เยื่อพรหมจรรย์ (Hymen) คือ เยื่อบางๆ ที่ล้อมรอบบริเวณปากช่องคลอดของผู้หญิง โดยส่วนมากรูปทรงเยื่อพรหมจรรย์จะเป็นรูปทรงคล้ายพระจันทร์เสี้ยวซึ่งถือเป็นรูปทรงปกติ และจะมีส่วนช่วยทำให้ประจำเดือนไหลออกมาจากช่องคลอดในช่วงที่มีรอบเดือนได้นั่นเอง
แต่อย่างไรก็ตาม เยื่อพรหมจรรย์จะมีขนาดที่ไม่เท่ากัน และมีรูปร่างที่แตกต่างกันออกไปได้
สารบัญ
ชนิดของเยื่อพรหมจรรย์
ชนิดของเยื่อพรหมจรรย์สามารถแบ่งออกได้ 3 ชนิดได้แก่
1. เยื่อพรหมจรรย์ชนิดที่ไม่เปิด (Imperforate Hymen)
เยื่อพรหมจรรย์ชนิดนี้จะไปคลุมในส่วนของปากช่องคลอดไว้ทั้งหมด และส่งผลทำให้เลือดประจำเดือนไม่สามารถไหลออกมาจากช่องคลอดได้ จนเกิดเลือดคั่งอยู่ภายในช่องคลอด ทำให้กลายเป็นก้อนในท้อง จึงเป็นเยื่อพรหมจรรย์ชนิดที่ส่วนมากมักจะได้รับการวินิจฉัยเมื่อผู้ป่วยเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น และเริ่มมีประจำเดือนแล้ว
ในบางครั้งอาจทำให้เกิดอาการปวดท้อง และมีอาการปวดหลังตามมาด้วย นอกจากนี้ผู้ที่มีเยื่อพรหมจรรย์ชนิดที่ไม่เปิดอาจมีความรู้สึกเจ็บเมื่อมีการขับถ่าย และส่งผลทำให้ปัสสาวะได้อย่างยากลำบากขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม สามารถแก้ไขได้ด้วยการเข้ารับการผ่าตัดเพื่อให้แพทย์นำเยื่อพรหมจรรย์ที่เป็นส่วนเกินออกไป เพื่อเป็นการขับเลือดประจำเดือนออกนั่นเอง และทำศัลยกรรมตกแต่งปากช่องคลอดให้มีขนาดปกติ
2. เยื่อพรหมจรรย์ชนิดที่เปิดเพียงเล็กน้อย (Microperforate Hymen)
เยื่อพรหมจรรย์ชนิดนี้จะปกคลุมปากช่องคลอดเกือบทั้งหมด และมีช่องเปิดเพียงขนาดแคบและเล็ก ซึ่งจะส่งผลทำให้เลือดประจำเดือนไหลออกมาได้เพียงเล็กน้อยที่ปากช่องคลอดเท่านั้น
ผู้ที่มีเยื่อพรหมจรรย์ลักษณะนี้มักไม่รู้ว่าช่องคลอดของตนเองแคบเล็กขนาดไหน จึงไม่ควรใช้ผ้าอนามัยแบบสอด เพราะเสี่ยงที่ผู้ป่วยจะไม่สามารถนำผ้าอนามัยแบบสอดออกมาจากช่องคลอดได้
วิธีแก้ไขสามารถทำได้ด้วยการเข้ารับการผ่าตัด เพื่อให้แพทย์นำเนื้อเยื่อพรหมจรรย์ส่วนเกินออกไป พร้อมทั้งทำศัลยกรรมตกแต่งปากช่องคลอดให้มีขนาดปกติ เพื่อทำให้ร่างกายสามารถขับเลือดประจำเดือนผ่านช่องคลอดออกมาได้สะดวก
3. เยื่อพรหมจรรย์ชนิดที่มีแถบกั้น (Septate Hymen)
เป็นเยื่อพรหมจรรย์ชนิดที่มีกลุ่มเนื้อเยื่อส่วนเกินมาปกคลุมอยู่ตรงกลางช่องคลอด ผู้ที่มีเยื่อพรหมจรรย์แบบนี้จะไม่สามารถใส่ผ้าอนามัยแบบสอดได้ หรือใส่ได้ค่อนข้างยากลำบากมาก สมควรเข้ารับการผ่าตัดเพื่อแก้ไข
วิธีแก้ไขคือแพทย์ผ่านำเนื้อเยื่อส่วนเกินที่กั้นอยู่ตรงกลางออกไป แล้วทำศัลยกรรมตกแต่งปากช่องคลอดให้มีขนาดที่เป็นปกติ เช่นเดียวกับการผ่าตัดแก้ไขเนื้อเยื่อพรหมจรรย์ทั้ง 2 ชนิดแรก
สาเหตุที่เยื่อพรหมจรรย์ขาด
เยื่อพรหมจรรย์สามารถฉีกขาดได้จากหลายสาเหตุมาก ไม่ได้ขาดจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกเพียงอย่างเดียวเหมือนที่หลายคนเข้าใจ โดยสาเหตุที่อาจทำให้เยื่อพรหมจรรย์ขาดได้อาจมีดังนี้
- การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง ถึงแม้คุณจะไม่มีคู่นอนหรือไม่เคยผ่านการมีเพศสัมพันธ์มาก่อน แต่หากมีการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองผ่านการใช้นิ้วหรืออุปกรณ์ทางเพศ ก็มีโอกาสที่เยื่อพรหมจรรย์จะฉีกขาดได้เช่นกัน
- จากการเล่นกีฬา หรือทำกิจกรรมที่ผาดโผน จนได้รับความกระทบกระเทือนที่บริเวณอวัยวะเพศ หรือบริเวณหัวหน่าวและทำให้เยื่อพรหมจรรย์ขาด เช่น กีฬาขี่ม้า เล่นยิมนาสติก การขี่รถจักรยานยนต์
- การใส่ผ้าอนามัยแบบสอด
- การได้รับอุบัติเหตุที่รุนแรงมากๆ เช่น ตกลงมาจากที่สูงจนอวัยวะเพศถูกกระแทกอย่างแรง อวัยวะเพศไปสัมผัสถูกของแหลม หรือน้ำที่มีแรงดันสูงเข้า
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเยื่อพรหมจรรย์ขาดกับการมีเพศสัมพันธ์
- มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ไม่ได้ทำให้พรหมจรรย์ขาดหมดเสมอไป หลายคนเมื่อมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกและมีการสอดใส่อวัยวะเพศเกิดขึ้น ก็จะพบว่าช่องคลอดมีเลือดไหลออกมาเล็กน้อย และเข้าใจว่าเยื่อพรหมจรรย์ได้ฉีกขาดไปแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องเข้าใจผิด เพราะเมื่อฝ่ายชายสอดใส่อวัยวะเพศเข้าไป เยื่อพรหมจรรย์ของผู้หญิงก็จะมีการยืดขยายออก จนเป็นผลทำให้เกิดการฉีกเล็กน้อย และมีเลือดไหลออกมาเท่านั้น ไม่ได้ฉีกขาดหมดเสมอไป
- ผู้หญิงที่ไม่มีเลือดออกขณะมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ไม่ได้หมายความว่าไม่บริสุทธิ์ เพราะการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกไม่จำเป็นต้องมีเลือดออกจากช่องคลอดเสมอไป
วิธีดูเยื่อพรหมจรรย์
การดูเยื่อพรหมจรรย์ ต้องไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจภายในเท่านั้น เนื่องจากโดยปกติแล้วตำแหน่งของเยื่อพรหมจรรย์จะอยู่ลึกเข้าไปจากปากช่องคลอดประมาณ 1-2 เซนติเมตร ทำให้ไม่สามารถตรวจดูเยื่อพรหมจรรย์ได้ด้วยตนเอง
ความคิดของผู้คนเกี่ยวกับเยื่อพรหรรมจรรย์นั้นมักจะไม่พ้นเรื่องเกี่ยวกับความบริสุทธิ์ของผู้หญิง
แต่ความจริงแล้ว เพียงแค่การมีเยื่อพรหมจรรย์ที่ฉีกขาดยังไม่สามารถสรุปได้ว่า ผู้หญิงคนนั้นไม่บริสุทธิ์ หรือเคยผ่านการมีเพศสัมพันธ์มาก่อน เพราะอย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า มีหลายสาเหตุที่ทำให้เยื่อพรหมจรรย์ฉีกขาดได้
นอกจากนี้ในปัจจุบันยังมีการผ่าตัดตกแต่งศัลยกรรมช่องคลอด และการเย็บตกแต่งเยื่อพรหมจรรย์ ซึ่งทำให้เยื่อพรหมจรรย์ของผู้หญิงกลับมาสมบูรณ์เหมือนเดิมได้แม้ฉีกขาดไปแล้ว
ดังนั้นเราจึงไม่ควรยึดถือเรื่องพรหมจรรย์มากเกินไป เพราะด้วยนวัตกรรมทางการแพทย์และการผ่าตัดศัลยกรรมที่มีความก้าวหน้าไปไกล การมี หรือไม่เยื่อพรหรมจรรย์จึงไม่ใช่สิ่งที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์หรือทำให้คู่รักฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสบายใจได้อีกต่อไป
ตรวจสอบความถูกต้องโดย พญ. วรรณวนัช เสถียรธรรมมณี