การฟอกสีฟัน และการวีเนียร์ เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้ฟันดูขาวขึ้น แต่ทำด้วยวิธีการคนละแบบ ดังนั้นจึงเหมาะกับกลุ่มเป้าหมายต่างกัน ทั้งนี้การฟอกสีฟัน และการทำวีเนียร์ จึงต่างมีประเภท และชนิดวัสดุแยกย่อยลงไปอีก
สารบัญ
การฟอกสีฟัน
การฟอกสีฟัน (Teeth Whitening) เป็นการใช้น้ำยาฟอกสีฟันเคลือบผิวฟันไว้ในช่วงเวลาหนึ่ง อาจมีการใช้แสงเลเซอร์ หรือแสงLED ร่วมด้วย ขึ้นอยู่กับชนิดของเครื่องฟอกสีฟัน น้ำยาและแสงดังกล่าวจะทำปฏิกิริยาเคมีกับผิวฟัน ทำให้ฟันดูขาวขึ้นจากสีเดิม
การทำวีเนียร์
การทำวีเนียร์จะเป็นการทำให้ฟันขาวขึ้นโดยการทำวัสดุลักษณะเป็นเปลือกบางๆ เลียนแบบฟัน แล้วนำมาสวมครอบด้านหน้ากับด้านข้างของซี่ฟันเดิม
การทำวีเนียร์ มีวัสดุที่นิยมใช้อยู่ 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่
- วัสดุคอมโพสิตวีเนียร์ คือ การทำวีเนียร์โดยใช้วัสดุอุดสีเหมือนฟัน ทันตแพทย์อาจทำการกรอแต่งฟันคนไข้บางส่วน จากนั้นอุดด้วยวัสดุอุดสีเหมือนฟัน โดยทำให้มีรูปร่าง และสีตามต้องการได้ วัสดุคอมโพสิตเป็นวัสดุที่เน้นความสวยงาม แต่ความคงทนแข็งแรงอาจไม่มากนัก
- วัสดุเซรามิกวีเนียร์ คือ การทำวีเนียร์โดยใช้เซรามิก คนไข้จะต้องไปที่คลินิกทันตกรรม 2-3 ครั้ง ทันตแพทย์จะออกแบบฟันร่วมกับความต้องการของคนไข้ แล้วกรอฟันให้มีพื้นที่สำหรับแปะวีเนียร์ โดยให้มีขนาด และสีฟันที่เหมาะสม อาจเลือกสีคล้ายฟันเดิม หรือเลือกสีขาวกว่าเดิมก็ได้จากนั้นทันตแพทย์จะพิมพ์ปากแล้วส่งห้องปฏิบัติการทันตกรรมให้ทำชิ้นงานวีเนียร์กลับมาเพื่อใส่ให้กับคนไข้
ข้อดี-ข้อเสีย ของการทำวีเนียร์ เปรียบเทียบกับการฟอกสีฟัน
เนื่องจากทั้ง ฟอกสีฟัน และวีเนียร์ ยังมีประเภทย่อยๆ ออกไปอีกดังกล่าวไปแล้ว เช่น ฟอกสีฟันมีทั้งแบบทำที่บ้าน ทำที่คลินิก ฟอกสีฟัน Zoom ฟอกสีฟัน Cool light ส่วนทำวีเนียร์มีการใช้วัสดุเรซินคอมโพสิต กับวีเนียร์แบบเซรามิก
ดังนั้นจึงไม่สามารถบอกได้ว่าอะไรที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน เพราะแต่ละคนย่อมมีความต้องการที่จะทำให้เนื้อฟันขาวสว่างขึ้นต่างวิธีกันไป แต่เราได้เปรียบเทียบข้อมูลข้อดี-ข้อเสีย ของการฟอกสีฟัน กับการทำวีเนียร์ในแต่ละด้าน มาให้ผู้มีความต้องการแตกต่างกันได้พิจารณา ดังนี้
1. ความขาวของฟันที่ได้
การฟอกสีฟัน จะช่วยให้ฟันขาวขึ้นจากสีฟันเดิมประมาณ 4-8 ระดับ ส่วนการทำวีเนียร์คุณสามารถเลือกได้เองว่า ต้องการฟันขาวแค่ไหน และรูปร่างของวัสดุจะปรับเป็นอย่างไร
ดังนั้นหากต้องการทำให้ฟันขาวขึ้นอย่างเห็นได้ชัดมากๆ รวมถึงรูปร่างสวยงามเหมือนในโฆษณาทางโทรทัศน์ การทำวีเนียร์จะตอบโจทย์กว่า
อย่างไรก็ตาม ฟันธรรมชาติของมนุษย์จะออกสีวานิลา และอาจมีสีเข้มขึ้นตามอายุอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ควรกังวลใจ หากฟันของคุณไม่ได้มีสีขาว 100%
2. ความสะดวกในการทำ
การฟอกสีฟัน และการทำวีเนียร์แบบต่างๆ ที่นิยมกันในปัจจุบัน มีวิธี และระยะเวลาทำดังนี้
- การฟอกสีฟันที่บ้าน แบบเจล จะเป็นการใช้ผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟันที่มีเปอร์ออกไซด์เป็นส่วนประกอบพื้นฐาน ป้ายลงบนผิวฟัน ทำวันละ 1-2 ครั้ง ต่อเนื่อง 10-14 วัน จึงจะเห็นผล แต่วิธีนี้สารฟอกสีฟันอาจสัมผัสกับเนื้อเยื่อในช่องปาก และทำให้เกิดการระคายเคืองได้
- การฟอกสีฟันที่บ้าน แบบแผ่นแปะฟัน ที่แผ่นแปะนี้จะมีสารฟอกสีฟันเคลือบอยู่ วิธีใช้คือ นำมาปิดบนผิวฟันให้แนบสนิท ทำง่าย ใช้เวลาทำ และให้ผลพอๆ กับฟอกสีฟันที่บ้านแบบเจล
- การฟอกสีฟันที่บ้าน แบบถาดพิมพ์ฟัน (Tray) ทันตแพทย์จะออกแบบ และพิมพ์ปากเพื่อทำถาดพิมพ์ฟันให้พอดีกับฟันของแต่ละคนโดยเฉพาะ แล้วจึงให้น้ำยาฟอกสีฟันแก่ผู้ที่ต้องการฟอกสีฟันไปทำเองที่บ้าน
ข้อดีของการฟอกสีฟันแบบนี้ คือ การฟอกสีฟันวิธีนี้ทำให้น้ำยาเคลือบผิวฟันอย่างทั่วถึงมากกว่าแบบแผ่น ฟันสัมผัสกับน้ำยาอยู่นานโดยไม่ไหลเลอะไปที่เนื้อเยื่อในช่องปาก จึงสามารถใช้สารฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นมากกว่าแบบเจล และแบบแผ่นแปะ จึงได้ผลเร็วกว่า
- การฟอกสีฟันที่คลินิก แบบ Cool light และแบบ Zoom มักสร็จภายในวันเดียว (ไม่นับเวลาเคลียร์ช่องปากอุดฟัน ขูดหินปูน ก่อนฟอกสีฟัน) ขั้นตอนตั้งแต่เตรียมช่องปาก ติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันเหงือก และเนื้อเยื่อโดยรอบ ลงน้ำยา ฉายแสง จนเสร็จสิ้น จะใช้เวลาประมาณ 45-60 นาที
- การทำวีเนียร์ จะต้องพบทันตแพทย์ 2-3 ครั้ง เพื่อตรวจสภาพฟัน และวางแผนการทำวีเนียร์ มีขั้นตอนการทำวัสดุเลียนแบบฟันให้พอดีสำหรับฟันและช่องปากของแต่ละคน แล้วจึงจะติดตั้งวีเนียร์ถาวรได้
3. ผลข้างเคียง
การฟอกสีฟันทำให้เกิดอาการเสียวฟันได้ โดยเฉพาะหลังฟอกสีฟันใหม่ๆ ส่วนการทำวีเนียร์ คุณจำเป็นต้องสูญเสียเคลือบฟันธรรมชาติออกไปอย่างถาวร ในขั้นตอนการกรอฟันก่อนติดตั้งวีเนียร์ เคลือบฟันนี้ร่างกายไม่สามารถสร้างทดแทนขึ้นใหม่ภายหลัง
ดังนั้นเมื่อทำวีเนียร์แล้ว หากเกิดปัญหาวีเนียร์แตก หัก เสียหาย หรือได้ผลลัพธ์ที่ไม่พอใจ แม้ถอดวีเนียร์เดิมออกแล้ว คุณก็จะต้องทำวีเนียร์ใหม่ ไม่สามารถปล่อยไว้เป็นฟันธรรมชาติได้ เพราะสูญเสียส่วนของฟันออกไปแล้ว
4. ความคงทนของสีฟันหลังทำ เปรียบเทียบฟอกสีฟันและวีเนียร์
การฟอกสีฟัน
- การฟอกสีฟันที่บ้าน แบบเจลและแบบแผ่นแปะฟัน ช่วยให้ฟันขาวอยู่ประมาณ 4-6 เดือน
- การฟอกสีฟันที่บ้าน แบบถาดพิมพ์ฟัน ช่วยให้ฟันขาวอยู่ประมาณ 6 เดือน-1 ปี
- การฟอกสีฟัน แบบ Cool light กับ Zoom ช่วยให้ฟันขาวอยู่ประมาณ 6 เดือน-1 ปี
นอกจากนี้ ทันตแพทย์อาจแนะนำการฟอกสีฟันในคลินิก เพื่อความรวดเร็ว ร่วมกับการฟอกต่อที่บ้านแบบถาดพิมพ์ฟันเพื่อความขาวต่อเนื่องยาวนาน
การทำวีเนียร์
วีเนียร์แบบเรซินคอมโพสิต จะมีอายุอยู่ที่ประมาณ 7-10 ปี แต่ตัววัสดุสามารถดูดซึมคราบอาหาร ทำให้สีวัสดุเปลี่ยนได้ง่าย รวมถึงอาจเกิดการแตกหัก เกิดรูเล็กๆ บนผิววีเนียร์เรซินคอมโพสิต และการผุที่ขอบวัสดุ
ข้อดีของวีเนียร์แบบเรซินคอมโพสิต คือ สามารถซ่อมแซมได้ ไม่จำเป็นต้องถอดออกมาทั้งหมด
วิธีที่จะช่วยให้ฟันขาวในระยะยาวที่สุด คือ การทำวีเนียร์ด้วยเซรามิก หรือพอร์ซเลน เนื่องจากวัสดุดังกล่าวมีคุณสมบัติป้องกันการติดคราบ ไม่เปลี่ยนสี วีเนียร์ประเภทนี้สามารถอยู่คงทนได้ประมาณ 10-15 ปี หรือนานกว่านั้น
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างไร ให้ฟันขาวนานๆ
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะใช้การฟอกสีฟัน หรือทำวีเนียร์ หากต้องการให้ฟันขาวขึ้นอย่างเห็นผลนาน ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมร่วมด้วย เช่น
- แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง ร่วมกับใช้ไหมขัดฟันทุกครั้งหลังแปรงฟันด้วย
- พยายามงดรับประทานอาหาร และดื่มเครื่องดื่มที่ทำให้เกิดคราบติดฟัน เช่น ชา กาแฟ ไวน์ น้ำอัดลม
- งดสูบบุหรี่
ปัญหาสีฟันที่แก้ได้ด้วยวีเนียร์เท่านั้น
การทำวีเนียร์ไม่ได้ช่วยเรื่องความสวยงามของสีฟันเท่านั้น แต่ยังช่วยปัญหาสีฟันที่เป็นภาวะความผิดปกติได้อีกด้วย เช่น ภาวะที่เรียกว่า “ฟันตกกระ (Dental Fluorosis)” ซึ่งหากอาการรุนแรงจะทำให้ฟันมีสีน้ำตาล ด่าง ลักษณะขรุขระ ไม่สามารถรักษาได้ด้วยการฟอกสีฟัน
กรณีนี้ ใช้วีเนียร์ถือเป็นทางเลือกในการรักษาที่เหมาะสม
ฟอกสีฟันกับวีเนียร์ ราคาเท่าไร?
อุปกรณ์ฟอกสีฟันที่บ้าน มีระดับราคาตั้งแต่ 200-1,500 บาท ส่วนการฟอกสีฟันและวีเนียร์ซึ่งต้องทำที่คลินิก มีตัวอย่างราคาดังนี้
- ฟอกสีฟัน Cool light ครั้งละ 3,000-7,000 บาท
- ฟอกสีฟัน Zoom ครั้งละ 7,000-15,000 บาท
- วีเนียร์ที่ใช้วัสดุเรซินคอมโพสิต ซี่ละ 2,500-5,500 บาท
- วีเนียร์ที่ใช้วัสดุเซรามิก หรือพอร์ซเลน ซี่ละ 10,000-22,000 บาท
การจะเลือกฟอกสีฟัน หรือวีเนียร์ นั้นมีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกัน นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับความต้องการ ความสะดวก และความพร้อมในเรื่องทุนทรัพย์อีกด้วย หากอยากมีฟันขาวแนะนำให้พบทันตแพทย์โดยตรงเพื่อตรวจสุขภาพฟัน และปรึกษาวิธีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณจะดีที่สุด
ตรวจสอบความถูกต้องโดย ทพญ. สิริพัชร ชำนาญเวช