เพชรสังฆาต ประโยชน์ สรรพคุณ วิธีใช้ ข้อควรระวัง

เพชรสังฆาต คือ ยาแก้โรคริดสีดวงทวารและรักษาโรคอื่นๆ เกี่ยวกับระบบขับถ่าย เช่น เป็นยาระบายแก้ท้องผูก ท้องืด ขับลมในลำไส้ สามารถช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย ช่วยต้านสารอนุมูลอิสระ แก้เลือดเสียในสตรีได้ โรงพยาบาลเจ้าพระอภัยภูเบศร์ใช้เพชรสังฆาตแทนยาแผนปัจจุบันด้วย ซึ่งแต่ละส่วนของต้นเพชรสังฆาตก็จะใช้รักษาอาการแตกต่างกันไป

สรรพคุณของเพชรสังฆาต

เพชรสังฆาตมีสรรพคุณเด่นในการใช้เป็นยาแก้โรคริดสีดวงทวารหนัก ด้วยการนำส่วนต่างๆ คือ ราก ลำต้น ใบ และเถามาใช้ โดยสามารถรักษาโรคต่างๆ ดังนี้

  • ช่วยแก้ท้องอืด และท้องเฟ้อ แก้อาการจุกเสียด ขับลมในลำไส้
  • รักษาโรคริดสีดวงทวาร เพราะเพชรสังฆาตอุดมไปด้วยวิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดอาการอักเสบ ทำให้หลอดเลือดดำบริเวณทวารหนักหดตัวลง ลดอาการเลือดดำคั่ง และทำให้ระบบโลหิตไหลเวียนสะดวกขึ้น
  • บำรุงกระดูก ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์กระดูกพร้อมกับลดอาการบวม หรืออักเสบ เมื่อเปรียบเทียบกับการให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนเพื่อรักษาความหนาแน่นของกระดูกแล้ว พบว่า เพชรสังฆาตให้ผลดีกับความหนาแน่นของมวลกระดูก และความแข็งแรงได้มากกว่า
  • ช่วยระบายท้อง เพชรสังฆาตมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ ดังนั้นจึงเหมาะกับผู้ที่มีอาการท้องผูกเป็นอย่างมาก
  • รักษาโรคอื่นๆ ช่วยลดน้ำหนัก ใช้หยอดหูแก้น้ำหนวกไหล แก้เลือดเสียในสตรี ทำให้เจริญอาหาร ต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ใช้เป็นยาพอกกระดูกหัก อีกทั้งยังช่วยต้านอนุมูลอิสระ และชะลอความแก่ด้วย

ปัจจุบันกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้ยืนยันถึงสรรพคุณของเพชรสังฆาตแล้วว่า มีประสิทธิภาพสูง สามารถรักษาโรคริดสีดวงทวารได้ผลดีเทียบเท่ายาแผนปัจจุบัน และได้รับการบรรจุขึ้นบัญชียาหลักแห่งชาติอีกด้วย

ในโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ ได้มีการใช้เพชรสังฆาตแทนยาแผนปัจจุบันสำหรับแพทย์แผนโบราณด้วย โดยชิ้นส่วนของเพชรสังฆาตสามารถนำมาใช้รักษาโรคได้ดังนี้

  • ราก ช่วยรักษากระดูกที่แตกหัก ทำให้กระดูกสมานติดกันง่ายขึ้น
  • ต้น แก้อาการประจำเดือนมาไม่ปกติ แก้หูน้ำหนวก ช่วยให้เจริญอาหาร และขับน้ำเหลือง
  • ใบ ขับน้ำเหลืองเสีย สมานกระดูกที่หักให้ติดกันได้ไวขึ้น
  • เถา แก้จุกเสียด ขับลมในลำไส้ บรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือกระดูกซ้น

ข้อควรระวังและโทษที่อาจเกิดได้จากเพชรสังฆาต

  • เพชรสังฆาตมีสารแคลเซียมออกซาเลท (Calcium Oxalate) ดังนั้นการรับประทานแบบสดๆ อาจทำให้เกิดการระคายเคืองในเยื่อบุปาก หรือคอได้ ดังนั้นควรรับประทานชนิดแคปซูลจะดีกว่า
  • เด็ก สตรีมีครรภ์รวม หญิงที่กำลังให้นมบุตร ไม่ควรรับประทานเพชรสังฆาต หรือควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน
  • ผู้ใช้เพชรสังฆาตบางรายอาจมีอาการท้องผูก ท้องเสีย ท้องอืด และอาเจียน ดังนั้นควรรับประทานในปริมาณที่กำหนดอย่างเหมาะสม
  • บางโรคที่เพชรสังฆาตรักษาได้แต่ยังไม่มีการระบุ หรือผลวิจัยเป็นหลักฐานที่แน่ชัด ดังนั้นการรับประทานเพชรสังฆาตจึงควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ หรือหากมีโรคประจำตัวก็ควรปรึกษาแพทย์ก่อนจะดีที่สุด

ผลิตภัณฑ์เพชรสังฆาตมีอะไรบ้าง 

การใช้เพชรสังฆาตในปัจจุบันได้ถูกแปรรูปให้มีลักษณะเป็นแคปซูล ซึ่งอยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัย และสะดวกต่อการรับประทาน โดยสามารถหาซื้อได้ง่ายตามร้านขายยาแผนปัจจุบัน ร้านขายยาสมุนไพรทั่วไป หรือสั่งซื้อตามร้านออนไลน์ก็ได้

การรับประทานเพชรสังฆาตหรือสมุนไพรใดๆ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปของต้นสดๆ หรือผ่านกระบวนการผลิตในโรงงาน จำเป็นที่จะต้องรักษาความสะอาดทุกขั้นตอนโดยปราศจากสิ่งปลอมปน หากเป็นไปได้ ก็ควรเลือกแหล่งผลิตที่ไม่มีสารตกค้างปนเปื้อน เพื่อผู้บริโภคจะได้ความปลอดภัยอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ คุณไม่ควรรับประทานสมุนไพรเพื่อบำรุง หรือรักษาอาการเจ็บป่วยโดยไม่ปรึกษาแพทย์ก่อน เพราะอาจทำให้เกิดอาการข้างเคียง หรืออาการแพ้ที่รุนแรงได้

 

Scroll to Top