จัดฟันแบบดามอน เจ็บน้อย ฟันสวยเร็ว

ปัจจุบันการจัดฟันเป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะสามารถช่วยทั้งในแง่การแก้ปัญหาฟัน และในแง่ความสวยงาม ที่ทำให้ฟันเรียงตัวสวย เพิ่มความมั่นใจ สร้างรอยยิ้มสดใสให้กับผู้จัดฟัน ซึ่งเทคโนโลยีล่าสุดที่ได้รับการยอมรับและใช้กันอย่างแพร่หลาย ได้แก่ การจัดฟันชนิดติดแน่นเทคนิคดามอน หรือเรียกกันว่า การจัดฟันแบบดามอน

จัดฟันแบบดามอนคืออะไร?

การจัดฟันแบบดามอน (Damon System) คือ นวัตกรรมการจัดฟันล่าสุด ที่ปัจจุบันได้รับการยอมรับทั้งจากทันตแพทย์และผู้จัดฟันว่า มีประสิทธิภาพสูงในการลดระยะเวลาการจัดฟันให้สั้นลงและทำให้ฟันเรียงตัวสวยงามได้เร็วขึ้น ขณะเดียวกันก็ทำให้ผู้จัดฟันเจ็บปวดน้อยลง และไม่จำเป็นต้องพบแพทย์ทุกเดือนเหมือนการจัดฟันแบบทั่วไป

การจัดฟันแบบดามอนมีจุดเด่นอยู่ที่การทำงานของเครื่องมือจัดฟัน ซึ่งเป็นการผสมผสานการใช้วัสดุทันสมัยคือ การใช้วัสดุติดบนผิวฟัน ลักษณะเป็นบานล๊อคเปิดและปิด (Self-Ligating Brackets) ร่วมกับการใช้ลวดจัดฟันคุณภาพสูง (Hi-tech Archwires) ซึ่งผลิตจากวัสดุที่มีความลื่น เรียบ แข็งแรง ยืดหยุ่นได้ดี จึงทำให้ผู้จัดฟันไม่รู้สึกระคายเคืองและลดความเจ็บปวดลง แต่มีประสิทธิภาพสูง เพราะสามารถบังคับการเคลื่อนที่ของฟันให้เคลื่อนไปในตำแหน่งที่ต้องการได้เร็วขึ้น

นอกจากนี้ การจัดฟันแบบดามอนยังได้รับการยอมรับและพิสูจน์จากทั่วโลกว่า ช่วยปรับปรุงโครงสร้างใบหน้าให้ดูดีขึ้นเพราะไม่ดึง หรือรั้งฟันจนเกินไป และช่วยลดความจำเป็นที่ต้องถอนฟันเพื่อการจัดฟัน ตลอดจนสามารถจัดฟันที่ซับซ้อนได้ง่ายและใช้เวลาไม่นาน

จัดฟันแบบดามอนมีกี่แบบ?

การจัดฟันแบบดามอน มี 2 แบบ ดังต่อไปนี้

  1. จัดฟันดามอน คิว (Damon Q) เป็นการใช้เครื่องมือจัดฟัน หรือ แบร็คเก็ต (Brackets) โลหะสีเงิน เมื่อติดเครื่องมือจัดฟันชนิดนี้บนฟัน เวลายิ้ม พูดคุย หัวเราะ จะเห็นเครื่องมือจัดฟันชัดเจน
  2. จัดฟันดามอน เคลียร์ (Damon Clear) เป็นการใช้เครื่องมือจัดฟัน หรือ แบร็คเก็ต ชนิดสีเหมือนเนื้อฟัน หรือสีใส ทำให้เมื่อติดลงบนฟันจะมองเห็นเครื่องมือไม่ชัดเจน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการบุคลิกภาพที่ดีระหว่างการจัดฟัน

จัดฟันแบบดามอนต่างกับแบบอื่นยังไง?

  • ใช้แบร็คเก็ตที่มีลักษณะเป็นคลิปล็อค หรือบานล๊อคเปิด-ปิดในการล็อคลวดจัดฟันเอาไว้ ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพ และลดความยุ่งยากจากการใช้ยางที่ต้องรัด ดึง และยึดแบร็คเก็ตกับลวดของการจัดฟันแบบโลหะทั่วไป
  • ลดแรงเสียดทาน ที่เคยเกิดจากการใช้ยางรัด จึงทำให้ฟันสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างเป็นอิสระมากขึ้น และส่งผลให้การปรับระดับและการจัดเรียงฟันสวยงามในเวลาสั้นลง
  • ลดความเจ็บปวดภายในช่องปากให้น้อยลง
  • ทำความสะอาดง่าย จึงไม่เกิดปัญหากลิ่นปากหรือหินปูนเหมือนการใช้ยางรัด เพราะจุดที่ใช้ยางรัดจะเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียและคราบพลัค ทำให้ต้องขูดหินปูนบ่อยๆ เช่น ทุก 6 เดือน เป็นต้น
  • ลดเวลาในการปรับเครื่องมือจัดฟันแต่ละครั้ง ซึ่งทำให้การควบคุมคุณภาพของเครื่องมือทั้งระบบเป็นไปด้วยดี ต่างจากการใช้ยางรัด ที่ทุกครั้งของการปรับเครื่องมือต้องแกะ ดึงและรัดยางใหม่ ส่งผลให้ต้องใช้เวลานานในการปรับ ซึ่งอาจทำให้ระบบการจัดฟันเสียไปได้
  • พบทันตแพทย์น้อยลง ประมาณ 6-8 สัปดาห์ต่อครั้ง ขณะที่การจัดฟันลวดโลหะทั่วไปจำเป็นต้องพบแพทย์ทุก 4 สัปดาห์ เพื่อเปลี่ยนยางรัดใหม่

ประโยชน์ของจัดฟันแบบดามอน

  • แก้ปัญหาฟันได้หลากหลาย เช่น ฟันยื่น ฟันเอียง ฟันห่าง และเห็นผลลัพธ์ได้รวดเร็ว
  • แก้ปัญหาโครงหน้าให้สวยพอดี โดยช่วยปรับปรุงฟันจะเข้ากับรูปหน้าและปากของแต่ละคน โดยไม่ปรับและดึงหน้าจนเกินไป จึงทำให้ผู้จัดฟันมีรอยยิ้มสดใสเป็นธรรมชาติ
  • ช่วยให้ผู้จัดฟันอาจไม่ต้องถอนฟันหรือผ่าตัดก่อนจัดฟัน
  • ช่วยให้คนที่มีเวลาน้อย หรือมีข้อจำกัดในการพบทันตแพทย์บ่อยๆ สามารถพบแพทย์น้อยลงฆ

จัดฟันแบบดามอนเหมาะกับใคร?

การจัดฟันแบบดามอนเหมาะกับแทบทุกเพศทุกวัยที่มีปัญหาเกี่ยวกับฟัน ดังต่อไปนี้

  • คนทำงานที่ไม่ต้องการให้มองเห็นเครื่องมือจัดฟันชัดเจน เพราะแบร็คเก็ตจะเป็นสีกลมกลืนกับสีฟัน
  • ผู้มีปัญหาฟันซ้อนเก ฟันห่าง ฟันบนหรือฟันล่างยื่น
  • ผู้มีปัญหาการสบฟัน เช่น ฟันสบลึก ฟันสบเปิด
  • ผู้มีปัญหาเรื่องการกัด เช่น ฟันกัดคร่อม ฟันกัดเบี้ยว
  • ผู้มีปัญหาฟันและขากรรไกรแบบแคบ เพราะการจัดแบบดามอน ลวดที่รัดจะมีความยืดหยุ่นมากช่วยขยายฟันได้ดี
  • ผู้มีปัญหาฟันที่มีความยุ่งยากซับซ้อน เช่น ฟันเอียง ซึ่งต้องอาศัยการเคลื่อนฟันมากๆ และต้องใช้หมุดในการดึงฟันเพื่อช่วยดึงฟันให้เข้าที่ได้เร็วและะเจ็บปวดน้อย
  • เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่ต้องการจัดฟันแต่กระดูกขากรรไกรยังยืดหยุ่นอยู่ ซึ่งการจัดฟันแบบดามอนจะสามารถขยายได้ทั้งฟันและกระดูก

ข้อดีของการจัดฟันแบบดามอน

  • เจ็บปวดน้อยกว่าการจัดฟันลวดแบบดั้งเดิม
  • ใช้เวลาในการจัดฟันน้อย โดยเฉลี่ยจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ภายในประมาณ 6 เดือน
  • ฟันเคลื่อนที่นุ่มนวล ทำให้ผู้จัดรู้สึกสบายภายในช่องปาก
  • ลดการเกิดคราบหินปูนและกลิ่นปาก เพราะทำความสะอาดได้ง่าย
  • ลดอาการระคายเคือง และแผลในช่องปาก
  • ลดโอกาสการเกิดฟันผุ
  • ลดโอกาสการเกิดเหงือกอักเสบ
  • ลดโอกาสที่จะต้องผ่าหรือถอนฟันเพื่อจัดฟัน
  • ลดแรงเสียดทาน ไม่มีแรงดึงหรือรั้งจากยางรัด เพราะเครื่องมือจัดฟันแบบดามอนเป็นคลิปบานล็อคสไลด์เปิด-ปิด
  • พบทันตแพทย์น้อยลง ประมาณ 6-8 สัปดาห์ต่อครั้ง

ข้อเสียของการจัดฟันแบบดามอน

  • ค่าใช้จ่ายสูง
  • ไม่สามารถเปลี่ยนสีสันของยางได้ทุกเดือน เหมือนการจัดฟันทั่วไป

การเตรียมตัวก่อนการจัดฟันแบบดามอน

  1. ปรึกษาทันตแพทย์ เพื่อตรวจสภาพภายในช่องปากและปัญหาของฟัน
  2. แจ้งทันตแพทย์ หากมีโรคประจำตัวหรือมีการแพ้ยา เพื่อให้แพทย์ได้วางแผนการจัดฟัน พร้อมอธิบายแนวทางและข้อควรปฏิบัติที่เหมาะสม เพื่อประกอบการตัดสินใจเลือกวิธีการจัดฟัน
  3. เคลียร์ช่องปากให้พร้อม เช่น ถ้ามีปัญหาฟันผุ หินปูน โรคเหงือก หรือรากฟันอักเสบ จำเป็นต้องรักษาให้หายก่อน
  4. อาจต้องมีการถอนฟันเพื่อจัดฟันสำหรับบางคน

โดยขั้นตอนเหล่านี้อาจใช้ระยะเวลาประมาณ 1-4 สัปดาห์ ก่อนจะนัดหมายทันตแพทย์ เพื่อจัดฟันต่อไป

ขั้นตอนการจัดฟันแบบดามอน

  1. ตรวจวินิจฉัยโครงสร้างฟันและช่องปาก
  2. ถ่ายรูป และถ่าย X-Ray เพื่อให้เห็นการเรียงตัวของฟัน ขากรรไกร การสบของฟัน เพื่อแพทย์จะนำข้อมูลมาออกแบบการจัดฟัน เพื่อช่วยเสริมโครงสร้างใบหน้าให้เข้ารูปสวยงาม
  3. พิมพ์ปาก สร้างแบบจำลองฟัน เพื่อใช้สำหรับวางแผนในการจัดฟัน
  4. เคลียร์ช่องปากก่อนจัดฟัน เช่น ขูดหินปูน ถอนฟัน อุดฟัน ผ่าฟันคุด เป็นต้น
  5. ติดเครื่องมือจัดฟัน โดยทันตแพทย์จะใช้เครื่องมือขยายริมฝีปากเล็กน้อย หลังจากนั้นจะเป่าและกัดผิวฟันด้วยน้ำยาทางทันตกรรมเพื่อติดเครื่องมือจัดฟัน และจะใช้ลวดจัดฟันติดกับคลิปล็อคข้างในเครื่องมือจัดฟัน
  6. หลังถอดเครื่องมือจัดฟันแล้ว ต้องสวมใส่เครื่องมือคงสภาพฟัน (Retainer) เพื่อคงสภาพฟันไม่ให้ล้มหรือเก และเพื่อป้องกันไม่ให้ฟันเคลื่อนกลับไปตำแหน่งเดิม

การดูแลตัวเองระหว่างจัดฟันแบบดามอน

  • รักษาความสะอาดฟันและช่องปากอย่างถูกวิธี และสม่ำเสมอ
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์ ตั้งแต่เริ่มจัดฟันจนเสร็จสิ้น เพื่อให้การจัดฟันประสบความสำเร็จได้เร็ว และได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจ
  • พบทันตแพทย์ผู้เชียวชาญด้านการรักษาโรคเหงือก หากมีปัญหาโรคเหงือก
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีความแข็งหรือเหนียวในระหว่างการจัดฟัน
  • ไม่เคี้ยวหรือกัดของแข็ง เพราะอาจทำให้วัสดุจัดฟันหลุด ซึ่งจะทำให้การจัดฟันล่าช้าได้
  • รับประทานยาแก้ปวด หากภายหลังติดเครื่องมือจัดฟันรู้สึกปวด จนกว่าร่างกายจะชินกับเครื่องมือจัดฟันที่สวมใส่
  • กลับมาพบทันตแพทย์ตามนัดทุก 6-8 สัปดาห์ เพื่อตรวจการเคลื่อนของฟัน ปรับลวดจัดฟันและเครื่องมืออย่างสม่ำเสมอ

การดูแลตัวเองหลังถอดเครื่องมือจัดฟันแบบดามอน

  • ใส่รีเทนเนอร์ตลอดตามแพทย์แนะนำ
  • เอกซเรย์หลังจัดฟันเพื่อเช็กผลลัพธ์ของการจัดฟัน
  • ขูดหินปูนหลังถอดเครื่องมือ
  • ตรวจสุขภาพฟันทุก 6 เดือน

จัดฟันแบบดามอนต้องพบทันตแพทย์บ่อยไหม?

สำหรับการจัดฟันแบบดามอน ทันตแพทย์จะนัดตรวจและปรับเครื่องมือกับผู้จัดฟันประมาณ 6-8 สัปดาห์ ขณะที่การจัดฟันทั่วไปจำเป็นต้องพบทันตแพทย์อย่างน้อย 4 สัปดาห์ต่อครั้ง เพื่อเปลี่ยนยางรัด เนื่องจากยางที่ใช้จะเสื่อมสภาพได้ง่าย

ข้อควรระวังของจัดฟันแบบดามอน

ระหว่างการติดเครื่องมือจัดฟัน ผู้จัดฟันควรระวังในเรื่อง ดังต่อไปนี้

  • หลีกเลี่ยงการใช้ไหมขัดฟัน
  • หลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารที่เเข็ง เหนียว และมีขนาดใหญ่ เช่น น้ำแข็ง หมากฝรั่ง ลูกอม เนื้อย่างติดมัน ข้าวเหนียว เป็นต้น เพราะอาจทำให้เหล็กจัดฟันหลุดได้
  • หลีกเลี่ยงการกัด หรือแทะอาหารโดยตรง เช่น ข้าวโพด ซี่โครงหมู เป็นต้น เพราะจะทำให้เศษอาหารติดอยู่ระหว่างเครื่องมือจัดฟันและบริเวณลวดจัดฟัน ซึ่งอาจส่งผลให้ฟันผุและมีกลิ่นปากได้
  • หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำอัดลม และเครื่องดื่มที่มีความเป็นกรด
  • หลีกเลี่ยงการเล่นเครื่องดนตรีประเภทเป่า

จัดฟันแบบดามอนใช้เวลานานไหม?

การจัดฟันแบบดามอนสามารถเห็นผลชัดเจน โดยเฉลี่ยจะใช้ระยะเวลาประมาณ 6 เดือนถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาของฟัน และโครงสร้างฟันของแต่ละคน ซึ่งหากมีฟันซ้อนหรือฟันเกมากก็อาจจะใช้เวลามากขึ้น

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการจัดฟันแบบดามอน ฟันสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วกว่า จึงใช้ระยะเวลาในการจัดฟันน้อยกว่าการจัดฟันทั่วไป ประมาณ 7 เดือน ซึ่งการจัดฟันทั่วไปจะใช้เวลาอยู่ที่ 2-3 ปี

การจัดฟันแบบดามอน เป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่งสำหรับผู้ต้องการจัดฟัน เพราะถือเป็นนวัตกรรมล่าสุดที่สามารถแก้ปัญหาฟันได้หลากหลาย และช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพด้วยรอยยิ้มสดใดและสุขภาพภายในช่องปากที่ดีขึ้นของผู้จัดฟัน


เช็กราคาการจัดฟันแบบดามอน

Scroll to Top