Desvenlafaxine (เดสเวนลาฟาซีน)

เดสเวนลาฟาซีน (Desvenlafaxine) จัดเป็นยาในกลุ่มยาต้านเศร้า ใช้ในผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ปัจจุบันยังไม่ทราบข้อมูลกลไกการออกฤทธิ์ของยาที่แท้จริง แต่เชื่อว่ายาออกฤทธิ์ผ่านการยับยั้งการดูดกลับของสารสื่อประสาทเซโรโทนิน (Serotonin) และนอร์อพิเนปฟรีน (Norepinephrine) ในระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ความเข้มข้นของสารสื่อประสาทสองชนิดนี้สูงขึ้น

สรรพคุณยา Desvenlafaxine

  • โรคซึมเศร้า (Major Depressive Disorder)
  • กลุ่มอาการ Vasomotor (เช่น อาการร้อนวูบวาบ เหงื่ออกตอนกลางคืน) ระดับปานกลางถึงรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับการหมดประจำเดือนในสตรี (ข้อบ่งใช้นี้ถูกยกเลิกสำหรับการใช้ Desvenlafaxine ในการรักษาอาการดังกล่าว โดยคณะกรรมการอาหารและยา สหรัฐอเมริกา ปี ค.ศ. 2011)

ขนาดและวิธีการใช้ยา Desvenlafaxine

  • โรคซึมเศร้า การใช้ยาในรูปแบบยารับประทาน
    • ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ ขนาด 50 มิลลิกรัมต่อวัน วันละครั้ง
    • ขนาดการใช้ยาในผู้ป่วยไตบกพร่อง ให้ปรับขนาดการใช้ยา ดังนี้
      • ผู้ป่วยไตบกพร่องระดับปานกลาง ขนาด 50 มิลลิกรัม/วัน วันละครั้ง และไม่แนะนำให้ปรับเพิ่มขนาดยาในผู้ป่วยกลุ่มนี้
      • ผู้ป่วยไตบกพร่องระดับรุนแรง หรือระยะสุดท้ายของโรคไต ขนาด 50 มิลลิกรัม รับประทานวันเว้นวัน และไม่แนะนำให้ปรับเพิ่มขนาดยาในผู้ป่วยกลุ่มนี้
    • ขนาดการใช้ยาในผู้ป่วยตับบกพร่อง ขนาดเดียวกันกับในผู้ใหญ่ปกติ และไม่แนะนำให้ปรับเพิ่มขนาดยาเกิน 100 มิลลิกรัม/วัน
    • ขนาดการใช้ยาในเด็ก ยังไม่มีการศึกษาถึงความปลอดภัยและประสิทธิผลในการรักษา
    • ขนาดการใช้ยาในผู้ป่วยสูงอายุ จากการศึกษาไม่พบความแตกต่างของกลุ่มประชากรผู้สูงอายุ กับกลุ่มผู้ป่วยที่อายุน้อยกว่า การใช้ยาแนะนำให้ปรับขนาดยาตามการทำงานของไต เนื่องจากมีโอกาสที่การทำงานของไตจะลดลงในผู้สูงอายุ
  • กลุ่มอาการ Vasomotor ในสตรีหมดประจำเดือน (ข้อบ่งใช้นี้ถูกยกเลิกในสหรัฐอเมริกา) ระดับปานกลางถึงรุนแรง การใช้ยาในรูปแบบยารับประทาน
    • ขนาดการใช้ยาในผู้ใหญ่ ขนาด 50 มิลลิกรัม วันละครั้ง เป็นเวลา 7 วัน จากนั้นเพิ่มขนาดยาเป็น 100 มิลลิกรัม วันละครั้ง
    • ผู้ป่วยไตบกพร่องระดับรุนแรง หรือระยะสุดท้ายของโรคไต ขนาด 100 มิลลิกรัม รับประทานวันเว้นวัน

ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา Desvenlafaxine

ข้อควรระวังและผลข้างเคียงของการใช้ Desvenlafaxine

  • ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่แพ้ยา Desvenlafaxine Succinate และยา Venlafaxine hydrochloride
  • ห้ามใช้ยานี้ร่วมกับยาในกลุ่ม Monoamine Oxidase Inhibitor (MAOI) ได้แก่ Isocarboxazid, Phenelzine, Selegiline, Tranylcypromine หรือในผู้ป่วยที่เพิ่งหยุดยากลุ่ม MAOI ไม่เกิน 14 วัน
  • หากต้องการใช้ยากลุ่ม MAOI ในผู้ป่วย ให้หยุดยา Desvenlafaxine เป็นเวลา 7 วันเสียก่อน
  • ควรระวังการเกิดความคิดฆ่าตัวตายในผู้ป่วย หรือเกิดภาวะอาการของโรคที่รุนแรงขึ้น
  • ควรระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่มีประวัติ Mania
  • ควรระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่มีความดันในลูกตาสูง และผู้ป่วยต้อหินมุมแคบ
  • ควรระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่มีภาวะเลือดออกที่ไม่ทราบสาเหตุ
  • ควรระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคหลอดเลือดสมอง
  • ควรระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยระดับคอเลสเตอรอล หรือไตรกลีเซอไรด์ในกระแสเลือดสูง
  • ควรระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่มีอาการชัก โรคลมชัก
  • ควรระวังการใช้ยาในเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร

ผลข้างเคียงของการใช้ Desvenlafaxine

  • ยามีผลทำให้ระดับของเซโรโทนิน (Serotonin) สูงขึ้น มีความเสี่ยงในการเกิดกลุ่มอาการ Extrapyramidal อาการแสดง ได้แก่ มีอาการกล้ามเนื้อสั่น เคลื่อนไหวผิดปกติ ตัวแข็ง
  • ผลข้างเคียงอื่นที่พบได้ ได้แก่ อาการแพ้ยา เพิ่มความดันโลหิต เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดเลือดออก โรคต้อหินมุมปิด กระตุ้นการเกิดภาวะ Mania ในผู้ป่วย อาการหลังหยุดการใช้ยา (เช่น คลื่นไส้ เหงื่อออกมาก ซึมเศร้า อยู่ไม่สุข มึนงง รบกวนประสาทการรับรู้ การการสั่น วิตกกังวล สับสน ปวดศีรษะ อ่อนแรง อารมณ์แปรปรวน นอนไม่หลับ อาการชัก) อาการชัก ระดับโซเดียมในกระแสเลือดต่ำ เนื้อเยื่อระหว่างถุงลมปอดอักเสบ ปอดบวมจากเม็ดเลือดขาวชนิดอีโอซิโนฟิล

ข้อควรทราบอื่นๆ

  • ยาถูกจัดอยู่ในกลุ่ม category C ตามดัชนีความปลอดภัยการใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์ (Pregnancy Safety Index) ควรใช้ยานี้เฉพาะเมื่อแพทย์มีความเห็นว่า ผู้ป่วยจะได้รับประโยชน์จากยามากกว่าความเสี่ยงรุนแรงที่จะเกิดขึ้นต่อทารกในครรภ์
  • ไม่มีหลักฐานสนับสนุนการใช้ยาในขนาดสูงกว่าขนาดแนะนำว่า สามารถทำให้ประสิทธิผลในการรักษาดีขึ้น
  • ควรติดตามอาการของโรค การเปลี่ยนพฤติกรรม และความคิดฆ่าตัวตายในผู้ป่วย ให้รายงานแก่แพทย์หากพบอาการ หรือพฤติกรรมเสี่ยง
  • หากพบผื่น อาการคัน ลมพิษ อาการบวม หรือหายใจผิดปกหลังการใช้ยา ให้หยุดใช้ยาแล้วรีบไปพบแพทย์
  • ไม่ควรหยุดใช้ยาโดยทันที เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการหลังหยุดการใช้ยาได้ แนะนำให้ค่อยลดขนาดการใช้ยาลง
  • ยานี้เป็นยาที่ถูกปรับลักษณะการปลดปล่อยตัวยาสำคัญ ดังนั้นต้องรับประทานยาทั้งเม็ด ห้ามหัก บด แบ่ง เคี้ยว ยา เนื่องจากจะส่งผลต่อการดูดซึมตัวยา
  • ยาอาจทำให้เกิดอาการง่วงซึม ลดความสามารถในการตัดสินใจ การคิด และการเคลื่อนไหว ดังนั้นเมื่อใช้ยาจึงควรหลีกเลี่ยงการทำงานกับเครื่องจักร การขับขี่ยานพาหนะ หรือกิจกรรมอื่นที่มีความเสี่ยงก่อให้เกิดอันตราย
  • ยามีฤทธิ์เพิ่มการกดประสาทเมื่อรับประทานยาร่วมกับเอทานอล จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาร่วมกับแอลกอฮอล์
  • ยาสามารถรับประทานก่อนหรือหลังอาหารก็ได้

Scroll to Top