10 สัญญาณเตือนโรคร้ายต่อไปนี้ ที่คุณสามารถสังเกตุได้จากเท้าของคุณเอง ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน โรคต่อมไทรอยด์ หรือโรคหัวใจ เพื่อให้คุณรู้ตัวตั้งแต่เนิ่นๆ เพียงแค่สังเกตุตัวเอง
สารบัญ
1. เท้าแห้งแตก
หากเท้าของคุณมีลักษณะแห้งและแตกเป็นแผ่น ให้สันนิษฐานได้ว่าอาจเป็นสัญญาณของโรคไทรอยด์ โดยเฉพาะเมื่อคุณทาโลชั้นหรือครีมเท่าไหร่ก็ไม่หายสักที เมื่อเกิดภาวะไม่ปกติ ไทรอยด์ที่เป็นอวัยวะหนึ่งในระบบต่อมไร้ท่อตั้งอยู่ด้านหน้าของลำคอมีรูปร่างคล้ายผีเสื้อ จะผลิตไทรอยด์ฮอร์โมนเพื่อควบคุมการเผาผลาญของร่างกาย ควบคุมความดันโลหิต การเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อ และการพัฒนาระบบการทำงานของกระดูกและระบบประสาท แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า “ความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับต่อมไทรอยด์เป็นสาเหตุทำให้ผิวแห้งแตกอย่างรุนแรง และเมื่อเราพบรอยแตกกร้านที่เท้าของผู้ที่มารับคำปรึกษา เราจะแนะนำให้เขาใช้ครีมบำรุงประมาณ 1 สัปดาห์ หากอาการแห้งกร้านไม่หายไป เราจะแนะนำให้ผู้ป่วยเข้ารับการตรวจเพื่อให้แน่ใจว่าต่อมไทรอยด์ยังทำงานปกติดี” นอกจากนี้ เล็บเท้าที่เปราะและแตกง่ายก็เป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่บ่งบอกความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ได้เช่นกัน
2. นิ้วเท้าโล้นไร้ขน
หากสังเกตุว่าอยู่ๆ ขนบนนิ้วเท้าของคุณหายไป สันนิษฐานได้ว่าอาจเป็นสัญญาณของโรคหลอดเลือดส่วนปลายตีบ (PAD) โดยสัญญาณของโรค PAD อาจรวมถึงการลดจำนวนลงอย่างผิดปกติของเส้นขนบนหัวแม่เท้า นิ้วเท้ามีสีม่วง และผิวที่เท้าบางลงหรือมีลักษณะมันเงา พบว่าเมื่อเป็นโรค PAD ร่างกายจะมีการสะสมของคราบจุลินทรีย์ในหลอดเลือดแดงที่ขา โดยอาจบ่งชี้อาการได้ยาก แต่แพทย์สามารถตรวจหาโรคได้จากการวัดชีพจรที่เท้าหรือจากการเอ็กซ์เรย์
3. แผลพุพองเรื้อรังบริเวณเท้า
หากคุณพบว่ามีแผลพุพองเรื้อรังบริเวณเท้า สันนิษฐานได้ว่าอาจเป็นสัญญาณของโรคเบาหวาน เนื่องจากระดับกลูโคสที่ไม่ได้รับการควบคุมสามารถก่อกวนระบบการทำงานของเส้นประสาทและทำให้การไหลเวียนโลหิตแย่ลง เป็นสาเหตุให้เลือดไหลเวียนไปไม่ถึงเท้า และเมื่อเลือดไม่สามารถไหลเวียนไปยังแผลได้ซึ่งอาจมีสาเหตุมากจากอาการระคายเคืองจากการสวมรองเท้า ทำให้แผลเกิดขึ้นซ้ำๆ และเรื้อรัง อาการอื่นที่มีสาเหตุมากจากการเป็นโรคเบาหวานอาจรวมถึงอาการรู้สึกเสียวชาที่เท้า ซึ่งผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด
4. อาการปวดบวมที่นิ้วหัวแม่เท้า
อาจเป็นผลพวงมาจากอาหารที่คุณทาน โดยอาการปวดบวมที่เท้ามักเกิดขึ้นหลังจากมื้ออาหาร ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของโรคเกาต์ที่มักมีผลต่อข้อต่อและนิ้วเท้า โดยอาหารที่มีพิวรีนสูงเป็นสาเหตุของโรคดังกล่าว พบมากในเนื้อแดง ปลา และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บางประเภท โดยร่างกายจะผลิตกรดยูริคเพิ่มขึ้นอย่างอัตโนมัติเพื่อคุ้มกันร่างกายซึ่งเป็นสาเหตุของอาการปวดบวมดังกล่าว และเมื่อมีการสะสมกรดยูริคเป็นระยะเวลายาวนานจะทำให้กรดยูริคตกตะกอน แล้วสะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น ข้อต่อหรือข้อเท้า โดยผู้ป่วยที่เป็นโรคจะตื่นเช้าขึ้นมาพร้อมอาการปวดทรมานและบวมแดงตามข้อต่อ ข้อเท้า หรือนิ้วหัวแม่เท้า แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้ผู้ป่วยงดอาหารที่มีพิวรีนสูงและทานยาตามที่แพทย์แนะนำ
5. เส้นเล็กๆ สีแดงใต้เล็บหัวแม่เท้า
อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคหัวใจ หากคุณพบเส้นสีแดงใต้เล็บหัวแม่เท้าหรือตามเล็บมือเล็บเท้า อาจเป็นเพราะหลอดเลือดฝอยแตก โดยอาการดังกล่าวจะมีลักษณะของจุดสีแดงหรือเส้นสีแดงใต้เล็บที่เกิดจากการแตกของลิ่มเลือดและเส้นเลือดฝอย เป็นสัญญาณบ่งบอกอาการเยื่อบุหัวใจอักเสบ ซึ่งเกิดขึ้นได้กับผู้ป่วยโรคหัวใจหรือผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัด ผู้ป่วยโรคเอดส์ และผู้ป่วยโรคเบาหวาน เป็นต้น โดยผู้ป่วยเหล่านี้จะมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอาการเยื่อบุหัวใจอักเสบ ซึ่งการติดเชื้ออาจทำให้หัวใจล้มเหลวได้หากไม่ได้รับการรักษา ดังนั้น หากคุณสังเกตเห็นจุดหรือเส้นสีแดงบริเวณเล็บเท้าที่ไม่ได้เกิดจากอาการบาดเจ็บอื่นๆ แนะนำให้รีบพบแพทย์เพื่อตรวจสอบภาวะโรคหัวใจและระบบไหลเวียนโลหิต
6. นิ้วเท้าปุ้มหรือนิ้วกระบอง
สันนิษฐานได้ว่าอาจเป็นสัญญาณของมะเร็งปอดหรือโรคหัวใจ อีกอาการหนึ่งที่เกิดขึ้นกับนิ้วหัวแม่เท้าและนิ้วมือมักเกี่ยวเนื่องกับโรคมะเร็งปอด โรคปอดติดเชื้อเรื้อรัง โรคหัวใจ หรือโรคที่มีการอักเสบอย่างเรื้อรังในลำไส้ เนื่องจากโรคมะเร็งปอดและโรคหัวใจเป็นสาเหตุทำให้เกิดสารกระตุ้นเลือด ทำให้หลอดเลือดฝอยส่วนปลายของร่างกายซึ่งก็คือปลายนิ้วมือนิ้วเท้าเกิดการขยายตัวและเพิ่มจำนวนทำให้ปลายนิ้วมือหรือนิ้วเท้าพองขยายออกมีลักษณะเป็นปุ้มหรือเหมือนกระบอง หากคุณสังเกตพบว่าปลายนิ้วมือหรือนิ้วเท้ามีลักษณะพองปุ้มออกมา แนะนำให้รีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจเช็คร่างกาย
7. เล็บเท้าหยักบุ๋ม
สันนิษฐานได้ว่าอาจเป็นสัญญาณของโรคสะเก็ดเงิน หากคุณพบว่าเล็บของคุณมีลักษณะเป็นหลุม ร่อน เล็บหนาตัวขึ้น และผิดรูป คุณอาจกำลังเป็นโรคเล็บสะเก็ดเงินก็เป็นได้ แม้ว่าคนส่วนใหญ่ที่เคยเป็นโรคเล็บสะเก็ดเงินอาจมีโอกาสเป็นโรคสะเก็ดเงินบริเวณผิวหนังได้ด้วย อย่างไรก็ตาม 5% ของผู้ที่มีโรคเล็บสะเก็ดเงินจะไม่มีอาการลามไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ดังนั้น หากคุณพบอาการผิดปกติของเล็บเท้าดังที่กล่าวมารวมถึงพบจุดด่างสีขาวหรือเส้นสีขาวพาดเล็บ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์และตรวจเช็คโรคสะเก็ดเงิน หากพบว่าเป็นโรคดังกล่าว แพทย์จะรักษาด้วยครีมหรือฉีด สเตียรอยด์เข้าใต้เล็บ
8. เล็บมีลักษณะเป็นแอ่งเหมือนช้อน
อาจเป็นสัญญาณของภาวะโลหิตจางหรือโรค SLE ที่เป็นอาการแพ้ภูมิตัวเอง เท้าของคุณมีลักษณะเป็นแอ่งจนสามารถใส่น้ำไว้ได้เลยหรือไม่? หากใช่! ลักษณะนี้อาจบ่งบอกว่าคุณกำลังขาดธาตุเหล็กอย่างรุนแรงหรืออาจอยู่ในภาวะที่มีการสะสมของธาตุเหล็กมากเกินไปในร่างกาย รวมไปถึง อาจเป็นสัญญาณของโรคเรเนาด์ ซึ่งระยะแรกของอาการจะเกิดการหดตัวของหลอดเลือดก่อนส่งผลให้นิ้วมือนิ้วเท้าเย็นและมีสีขาวซีด หรืออาจบ่งบอกถึงโรค SLE ซึ่งเป็นโรคภูมิต้านทานตนเองที่จะทำลายเนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกายทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังในส่วนต่างๆ เช่น เซลส์ เนื้อเยื้อ อวัยวะภายใน เป็นต้น ลักษณะเล็บเป็นแอ่งเหมือนช้อนมักเกิดขึ้นกับเด็กทารก โดยปกติจะเกิดขึ้นเพียงช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตเท่านั้น หากคุณพบลักษณะดังกล่าว แนะนำให้พบแพทย์เพื่อตรวจเลือดหาสาเหตุ
9. เส้นตรงใต้เล็บเท้า
หากพบเส้นทืบตรงใต้เล็บเท้าให้สันนิษฐานว่าอาจเป็นสัญญาณของโรคมะเร็งผิวหนังหรือมะเร็งเมลาโนมาที่เกิดจากเซลล์เมลาโนไซต์ ซึ่งเป็นเซลล์ที่พบมากในผิวหนัง แต่ก็สามารถพบได้ในตา หู ทางเดินอาหาร เยื่อหุ้มสมอง และเยื่อบุช่องปาก ทวารหนัก และอวัยวะเพศได้ หากพบลักษณะดังกล่าว ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้เป็นเชื้อราที่เล็บซึ่งจะมีสีเหลืองออกน้ำตาลซะมากกว่าและสีจะเปลี่ยนไปทั้งเล็บ พบว่ามีผู้ที่เป็นมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมาเพียง 5% เท่านั้น ซึ่งจะพบมากที่สุดในกลุ่มคนผิวดำ
10. อุ้งเท้าโค้งมากผิดปกติ
อาจเป็นสัญญาณของระบบประสาทที่ถูกทำลาย โดยลักษณะของอุ้งเท้าที่โค้งมากผิดปกตินั้นเชื่อมโยงกับความผิดปกติของระบบประสาทส่วนปลาย ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของโรคทางระบบประสาท (CMT) ที่เกิดจากความผิดปกติของยีนจำนวนหนึ่งที่มีหน้าที่พัฒนาเส้นประสาทส่วนปลาย ทำให้ผู้ป่วยมีลักษณะการเดินผิดปกติ มีอาการเท้าชา สูญเสียความสมดุลในการยืน สูญเสียกล้ามเนื้อบางส่วนบริเวณขาหรือน่อง และหากยังปล่อยทิ้งไว้ อาการก็จะลามถึงแขนและมือได้ หากคุณพบความผิดปกติของร่างกายหรือมีอาการดังที่กล่าวมา แนะนำให้รีบพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุต่อไป