ผู้คนทั่วไปมักเข้าใจว่า อาการเตือนคนเริ่มท้อง คือ คลื่นไส้อาเจียน วิงเวียนศีรษะ หรืออารมณ์หงุดหงิดง่าย แต่น้อยคนที่จะรู้ว่า ช่วงสัปดาห์แรกที่ผู้หญิงเริ่มตั้งครรภ์ก็เริ่มมีสัญญาณบางอย่างที่สังเกตได้และเริ่มชัดขึ้นในสัปดาห์ต่อมา อาการท้องไม่รู้ตัวสามารถสังเกตอาการคนท้องระยะแรก 1-2 สัปดาห์ได้
ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ คุณจะยังไม่สามารถตรวจด้วยชุดทดสอบการตั้งครรภ์ เนื่องจากปริมาณของฮอร์โมนเอชซีจี (Human Chorionic Gonadotropin: HCG) ซึ่งเป็นฮอร์โมนเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ยังอยู่ในระดับต่ำอยู่ อย่างไรก็ตาม คุณยังสามารถสังเกตอาการบางอย่างที่ร่างกายแสดงออกมา มีวิธีสังเกตว่าท้องหรือไม่ เพื่อสันนิษฐานว่า ตนเองกำลังท้องได้
สารบัญ
อาการเตือนคนเริ่มท้อง 1-2 สัปดาห์
1. ประจำเดือนขาด
โดยปกติรอบเดือนของผู้หญิงจะมีระยะเวลาประมาณ 21-35 วัน แต่หากประจำเดือนขาดหายไปมากกว่า 10 วัน นั่นอาจเป็นสัญญาณทำให้คุณรู้ตัวว่า “คุณกำลังตั้งครรภ์”
เนื่องจากเมื่อไข่กับตัวอสุจิเริ่มปฏิสนธิกัน ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ออกมา เพื่อยับยั้งไม่ให้ผนังมดลูกหลุดลอกออกมาเป็นประจำเดือน และส่งเสริมการฝังตัวของตัวอ่อนแทน
แต่บางครั้งอาการประจำเดือนขาดก็อาจมาจากสาเหตุอื่นได้ที่ไม่ใช่การตั้งครรภ์ เช่น การตั้งครรภ์ ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ การใช้ยาคุมกำเนิด
2. มีตกขาวมากผิดปกติ
การตั้งครรภ์จะส่งผลให้ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงจึงทำให้ตกขาวมีมากขึ้นได้ แต่ลักษณะของตกขาวยังต้องอยู่ในลักษณะปกติ คือ เป็นมูกใส หรือเป็นสีขาวขุ่น
แต่หากตกขาวมีลักษณะผิดปกติไป เช่น มีสีเขียว สีเหลือง และมีอาการคันระคายเคืองร่วมด้วย คุณควรรีบไปพบแพทย์ เพราะอาจบ่งบอกถึงการติดเชื้อบางอย่าง
3. มีเลือดออกกะปริดกะปรอยทางช่องคลอด
ในช่วง 11-12 วันหลังปฏิสนธิ ตัวอ่อนจะไปฝังตัวอยู่ที่เยื่อบุโพรงมดลูก ทำให้มีเลือดสีแดงจางๆ ปริมาณไม่มากไหลออกมาจากช่องคลอดได้ และเลือดนี้จะหยุดไหลไปเองภายใน 1-2 วัน
แต่หากคุณมีเลือดไหลไม่หยุดและมีอาการปวดเกร็งท้องร่วมด้วยให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด เพราะเลือดที่ไหลออกมานั้นจากอาจเกิดจากการแท้ง หรือท้องนอกมดลูกได้
4. เต้านมมีการเปลี่ยนแปลง
เมื่อเริ่มตั้งครรภ์ ฮอร์โมนจากรก และรังไข่จะผลิตเพิ่มมากขึ้น ทำให้หัวนม และลานนมมีสีเข้ม หรือคล้ำขึ้น รวมถึงเต้านมขยายขนาด รวมกับมีอาการเจ็บตึงด้วย
5. ปัสสาวะบ่อย
หนึ่งในวิธีสังเกตว่าท้องหรือไม่ เพราะมดลูกที่ขยายขนาดจากฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนซึ่งเพิ่มมากขึ้น จะไปกดทับกระเพาะปัสสาวะจนทำให้ปัสสาวะบ่อยขึ้นได้
6. ท้องอืด ท้องเฟ้อ
ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่เพิ่มมากขึ้นสามารถส่งผลให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้ไม่ดีนัก รวมถึงมีแก๊สเกิดขึ้นในกระเพาะอาหาร และมีอาการท้องผูกร่วมด้วย คุณจึงอาจเกิดอาการท้องอืด หรือไม่สบายท้องได้
วิธีแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ สามารถทำได้โดยเปลี่ยนไปรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และย่อยง่ายขึ้น เช่น ผักใบเขียว นม ไข่ รวมทั้งให้เพิ่มจำนวนครั้งของการรับประทานอาหารให้บ่อยกว่าเดิม แต่รับประทานครั้งละน้อยๆ แทน
7. มีอาการแพ้ท้อง
เป็นอาการที่เกี่ยวข้องกับระดับฮอร์โมนเอชซีจีซึ่งจะมีระดับสูงขึ้นถึงประมาณ 16 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์ คุณแม่ส่วนมากจึงมักจะมีอาการแพ้ท้อง อาการเหล่านี้เป็นอาการแพ้ท้องที่หลายคนรู้จักอยู่แล้ว เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ไวต่อกลิ่น
นอกจากนี้การรับกลิ่น และรสอาหารยังอาจเปลี่ยนไปด้วย บางคนอาจอยากรับประทานอาหารรสเปรี้ยว หรืออาหารที่แปลกไปจากเดิม อย่างไรก็ตาม อาการเหล่านี้อาจไม่ได้กับหญิงตั้งครรภ์ทุกคน บางคนอาจไม่มีอาการเหล่านี้เลยก็ได้
8. อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
ระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงยังสามารถส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด ความดันเลือด และระบบไหลเวียนโลหิตได้ จึงทำให้หญิงตั้งครรภ์บางคนอาจอ่อนเพลียและเหนื่อยง่ายกว่าปกติได้
วิธีแก้ คือ ให้รับประทานอาหารจำพวกโปรตีน และอาหารที่มีธาตุเหล็กเพิ่มเติม อาการอ่อนเพลียจากการตั้งครรภ์จะค่อยๆ ดีขึ้นเอง
9. อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย
เป็นอีกอาการจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงจึงทำให้หญิงตั้งครรภ์หลายคนมีอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ซึ่งเป็นอาการปกติโดยเฉพาะในช่วงเริ่มตั้งครรภ์
คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ และคนรอบข้างจึงควรเข้าใจอาการ และภาวะอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อจะได้เตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดการตั้งครรภ์
หากคุณแน่ใจแล้วว่าตนเองตั้งครรภ์ ควรรีบฝากครรภ์กับแพทย์เพื่อให้แพทย์ดูแลและนัดมาเช็กอาการสม่ำเสมอ เพราะในการฝากครรภ์แพทย์มักทำการตรวจยืนยันการตั้งครรภ์ให้ก่อน และจะดูแลเป็นระยะจนกระทั่งถึงวันคลอด
กังวลเรื่อง ท้องโดยไม่รู้ตัว อาจทำให้เกิด ท้องหลอก
“อาการท้องหลอก” หรือชื่อทางการแพทย์คือ “Spurious Pregnancy” หรือ “Pseudocyesis” ซึ่งจัดเป็นอาการผิดปกติทางจิตอย่างหนึ่งโดยเฉพาะคนกังวลเรื่องตนอาจตั้งท้องโดยไม่รู้ตัว
อาการท้องหลอก คือ อาการที่ผู้หญิงอุปทานไปเองว่า “ตนเองตั้งครรภ์” โดยมักมีสาเหตุมาจาก สภาพทางจิตใจที่เครียด อยากมีลูกแต่ไม่มีเสียที กลัวว่ากำลังท้องไม่รู้ตัว จนทำให้ต่อมใต้สมองสร้างฮอร์โมนมากระตุ้นรังไข่และมดลูก ทำให้ผนังมดลูกหนาขึ้นและไม่มีประจำเดือน
นอกจากนี้ อาการท้องหลอกยังส่งผลให้เกิดอาการคล้ายกับอาการแพ้ท้องด้วย ไม่ว่าจะเป็นคลื่นไส้อาเจียน ปัสสาวะบ่อย แม้กระทั่งรู้สึกว่าลูกดิ้นในท้อง แต่เมื่อไปตรวจอัลตราซาวน์ก็จะไม่พบว่ามีการตั้งครรภ์ เพราะทุกอย่างเกิดจากการอุปทานไปเองทั้งนั้น การสังเกตด้วยวิธีดูอาการคนท้องระยะแรก 1-2 สัปดาห์อาจบอกไม่ได้เสมอไป
ดังนั้นก่อนที่จะสรุปว่า ตนเองตั้งครรภ์หรือไม่นั้น ควรไปตรวจร่างกายกับแพทย์เพื่อให้แน่ใจเสียก่อน จะได้ไม่ต้องกังวลว่ากำลังท้องหรือไม่
ท้อง 1 สัปดาห์ มีวิธีสังเกตว่าท้องหรือไม่ ?
วิธีตรวจครรภ์อายุ 1-2 สัปดาห์ที่แม่นยำที่สุด คือ การตรวจกับแพทย์โดยตรง
แต่หากต้องการตรวจครรภ์ด้วยตนเองก็สามารถทำได้ด้วยการซื้อชุดตรวจครรภ์ที่มีขายทั่วไปตามท้องตลาด
อย่างไรก็ตาม อายุครรภ์ที่จะสามารถตรวจด้วยชุดตรวจครรภ์เองได้ คือ หลังจากมีเพศสัมพันธ์ประมาณ 2 สัปดาห์ขึ้นไป เพราะเป็นช่วงเวลาที่ระดับฮอร์โมนเอชซีจีสูงเพียงพอแล้วและควรใช้ปัสสาวะแรกในตอนเช้าสำหรับการตรวจ
เหตุที่แนะนำให้ใช้ปัสสาวะตอนเช้า เนื่องจากระยะเวลาดังกล่าวะจะทำให้ผลตรวจออกมาแม่นยำที่สุด
วิธีสังเกตว่าท้องหรือไม่ หมั่นสังเกตอาการของตนเอง หากมีความผิดปกติ หรือมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อความมั่นใจ และจะได้ปฏิบัติตัวอย่างถูกต้องและเหมาะสม
ตรวจสอบความถูกต้องโดย นพ. ธนู โกมลไสย
บทความที่เกี่ยวข้อง