ปัจจุบันการจัดฟันเป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะสามารถช่วยทั้งในแง่การแก้ปัญหาฟัน และในแง่ความสวยงาม ที่ทำให้ฟันเรียงตัวสวย เพิ่มความมั่นใจ สร้างรอยยิ้มสดใสให้กับผู้จัดฟัน ซึ่งเทคโนโลยีล่าสุดที่ได้รับการยอมรับและใช้กันอย่างแพร่หลาย ได้แก่ การจัดฟันชนิดติดแน่นเทคนิคดามอน หรือเรียกกันว่า การจัดฟันแบบดามอน
สารบัญ
- จัดฟันแบบดามอนคืออะไร?
- จัดฟันแบบดามอนมีกี่แบบ?
- จัดฟันแบบดามอนต่างกับแบบอื่นยังไง?
- ประโยชน์ของจัดฟันแบบดามอน
- จัดฟันแบบดามอนเหมาะกับใคร?
- ข้อดีของการจัดฟันแบบดามอน
- ข้อเสียของการจัดฟันแบบดามอน
- การเตรียมตัวก่อนการจัดฟันแบบดามอน
- ขั้นตอนการจัดฟันแบบดามอน
- การดูแลตัวเองระหว่างจัดฟันแบบดามอน
- จัดฟันแบบดามอนต้องพบทันตแพทย์บ่อยไหม?
- ข้อควรระวังของจัดฟันแบบดามอน
- จัดฟันแบบดามอนใช้เวลานานไหม?
จัดฟันแบบดามอนคืออะไร?
การจัดฟันแบบดามอน (Damon System) คือ นวัตกรรมการจัดฟันล่าสุด ที่ปัจจุบันได้รับการยอมรับทั้งจากทันตแพทย์และผู้จัดฟันว่า มีประสิทธิภาพสูงในการลดระยะเวลาการจัดฟันให้สั้นลงและทำให้ฟันเรียงตัวสวยงามได้เร็วขึ้น ขณะเดียวกันก็ทำให้ผู้จัดฟันเจ็บปวดน้อยลง และไม่จำเป็นต้องพบแพทย์ทุกเดือนเหมือนการจัดฟันแบบทั่วไป
การจัดฟันแบบดามอนมีจุดเด่นอยู่ที่การทำงานของเครื่องมือจัดฟัน ซึ่งเป็นการผสมผสานการใช้วัสดุทันสมัยคือ การใช้วัสดุติดบนผิวฟัน ลักษณะเป็นบานล๊อคเปิดและปิด (Self-Ligating Brackets) ร่วมกับการใช้ลวดจัดฟันคุณภาพสูง (Hi-tech Archwires) ซึ่งผลิตจากวัสดุที่มีความลื่น เรียบ แข็งแรง ยืดหยุ่นได้ดี จึงทำให้ผู้จัดฟันไม่รู้สึกระคายเคืองและลดความเจ็บปวดลง แต่มีประสิทธิภาพสูง เพราะสามารถบังคับการเคลื่อนที่ของฟันให้เคลื่อนไปในตำแหน่งที่ต้องการได้เร็วขึ้น
นอกจากนี้ การจัดฟันแบบดามอนยังได้รับการยอมรับและพิสูจน์จากทั่วโลกว่า ช่วยปรับปรุงโครงสร้างใบหน้าให้ดูดีขึ้นเพราะไม่ดึง หรือรั้งฟันจนเกินไป และช่วยลดความจำเป็นที่ต้องถอนฟันเพื่อการจัดฟัน ตลอดจนสามารถจัดฟันที่ซับซ้อนได้ง่ายและใช้เวลาไม่นาน
จัดฟันแบบดามอนมีกี่แบบ?
การจัดฟันแบบดามอน มี 2 แบบ ดังต่อไปนี้
- จัดฟันดามอน คิว (Damon Q) เป็นการใช้เครื่องมือจัดฟัน หรือ แบร็คเก็ต (Brackets) โลหะสีเงิน เมื่อติดเครื่องมือจัดฟันชนิดนี้บนฟัน เวลายิ้ม พูดคุย หัวเราะ จะเห็นเครื่องมือจัดฟันชัดเจน
- จัดฟันดามอน เคลียร์ (Damon Clear) เป็นการใช้เครื่องมือจัดฟัน หรือ แบร็คเก็ต ชนิดสีเหมือนเนื้อฟัน หรือสีใส ทำให้เมื่อติดลงบนฟันจะมองเห็นเครื่องมือไม่ชัดเจน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการบุคลิกภาพที่ดีระหว่างการจัดฟัน
จัดฟันแบบดามอนต่างกับแบบอื่นยังไง?
- ใช้แบร็คเก็ตที่มีลักษณะเป็นคลิปล็อค หรือบานล๊อคเปิด-ปิดในการล็อคลวดจัดฟันเอาไว้ ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพ และลดความยุ่งยากจากการใช้ยางที่ต้องรัด ดึง และยึดแบร็คเก็ตกับลวดของการจัดฟันแบบโลหะทั่วไป
- ลดแรงเสียดทาน ที่เคยเกิดจากการใช้ยางรัด จึงทำให้ฟันสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างเป็นอิสระมากขึ้น และส่งผลให้การปรับระดับและการจัดเรียงฟันสวยงามในเวลาสั้นลง
- ลดความเจ็บปวดภายในช่องปากให้น้อยลง
- ทำความสะอาดง่าย จึงไม่เกิดปัญหากลิ่นปากหรือหินปูนเหมือนการใช้ยางรัด เพราะจุดที่ใช้ยางรัดจะเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียและคราบพลัค ทำให้ต้องขูดหินปูนบ่อยๆ เช่น ทุก 6 เดือน เป็นต้น
- ลดเวลาในการปรับเครื่องมือจัดฟันแต่ละครั้ง ซึ่งทำให้การควบคุมคุณภาพของเครื่องมือทั้งระบบเป็นไปด้วยดี ต่างจากการใช้ยางรัด ที่ทุกครั้งของการปรับเครื่องมือต้องแกะ ดึงและรัดยางใหม่ ส่งผลให้ต้องใช้เวลานานในการปรับ ซึ่งอาจทำให้ระบบการจัดฟันเสียไปได้
- พบทันตแพทย์น้อยลง ประมาณ 6-8 สัปดาห์ต่อครั้ง ขณะที่การจัดฟันลวดโลหะทั่วไปจำเป็นต้องพบแพทย์ทุก 4 สัปดาห์ เพื่อเปลี่ยนยางรัดใหม่
ประโยชน์ของจัดฟันแบบดามอน
- แก้ปัญหาฟันได้หลากหลาย เช่น ฟันยื่น ฟันเอียง ฟันห่าง และเห็นผลลัพธ์ได้รวดเร็ว
- แก้ปัญหาโครงหน้าให้สวยพอดี โดยช่วยปรับปรุงฟันจะเข้ากับรูปหน้าและปากของแต่ละคน โดยไม่ปรับและดึงหน้าจนเกินไป จึงทำให้ผู้จัดฟันมีรอยยิ้มสดใสเป็นธรรมชาติ
- ช่วยให้ผู้จัดฟันอาจไม่ต้องถอนฟันหรือผ่าตัดก่อนจัดฟัน
- ช่วยให้คนที่มีเวลาน้อย หรือมีข้อจำกัดในการพบทันตแพทย์บ่อยๆ สามารถพบแพทย์น้อยลงฆ
จัดฟันแบบดามอนเหมาะกับใคร?
การจัดฟันแบบดามอนเหมาะกับแทบทุกเพศทุกวัยที่มีปัญหาเกี่ยวกับฟัน ดังต่อไปนี้
- คนทำงานที่ไม่ต้องการให้มองเห็นเครื่องมือจัดฟันชัดเจน เพราะแบร็คเก็ตจะเป็นสีกลมกลืนกับสีฟัน
- ผู้มีปัญหาฟันซ้อนเก ฟันห่าง ฟันบนหรือฟันล่างยื่น
- ผู้มีปัญหาการสบฟัน เช่น ฟันสบลึก ฟันสบเปิด
- ผู้มีปัญหาเรื่องการกัด เช่น ฟันกัดคร่อม ฟันกัดเบี้ยว
- ผู้มีปัญหาฟันและขากรรไกรแบบแคบ เพราะการจัดแบบดามอน ลวดที่รัดจะมีความยืดหยุ่นมากช่วยขยายฟันได้ดี
- ผู้มีปัญหาฟันที่มีความยุ่งยากซับซ้อน เช่น ฟันเอียง ซึ่งต้องอาศัยการเคลื่อนฟันมากๆ และต้องใช้หมุดในการดึงฟันเพื่อช่วยดึงฟันให้เข้าที่ได้เร็วและะเจ็บปวดน้อย
- เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่ต้องการจัดฟันแต่กระดูกขากรรไกรยังยืดหยุ่นอยู่ ซึ่งการจัดฟันแบบดามอนจะสามารถขยายได้ทั้งฟันและกระดูก
ข้อดีของการจัดฟันแบบดามอน
- เจ็บปวดน้อยกว่าการจัดฟันลวดแบบดั้งเดิม
- ใช้เวลาในการจัดฟันน้อย โดยเฉลี่ยจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ภายในประมาณ 6 เดือน
- ฟันเคลื่อนที่นุ่มนวล ทำให้ผู้จัดรู้สึกสบายภายในช่องปาก
- ลดการเกิดคราบหินปูนและกลิ่นปาก เพราะทำความสะอาดได้ง่าย
- ลดอาการระคายเคือง และแผลในช่องปาก
- ลดโอกาสการเกิดฟันผุ
- ลดโอกาสการเกิดเหงือกอักเสบ
- ลดโอกาสที่จะต้องผ่าหรือถอนฟันเพื่อจัดฟัน
- ลดแรงเสียดทาน ไม่มีแรงดึงหรือรั้งจากยางรัด เพราะเครื่องมือจัดฟันแบบดามอนเป็นคลิปบานล็อคสไลด์เปิด-ปิด
- พบทันตแพทย์น้อยลง ประมาณ 6-8 สัปดาห์ต่อครั้ง
ข้อเสียของการจัดฟันแบบดามอน
- ค่าใช้จ่ายสูง
- ไม่สามารถเปลี่ยนสีสันของยางได้ทุกเดือน เหมือนการจัดฟันทั่วไป
การเตรียมตัวก่อนการจัดฟันแบบดามอน
- ปรึกษาทันตแพทย์ เพื่อตรวจสภาพภายในช่องปากและปัญหาของฟัน
- แจ้งทันตแพทย์ หากมีโรคประจำตัวหรือมีการแพ้ยา เพื่อให้แพทย์ได้วางแผนการจัดฟัน พร้อมอธิบายแนวทางและข้อควรปฏิบัติที่เหมาะสม เพื่อประกอบการตัดสินใจเลือกวิธีการจัดฟัน
- เคลียร์ช่องปากให้พร้อม เช่น ถ้ามีปัญหาฟันผุ หินปูน โรคเหงือก หรือรากฟันอักเสบ จำเป็นต้องรักษาให้หายก่อน
- อาจต้องมีการถอนฟันเพื่อจัดฟันสำหรับบางคน
โดยขั้นตอนเหล่านี้อาจใช้ระยะเวลาประมาณ 1-4 สัปดาห์ ก่อนจะนัดหมายทันตแพทย์ เพื่อจัดฟันต่อไป
ขั้นตอนการจัดฟันแบบดามอน
- ตรวจวินิจฉัยโครงสร้างฟันและช่องปาก
- ถ่ายรูป และถ่าย X-Ray เพื่อให้เห็นการเรียงตัวของฟัน ขากรรไกร การสบของฟัน เพื่อแพทย์จะนำข้อมูลมาออกแบบการจัดฟัน เพื่อช่วยเสริมโครงสร้างใบหน้าให้เข้ารูปสวยงาม
- พิมพ์ปาก สร้างแบบจำลองฟัน เพื่อใช้สำหรับวางแผนในการจัดฟัน
- เคลียร์ช่องปากก่อนจัดฟัน เช่น ขูดหินปูน ถอนฟัน อุดฟัน ผ่าฟันคุด เป็นต้น
- ติดเครื่องมือจัดฟัน โดยทันตแพทย์จะใช้เครื่องมือขยายริมฝีปากเล็กน้อย หลังจากนั้นจะเป่าและกัดผิวฟันด้วยน้ำยาทางทันตกรรมเพื่อติดเครื่องมือจัดฟัน และจะใช้ลวดจัดฟันติดกับคลิปล็อคข้างในเครื่องมือจัดฟัน
- หลังถอดเครื่องมือจัดฟันแล้ว ต้องสวมใส่เครื่องมือคงสภาพฟัน (Retainer) เพื่อคงสภาพฟันไม่ให้ล้มหรือเก และเพื่อป้องกันไม่ให้ฟันเคลื่อนกลับไปตำแหน่งเดิม
การดูแลตัวเองระหว่างจัดฟันแบบดามอน
- รักษาความสะอาดฟันและช่องปากอย่างถูกวิธี และสม่ำเสมอ
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์ ตั้งแต่เริ่มจัดฟันจนเสร็จสิ้น เพื่อให้การจัดฟันประสบความสำเร็จได้เร็ว และได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจ
- พบทันตแพทย์ผู้เชียวชาญด้านการรักษาโรคเหงือก หากมีปัญหาโรคเหงือก
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีความแข็งหรือเหนียวในระหว่างการจัดฟัน
- ไม่เคี้ยวหรือกัดของแข็ง เพราะอาจทำให้วัสดุจัดฟันหลุด ซึ่งจะทำให้การจัดฟันล่าช้าได้
- รับประทานยาแก้ปวด หากภายหลังติดเครื่องมือจัดฟันรู้สึกปวด จนกว่าร่างกายจะชินกับเครื่องมือจัดฟันที่สวมใส่
- กลับมาพบทันตแพทย์ตามนัดทุก 6-8 สัปดาห์ เพื่อตรวจการเคลื่อนของฟัน ปรับลวดจัดฟันและเครื่องมืออย่างสม่ำเสมอ
การดูแลตัวเองหลังถอดเครื่องมือจัดฟันแบบดามอน
- ใส่รีเทนเนอร์ตลอดตามแพทย์แนะนำ
- เอกซเรย์หลังจัดฟันเพื่อเช็กผลลัพธ์ของการจัดฟัน
- ขูดหินปูนหลังถอดเครื่องมือ
- ตรวจสุขภาพฟันทุก 6 เดือน
จัดฟันแบบดามอนต้องพบทันตแพทย์บ่อยไหม?
สำหรับการจัดฟันแบบดามอน ทันตแพทย์จะนัดตรวจและปรับเครื่องมือกับผู้จัดฟันประมาณ 6-8 สัปดาห์ ขณะที่การจัดฟันทั่วไปจำเป็นต้องพบทันตแพทย์อย่างน้อย 4 สัปดาห์ต่อครั้ง เพื่อเปลี่ยนยางรัด เนื่องจากยางที่ใช้จะเสื่อมสภาพได้ง่าย
ข้อควรระวังของจัดฟันแบบดามอน
ระหว่างการติดเครื่องมือจัดฟัน ผู้จัดฟันควรระวังในเรื่อง ดังต่อไปนี้
- หลีกเลี่ยงการใช้ไหมขัดฟัน
- หลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารที่เเข็ง เหนียว และมีขนาดใหญ่ เช่น น้ำแข็ง หมากฝรั่ง ลูกอม เนื้อย่างติดมัน ข้าวเหนียว เป็นต้น เพราะอาจทำให้เหล็กจัดฟันหลุดได้
- หลีกเลี่ยงการกัด หรือแทะอาหารโดยตรง เช่น ข้าวโพด ซี่โครงหมู เป็นต้น เพราะจะทำให้เศษอาหารติดอยู่ระหว่างเครื่องมือจัดฟันและบริเวณลวดจัดฟัน ซึ่งอาจส่งผลให้ฟันผุและมีกลิ่นปากได้
- หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำอัดลม และเครื่องดื่มที่มีความเป็นกรด
- หลีกเลี่ยงการเล่นเครื่องดนตรีประเภทเป่า
จัดฟันแบบดามอนใช้เวลานานไหม?
การจัดฟันแบบดามอนสามารถเห็นผลชัดเจน โดยเฉลี่ยจะใช้ระยะเวลาประมาณ 6 เดือนถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาของฟัน และโครงสร้างฟันของแต่ละคน ซึ่งหากมีฟันซ้อนหรือฟันเกมากก็อาจจะใช้เวลามากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการจัดฟันแบบดามอน ฟันสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วกว่า จึงใช้ระยะเวลาในการจัดฟันน้อยกว่าการจัดฟันทั่วไป ประมาณ 7 เดือน ซึ่งการจัดฟันทั่วไปจะใช้เวลาอยู่ที่ 2-3 ปี
การจัดฟันแบบดามอน เป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่งสำหรับผู้ต้องการจัดฟัน เพราะถือเป็นนวัตกรรมล่าสุดที่สามารถแก้ปัญหาฟันได้หลากหลาย และช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพด้วยรอยยิ้มสดใดและสุขภาพภายในช่องปากที่ดีขึ้นของผู้จัดฟัน