ทรีตเมนต์หน้าคืออะไร ทำไมถึงควรทำ

นับวันฝุ่น ควัน และมลภาวะก็ยิ่งมากขึ้น ยิ่งหากออกไปสัมผัสแสงแดดมากๆ ใบหน้าก็คงจะได้รับความเสียหายไปไม่ใช่น้อย หลายคนจึงเริ่มมองหาวิธีการดูแลผิวหน้าให้ดีขึ้นเพื่อฟื้นบำรุงส่วนที่เสียหายไป ซึ่งนิยมเรียกกันว่า “ทรีตเมนต์หน้า” นั่นเอง

ทรีตเมนต์หน้าคืออะไร?

ทรีตเมนต์หน้า (Facial treatment) คือกระบวนการดูแล รักษา หรือบำรุงผิวหน้าด้วยวิธีการต่างๆ อาจมีหลายวิธีรวมกันอยู่ในหนึ่งการทำทรีตเมนต์ หรืออาจมีเพียงวิธีการเดียวก็ได้ ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ในการทำ เช่น การทำทรีตเมนต์เพื่อกระชับใบหน้า อาจมีการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ทาครีมบำรุง และนวดหน้า ทั้งสามวิธีการที่ทำร่วมกันนี้คือการทำทรีตเมนต์เพื่อกระชับใบหน้านั่นเอง

ทรีตเมนต์หน้าช่วยอะไรได้บ้าง?

การทำทรีตเมนต์หน้าแต่ละสถานที่ให้บริการและแต่ละโปรแกรมมีจุดประสงค์ในการทำต่างกันออกไป แต่โดยส่วนมากมักทำเพื่อผลลัพธ์ที่อยู่ในข้อต่อไปนี้

  • ยกกระชับใบหน้า
  • ลดเลือนริ้วรอย
  • ผิวหน้ากระจ่างใส
  • รักษาสิว
  • ลดรอยคล้ำใต้ตา
  • ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหน้า

ทำทรีตเมนต์หน้ามีวิธีไหนบ้าง?

วิธีที่นิยมนำมาใช้ในโปรแกรมการทำทรีตเมนต์หน้า อาจมีดังนี้

1. ทรีตเมนต์หน้าด้วยคลื่นวิทยุ

การทำทรีตเมนต์หน้าด้วยคลื่นวิทยุ (Radiofrequency therapy) คือการใช้อุปกรณ์ปล่อยคลื่นวิทยุเข้าไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน (Collagen) และอีลาสติน (Elastin) ในชั้นผิว

เมื่อร่างกายสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินมากขึ้นอาจส่งผลให้

  • ผิวหน้าดูกระชับขึ้น ริ้วรอยดูจางลง
  • ผิวคล้ำเสียจากแดดดูจากลง
  • อาจช่วยให้ใบหน้าเรียวขึ้นเล็กน้อย

ผลการทำทรีตเมนต์หน้าขึ้นอยู่กับความต้องการและสภาพผิวของแต่ละคน บางคนอาจเห็นผลในครั้งแรกที่ทำ บางคนอาจต้องทำเป็นทรีตเมนต์หน้าเป็นคอร์ส ทำหลายครั้งเพื่อให้ได้รับผลลัพธ์ที่ต้องการ

2. อัลตราซาวด์ยกกระชับผิว

อัลตราซาวด์ยกกระชับผิว (Ultrasound skin tightening) เป็นการปล่อยคลื่นเสียงเข้าไปทำความร้อนในผิวลึกประมาณ 5 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ร่างกายทำการสร้างคอลลาเจนขึ้นพอดี

เมื่อร่างกายสร้างคอลลาเจนมากขึ้นก็อาจทำให้ริ้วรอยดูจางลง ผิวหน้ากระชับขึ้น นอกจากนี้อัลตราซาวด์ยังสามารถปรับโฟกัสตำแหน่งได้เฉพาะมากกว่าเลเซอร์

ผลลัพธ์อาจเริ่มเห็นผลหลังจากผ่าน 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับแต่ละคน และอาจมีการใช้ร่วมกับวิธีอื่นๆ ในการทำทรีตเมนต์หน้า

3. ครีมบำรุง

ครีมบำรุงเป็นวิธีที่ได้รับคำแนะนำให้ใช้เป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว แต่ไม่ควรใช้ครีมบำรุงเป็นวิธีดูแลเพียงวิธีเดียว เพราะอาจให้ผลเพียงเล็กน้อย หรือไม่เห็นผลเลย

อาจใช้ร่วมกับครีมกันแดด การดูแลตัวเอง รวมถึงใช้ครีมประเภทอื่นๆ ในการดูแลใบหน้าร่วมกันด้วย

ตัวอย่างครีมที่อาจเจอในการทำทรีตเมนต์หน้า เช่น

  • ครีมกระชับใบหน้า (Firming cream) เป็นครีมที่มีส่วนผสมของเรตินอยด์ (Retinoids) และคอลลาเจน
  • เซรั่ม (Serum) หรือมอยเจอร์ไรเซอร์ (Moisturizer) เพื่อให้ใบหน้าคงความชุ่มชื้นเอาไว้
  • วิตามินซี วิตามินเอ ซึ่งมักนำมาใช้ร่วมกับอุปกรณ์การผลักวิตามินเพื่อให้ซึมเร็วขึ้น

4. ผลักวิตามิน

การผลักวิตามินเข้าผิวหน้า จะใช้เครื่องมือที่ชื่อว่า โฟโนโฟเรซิส (Phonophoresis) ซึ่งมีวิธีการทำงานคล้ายกับอัลตราซาวด์ คือการปล่อยคลื่นความถี่สูงลงบนผิวหน้าหลังจากทาครีมบำรุงและวิตามินแล้ว ทำให้ตัวยาและครีมซึมเข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น

แต่การทำทรีตเมนต์หน้าด้วยการผลักวิตามินอาจต้องทำหลายครั้งกว่าจะเริ่มเห็นผล

5. ผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมี

การผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมี (Chemical peels) คือการทาสารเคมีที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวบนใบหน้าทิ้งไว้สักระยะ แล้วลอกออก ทำให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วหลุดลอกออกมาด้วย

น้ำยาเคมีที่ใช้อาจแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ดังนี้

  • Light chemical peels หรือ Superficial peels จะใช้กรดอัลฟา ไฮดรอกซี่ (Alpha-hydroxy acid) ซึ่งจะซึมเข้าบริเวณผิวชั้นนอกเท่านั้น อาจทำให้ผิวดูสว่างหรือคล้ำขึ้นชั่วคราว
  • Medium chemical peels จะใช้กรดไตรคลอโรอะซิติก (Trichloroacetic acid) ที่สามารถซึมเข้าผิวหนังชั้นกลาง มีประสิทธิภาพผลัดเซลล์ผิวมากขึ้น อาจมีส่วนช่วยในการลดฝ้าได้
  • Deep chemical peels อาจมีส่วนผสมของสารเคมีฟีนอล (Phenol) ซึ่งมีประสิทธิภาพผลัดเซลล์ผิวสูง แต่ต้องทำโดยผู้ชำนาญการเท่านั้นเพราะอาจมีผลข้างเคียงสูง

ผลลัพธ์ของการผลัดเซลล์ผิวอาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน ดังนั้นจึงไม่ควรหาสารเคมีมาใช้ด้วยตัวเอง ควรปรึกษาผู้ชำนาญการก่อนตัดสินใจทำทรีตเมนต์หน้า

6. ผลัดเซลล์ผิวด้วยเลเซอร์

การผลัดผิวด้วยเลเซอร์ (Laser resurfacing) สามารถผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก (Epidermis) และช่วยลดเลือนแผลเป็น ไฝ และริ้วรอยได้ นอกจากนี้เลเซอร์ยังสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้อีกด้วย

ตัวอย่างเลเซอร์ที่ได้รับความนิยม เช่น เลเซอร์กลุ่มคิวสวิทช์ (Q-Switched) เลเซอร์คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 Laser) และเลเซอร์ประเภทเออร์เบียม (laser erbium)

แต่อาจต้องทำหลายครั้งกว่าจะเริ่มเห็นผลมากขึ้น คุณจึงมักเห็นเลเซอร์ผลัดเซลล์ผิวให้บริการเป็นคอร์สต่อเนื่องกันหลายครั้งนั่นเอง

ทรีตเมนต์หน้า ควรทำบ่อยแค่ไหน?

การทำทรีตเมนต์หน้าไม่ได้มีตัวเลขชัดเจนว่าควรทำบ่อยแค่ไหน แต่หากพูดถึงการดูแลผิวหน้าทั่วๆ ไปนั้นควรทำทุกวัน เช่น ครีมบำรุง ครีมกันแดด และกินอาหารที่มีประโยชน์

แต่หากผ่านการทำกิจกรรมหนักๆ มา หรือผิวหน้าไม่เป็นที่น่าพอใจ อาจพิจารณาทำทรีตเมนต์กับผู้ชำนาญการเป็นครั้งคราว ซึ่งความถี่ในการทำจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน

ความถี่ในการทำทรีตเมนต์ประมาณคร่าวๆ อาจมีดังนี้

  • การใช้ครีมบำรุงทั่วๆ ไป ควรใช้เป็นประจำทุกวันร่วมกับวิธีบำรุงผิวหน้าอื่นๆ
  • ผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมี อาจทำทุก 4-6 สัปดาห์ เป็นประจำ
  • ผลัดเซลล์ผิวด้วยเลเซอร์ อาจต้องทำ 3 ครั้งขึ้นไปต่อหนึ่งโปรแกรมทรีตเมนต์
  • ผลักวิตามิน อาจทำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง นาน 3 สัปดาห์ขึ้นไปจึงจะเริ่มเห็นผล

จะเห็นได้ว่าในหนึ่งการทำทรีตเมนต์นั้นมีองค์ประกอบต่างๆ มากมายเต็มไปหมด หลายคนจึงไม่สามารถทำวิธีต่างๆ ร่วมกันได้ ดังนั้นการทำทรีตเมนต์โดยผู้เชี่ยวชาญอาจเป็นทางออกที่ดีสำหรับคุณ

ดูแพ็กเกจทำทรีตเมนต์หน้าผ่าน HDmall ศูนย์รวมบริการสุขภาพ ทำฟัน และความงามที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

ทำทรีตเมนต์หน้าราคาเท่าไร?

การทำทรีตเมนต์หน้ามีระดับราคาที่กว้างมาก เพราะในหนึ่งทรีตเมนต์อาจทำหลายวิธีการร่วมกัน ซึ่งอาจแบ่งได้ตามจุดประสงค์ในการทำ ดังนี้

*ราคา ณ วันที่ 24 กันยายน 2563 อาจมีการเปลี่ยนแปลง เช็กราคาจริงก่อนตัดสินใจซื้อได้ที่ HDmall

Scroll to Top