษะล้าน เล็กน้อยจนถึงปานกลาง หรือทำร่วมกับการปลูกผม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา
- การทำเลเซอร์กระตุ้นรากผมต้องทำ 3-4 ครั้งขึ้นไปถึงจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลง และต้องทำอย่างต่อเนื่อง โดยผลลัพธ์ที่ได้จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
- ราคาเลเซอร์กระตุ้นรากผมด้วย Diode Laser พร้อมการบำรุงผมด้วยเซรัม เริ่มต้นที่ครั้งละ 1,500 บาท หรือเป็นคอร์ส 3 ครั้ง ราคาประมาณ 4,000 บาท
- รวมรีวิวเลเซอร์กระตุ้นรากผมด้วย Diode Laser จากผู้ใช้จริง
4. การฉีดสารบำรุงผม (Mesotherapy for hair)
- เมโสเทอราปี (Mesotherapy) เป็นเทคนิคการฉีดยา หรือสารบำรุง เช่น วิตามิน เอนไซม์ หรือฮอร์โมน เข้าสู่ผิวหนังโดยตรง
- ในด้านการรักษาปัญหาผมร่วง แพทย์จะฉีดยาหรือวิตามินบริเวณรากผม เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทำให้เลือดมาเลี้ยงบริเวณรากผมได้ดีขึ้น เพิ่มสารอาหารเข้าไปบำรุงเส้นผม ช่วยหยุดการหลุดร่วง สร้างเส้นผมขึ้นใหม่ และยืดอายุเส้นผมให้นานขึ้น
- การฉีดสารบำรุงเส้นผมต้องทำอย่างต่อเนื่อง 2-3 เดือนขึ้นไป และใช้ระยะเวลาหลังการรักษา 2-3 เดือน ถึงจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลง ซึ่งความถี่ในการฉีดสารบำรุงจะขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์
- ราคาฉีดสารบำรุงรากผม หรือที่นิยมเรียกว่า ฉีดเมโสปลูกผม หรือเมโสแฮร์ (Meso hair) จะแตกต่างกันไปในแต่ละคลินิก โดยราคาเริ่มต้น ครั้งละ 1,500-1,800 บาท
ผมร่วง ผมบาง หัวเถิก ศีรษะล้าน รักษาที่ไหนดี ราคาเท่าไหร่?
การรักษาผมร่วง ผมบาง หัวเถิก ศีรษะล้าน มักใช้หลายวิธีร่วมกันเพื่อประสิทธิภาพในการรักษาที่ดีที่สุด เช่น เริ่มจากการปลูกผม ควบคู่ไปกับการใช้ยา ฉีดสารบำรุงรากผม และใช้เลเซอร์กระตุ้นรากผมเป็นประจำทุกเดือน ซึ่ง HDmall ได้รวบรวมแพ็กเกจที่มีทุกอย่างไว้ให้คุณแล้ว ไม่ว่าจะเป็น
- ทำ Hair Growth Laser กระตุ้นให้รากผมแข็งแรง ลดการหลุดร่วง 1 ครั้ง ราคาเริ่มต้นที่ 1,510 บาท*
- ทำ Meso Grow Hair ลดการหลุดร่วงของเส้นผม ฟรี Diode Laser กระตุ้นรากผม 1 ครั้ง ราคาเริ่มต้นที่ 1,890 บาท*
- ปลูกผมด้วยเทคนิค FUE หรือ FUT เริ่มต้นที่ 1,000 กราฟต์ ราคา 46,500 บาท*
- ปลูกผมด้วยเทคนิค DHI เริ่มต้นที่ 1,000 กราฟต์ ราคา 95,000 บาท*
- ปลูกผมด้วยสเต็มเซลล์รากผม (Hair Stem Micro Transplant) ราคาเริ่มต้นที่ 144,000 บาท*
*ราคาโปรโมชันจาก HDmall อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ควรศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมที่ข้อมูลแพ็กเกจ หรือสอบถามแอดมินได้ที่ไลน์ @hdcoth