โรคเอดส์ การติดต่อ

สาเหตุของโรคเอดส์

โรคเอดส์ หนึ่งในโรคที่เป็นปัญหาสาธารณสุขระดับโลกเพราะติดต่อจากคนสู่คนด้วยพฤติกรรมปกติของมนุษย์ ในอดีต โรคนี้มีความรุนแรงมาก แต่ปัจจุบันการรักษาที่ดีทำให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างมีความสุข

มีคำถามเกี่ยวกับ เอดส์? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

โรคเอดส์ (Acquired Immune Deficiency Syndrome; AIDS) หรือ โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เกิดจากการติดเชื้อไวรัส HIV (Human Immunodeficiency Virus) ที่สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ง่าย

ผู้ที่มีเชื้อโรคสะสมในตัวมาก หรือป่วยเป็นโรค จะมีโอกาสถ่ายทอดเชื้อไปสู่บุคคลอื่นได้มาก แต่หากรักษาจนอาการดีและใช้วิธีป้องกันอย่างเหมาะสม โอกาสแพร่กระจายจะลดลงจนเกือบจะเป็นศูนย์

เมื่อไวรัสเข้าสู่ร่างกายจะมีการแบ่งตัวสะสมตามอวัยวะต่างๆ และทำลายอวัยวะเป้าหมายหลัก คือ เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด CD4 เซลล์เม็ดเลือดขาวทำหน้าที่ปกป้องร่างกายจากเชื้อโรค เมื่อเซลล์เม็ดเลือดขาวลดลงจะเกิดอาการของโรค โดยทั่วไประยะจากติดเชื้อจนแสดงอาการจะอยู่ที่ 5-7 ปี

โรคเอดส์ สาเหตุคืออะไร?

การติดเชื้อไวรัสเอชไอวี มาจากหลายทางโดยติดทางสารคัดหลั่ง หรือเลือด ที่พบบ่อยตามลำดับมีดังนี้

1. ทางเพศสัมพันธ์

เป็นช่องทางที่โรคเอดส์ติดต่อกันมากที่สุด โดยเกิดมากที่สุดกับการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างชายกับชายทางทวารหนัก ตามมาด้วยการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงทางช่องคลอด

ส่วนการมีเพศสัมพันธ์แบบหญิงกับหญิงและการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก แม้จะพบน้อยแต่ก็มีรายงานประปราย

เรื่องที่น่าสนใจได้แก่ การมีเพศสัมพันธ์ที่เป็นฝ่ายรับจะมีโอกาสรับเชื้อมากกว่าเป็นฝ่ายสอดใส่ และการมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรงจะเพิ่มโอกาสการติดเชื้อมากขึ้น

2. ทางเลือด ผิวหนัง หรือเยื่อเมือกที่ฉีกขาด

ในอดีตสาเหตุหนึ่งของการติดเชื้อโรคเอดส์ที่พบบ่อย มาจากการใช้เข็มฉีดยาเพื่อเสพสารเสพติดร่วมกัน แต่ปัจจุบันพบลดลงเนื่องจากสารเสพติดเข้าหลอดเลือดดำมีใช้น้อยลงมาก

การติดต่อลักษณะนี้มักพบจากอุบัติเหตุเข็มทิ่มตำในบุคลากรทางการแพทย์ จากสารคัดหลั่งของผู้ป่วยกระเด็นมาโดยตา ปาก หรือผิวหนังที่เป็นแผล หากมีเลือดปะปนมาด้วย โอกาสติดเชื้อจะเพิ่มขึ้น

ปัจจุบันมีการป้องกันโรคหลังจากเกิดเหตุการณ์อุบัติเหตุเข็มทิ่มตำ หรือโดนสารคัดหลั่ง เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อ (Post exposure prophylaxis) โดยการรับประทานยาต้านไวรัสหลังจากเกิดเหตุการณ์เป็นเวลาหนึ่งเดือน โดยใช้สูตรยาที่มีผลข้างเคียงน้อยเพื่อจะได้รับประทานยาได้ครบกำหนด หลังจากนั้นตรวจติดตามผลที่หกสัปดาห์และสามเดือน

หลังจากรับประทานยาเพื่อยืนยันการติดเชื้อ ในระหว่างนี้งดบริจาคเลือดและสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์

สาเหตุโรคเอดส์จากการรับบริจาคเลือดปัจจุบันถือว่า น้อยมาก เพราะมีการคัดกรองอย่างละเอียด ยกเว้นว่า ผู้บริจาคจะมีปัจจัยเสี่ยงไปรับเชื้อมาในช่วง 1-2 สัปดาห์ ที่จะยังไม่สามารถตรวจหาการติดเชื้อได้

มีคำถามเกี่ยวกับ เอดส์? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

ดังนั้นหากพบว่า ตัวคุณเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี ก็ไม่ควรบริจาคเลือดในระยะ 1 เดือน

3. ทางแม่สู่ลูก

อีกสาเหตุของโรคเอดส์ แม่ที่ติดเชื้อไวรัสเอชไอวีส่งต่อเชื้อผ่านสู่ลูกจากกระบวนการคลอด ที่จะมีเลือดออกพอสมควร

ปัจจุบันการติดเชื้อจากแม่สู่ลูกลดลงอย่างมาก ด้วยมาตรการการคัดกรองหาการติดเชื้อไวรัสเอชไอวีในหญิงตั้งครรภ์ทุกคนที่มาฝากครรภ์ สามารถตรวจได้และรักษาได้ตั้งแต่เริ่ม

หญิงตั้งครรภ์ที่ตรวจพบเชื้อ HIV นั้น จะได้รับการรักษาเสมือนผู้ติดเชื้อทั่วไป เพราะปัจจุบันมีการรักษาผู้ติดเชื้อทุกคนเมื่อตรวจพบ แต่จะเลือกยาที่มีผลต่อทารกน้อยมาก

มีการตรวจติดตามระดับไวรัสในเลือดอันเป็นปัจจัยสำคัญในการติดต่อ หากสามารถลดปริมาณไวรัสลงได้ดี โอกาสติดเชื้อจะลดลง

เลือกวิธีคลอดที่เกิดบาดแผลน้อยที่สุด อาจคลอดเอง หรือผ่าตัดก็ได้ตามข้อบ่งชี้ทางสูติศาสตร์ หลังจากนั้นทารกต้องรับยาต้านไวรัสไปจนกว่าจะพิสูจน์ได้ชัดเจนว่า ไม่ติดเชื้อ ด้วยการวัดปริมาณไวรัสในเลือดทารก ส่วนมารดาให้เข้าสู่การรักษาการติดเชื้อตามมาตรฐานและงดให้นมบุตร

ทำไมถุงยางอนามัยถึงเป็นตัวช่วยสำคัญในการป้องกันเอดส์?

จะเห็นว่า การติดเชื้ออันไม่ได้มาจากการมีเพศสัมพันธ์พบน้อยมาก และจะมีเหตุการณ์ที่เสี่ยงอย่างชัดเจน

ดังนั้นการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธีทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ไม่ว่าจะชายกับหญิง หรือ ชายกับชาย (ไม่ว่าจะมีการสอดใส่ หรือร่วมเพศทางช่องทางไหน) จึงเป็นวิธีการหลักในการป้องกันการได้รับเชื้อไวรัส HIV รวมถึงป้องกันการได้รับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ เช่น ซิฟิลิส หนองใน

การรักษาเอดส์ในปัจจุบัน

สำหรับวิธีรักษาโรคติดเชื้อไวรัสเอชไอวีในปัจจุบันคือ ให้ยาต้านไวรัสทุกรายเมื่อตรวจพบและพร้อมจะรับยาในระยะยาว

เนื่องจากความสม่ำเสมอในการรับประทานยาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการรักษา จึงต้องให้คำปรึกษาให้ผู้ป่วยพร้อมรักษามากที่สุดก่อนจึงเริ่มยา

โดยหวังผลควบคุมปริมาณไวรัสให้น้อยที่สุดและมีผลแทรกซ้อนจากยารักษาน้อยที่สุด ยาต้านไวรัสเอชไอวีจะใข้ยารวม 3-4 ชนิด แล้วแต่สูตรยาและความเหมาะสม มีบริการฟรีสำหรับทุกสิทธิการรักษาในประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม การป้องกันโรคยังเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดและสามารถทำได้ง่ายด้วยตนเอง โดยเฉพาะการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยและสวมถุงยางอนามัยอย่างถูกต้องทุกครั้ง


เขียนโดย นพ. ชาคริต หริมพานิช

ตรวจสอบความถูกต้องโดย นพ. พิสุทธิ์ พงษ์ชัยกุล

มีคำถามเกี่ยวกับ เอดส์? สอบถามฟรีทาง LINE รับคำตอบได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสบายใจของคุณ

หากคุณติดตั้ง LINE บนคอมพิวเตอร์ของคุณแล้ว ระบบจะเปิดบัญชีทางการ LINE ของ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ โดยอัตโนมัติ

หากคุณยังไม่ได้ติดตั้ง LINE บนเดสก์ท็อป โปรดสแกน QR โค้ดด้วย LINE บนโทรศัพท์มือถือของคุณเพื่อเริ่มแชทกับ Jib AI ผู้ช่วยสุขภาพ