หากคุณตัดสินใจที่จะมีเพศสัมพันธ์ อย่าลืมคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต่างๆ และความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ด้วย (หากยังไม่พร้อม)
นอกจากถุงยางอนามัย ยาคุมกำเนิดแล้ว แผ่นแปะคุมกำเนิดก็เป็นหนึ่งในอุปกรณ์สำหรับช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้
แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า แผ่นแปะคุมกำเนิดมีวิธีใช้งานและมีกลไกการทำงานอย่างไร รวมทั้งมีผลข้างเคียงต่อร่างกายหรือไม่
สารบัญ
- แผ่นแปะคุมกำเนิดคืออะไร
- แผ่นแปะคุมกำเนิดทำงานอย่างไร
- วิธีการใช้แผ่นแปะคุมกำเนิด
- แผ่นแปะคุมกำเนิดเหมาะกับใคร
- กรณีลืมแผ่นแปะคุมกำเนิด จะทำอย่างไร
- กรณีแผ่นแปะหลุดลอกจะทำอย่างไร
- แพทย์จะไม่แนะนำวิธีคุมกำเนิดนี้กับผู้ป่วยที่มีอาการ หรือโรคต่อไปนี้
- การพบแพทย์ก่อนใช้แผ่นแปะคุมกำเนิด
- ราคาของแผ่นแปะคุมกำเนิด และจะหาซื้อได้จากที่ใด
แผ่นแปะคุมกำเนิดคืออะไร
แผ่นแปะคุมกำเนิด เป็นแผ่นสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดประมาณ 4.5 เซนติเมตร ผิวแผ่นแปะมีลักษณะเรียบ บาง เป็นสีเบจ หรือสีเนื้อ ใช้สำหรับแปะบริเวณผิวหนัง เพื่อให้ตัวยาในแผ่นแปะดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดและออกฤทธิ์ป้องกันการตั้งครรภ์
กลไกการออกฤทธิ์จะมีลักษณะเหมือนกับการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด หรือยาฉีดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม เพื่อควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย
แผ่นแปะคุมกำเนิดทำงานอย่างไร
แผ่นแปะคุมกำเนิดประกอบด้วยฮอร์โมน 2 ชนิด คือ
- ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone)
- ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen)
ฮอร์โมนทั้ง 2 ชนิดนี้จะออกฤทธิ์ป้องกันการตกไข่ เนื่องจากหากไม่มีการตกไข่เกิดขึ้น การตั้งครรภ์ก็จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน เนื่องจากอสุจิจะไม่สามารถปฏิสนธิกับไข่ได้
ฮอร์โมนที่แผ่นแปะจะส่งผลให้มูกบริเวณปากมดลูกหนาตัวขึ้น ทำให้อสุจิเดินทางไปสู่ไข่ซึ่งอาจหลุดออกมายังมดลูกได้ลำบากมากขึ้น
นอกจากนี้ฮอร์โมนที่แผ่นแปะยังส่งผลต่อเยื่อบุโพรงมดลูก ทำให้ไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิไม่สามารถฝังตัวที่ผนังมดลูกได้
การออกฤทธิ์
แผ่นแปะคุมกำเนิดจะออกฤทธิ์เหมือนกับการใช้ฮอร์โมนคุมกำเนิด เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิด หรือห่วงคุมกำเนิด
แนะนำให้แปะตั้งแต่วันแรกของรอบเดือน หรือแปะในวันแรกหลังจากเริ่มมีรอบเดือน ทั้งนี้ต้องเปลี่ยนแผ่นแปะทุกๆ สัปดาห์เป็นเวลา 3 สัปดาห์ต่อรอบเดือน 1 ครั้ง สามารถแปะแผ่นคุมกำเนิดได้ในบริเวณท้องน้อย ก้น ต้นแขนด้านนอก และลำตัวส่วนบน แต่ไม่ควรแปะบริเวณหน้าอก
ส่วนในสัปดาห์ที่ 4 จะไม่มีการแปะแผ่นคุมกำเนิด เพราะจะเป็นช่วงเวลาที่มีประจำเดือนพอดี
วิธีการใช้แผ่นแปะคุมกำเนิด
การแปะแผ่นคุมกำเนิดในวันเดียวกันทุกๆ สัปดาห์นั้นสำคัญมาก เพื่อคงประสิทธิภาพของการคุมกำเนิดไว้ เช่น หากเริ่มแปะแผ่นคุมกำเนิดในวันจันทร์ก็ควรต้องแปะแผ่นคุมกำเนิดทุกๆ วันจันทร์
เมื่อถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแผ่นคุมกำเนิด เพียงแค่ดึงแผ่นเดิมออกแล้วแปะแผ่นใหม่ โดยให้เปลี่ยนบริเวณแปะแผ่นคุมกำเนิดไปตามบริเวณของร่างกายที่แนะนำไปข้างต้น เพื่อลดอาการระคายเคืองและไม่ควรแปะบนผิวที่เป็นแผล หรือเป็นผื่นแพ้
ช่วง 7 วันแรกที่มีการใช้แผ่นแปะคุมกำเนิด แนะนำให้ใช้วิธีการคุมกำเนิดอื่นๆ ร่วมด้วยเพื่อเพิ่มความมั่นใจว่า จะไม่มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น
หากลืมแปะแผ่นคุมกำเนิดแผ่นใหม่ ต้องทำอย่างไร
หากคุณลืมแปะแผ่นใหม่เมื่อถึงเวลา หรือเมื่อแผ่นแปะหลุดออกมา ให้ศึกษารายละเอียดจากฉลากผลิตภัณฑ์ หรือปรึกษาแพทย์ โดยอาจต้องใช้วิธีการคุมกำเนิดอื่นๆ ไปก่อน เช่น การใช้ถุงยางอนามัย หรือหยุดการมีเพศสัมพันธ์ไปก่อนสักระยะ เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์
หากมีเหตุจำเป็นต้องหยุดใช้แผ่นแปะคุมกำเนิด คุณจะต้องใช้วิธีการคุมกำเนิดอื่นๆ ภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากลอกแผ่นแปะออกแล้ว
ข้อควรระวังในการใช้แผ่นแปะคุมกำเนิด
- คุณสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามปกติระหว่างที่ใช้แผ่นแปะคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นการว่ายน้ำ หรือออกกำลังกาย แม้แผ่นแปะจะเปียกเมื่อโดนเหงื่อ หรือเมื่ออาบน้ำ แต่คุณไม่จำเป็นต้องลอกแผ่นแปะออก
- คุณไม่ควรลอกแผ่นแปะคุมกำเนิดออกมาเพื่อเปลี่ยนตำแหน่งในการแปะเมื่อยังไม่ถึงเวลา เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพของฮอร์โมนลดลง
- หากแผ่นแปะคุมกำเนิดหลุดลอกออกมา แนะนำให้เปลี่ยนแผ่นแปะอันใหม่ และหากยังหลุดลอกอยู่อีก ลองเปลี่ยนขนาดแผ่นแปะคุมกำเนิดให้มีขนาดใหญ่ขึ้น หรือใช้เทปกาวแปะทับอีกที และต้องปรึกษาแพทย์ทันทีหากแผ่นแปะคุมกำเนิดหลุดร่วงหายไป
- ไม่ควรใช้แผ่นแปะคุมกำเนิดกับบริเวณผิวที่มีเครื่องสำอาง โลชั่น แป้ง หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆ เพราะจะทำให้แผ่นแปะคุมกำเนิดหลุดร่วงได้ง่าย นอกจากนี้สารเคมีจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้ยังอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของฮอร์โมนได้ด้วย
- เมื่อดึงแผ่นแปะคุมกำเนิดออกมาหลังจากครบกำหนดแล้ว ให้พับด้านกาวเข้าหากันก่อนทิ้ง จะเป็นการป้องกันไม่ให้สารเคมีแพร่กระจายสู่ชิ้นส่วนขยะอื่นๆ ที่อาจถูกฝังลงสู่ดินเพื่อการทำลายต่อไป
- ห้ามทิ้งแผ่นแปะคุมกำเนิดที่ใช้แล้วลงในโถส้วมเป็นอันขาด
แผ่นแปะคุมกำเนิดมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดเพียงใด
แผ่นแปะคุมกำเนิดมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกับยาเม็ดคุมกำเนิด นั่นคือ 9 คู่รักจาก 100 คู่รัก จะมีโอกาสตั้งครรภ์จากการใช้แผ่นแปะคุมกำเนิดในปีแรก
สาเหตุของการตั้งครรภ์นั้น มักเกิดจากวิธีการใช้แผ่นแปะคุมกำเนิดที่ไม่ตรงเวลา ลืมแปะ หรือการลอกแผ่นแปะคุมกำเนิดออกก่อนเวลา ทำให้ลดประสิทธิภาพของฮอร์โมนและเพิ่มโอกาสให้ตั้งครรภ์ได้
สำหรับผู้หญิงที่มีน้ำหนักตัวเกินกว่า 90 กิโลกรัม การทำงานของแผ่นแปะคุมกำเนิดอาจมีประสิทธิภาพลดลง
โดยทั่วไปแล้ว ประสิทธิภาพของการคุมกำเนิดแต่ละชนิดนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ปัญหาทางสุขภาพอื่นๆ การใช้แผ่นแปะคุมกำเนิดให้ตรงเวลาเสมอ ความสะดวกในการใช้วิธีการคุมกำเนิด
แผ่นแปะคุมกำเนิดป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้หรือไม่
แผ่นแปะคุมกำเนิดไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ ดังนั้นทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์กับคนใหม่ๆ คุณจึงจำเป็นต้องใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย เพื่อป้องกันโรคติดต่อที่อาจมากับการมีเพศสัมพันธ์
อย่างไรก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการตั้งครรภ์ และการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์คือ การงดมีเพศสัมพันธ์ (abstinence)
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
การใช้แผ่นแปะคุมกำเนิดถือเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่มีความปลอดภัย เนื่องจากผู้ใช้ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีผลข้างเคียงจากการใช้ แต่การสูบบุหรี่เมื่อมีการใช้แผ่นแปะคุมกำเนิดอยู่ อาจส่งผลให้มีผลข้างเคียงได้
ดังนั้นแพทย์จึงไม่แนะนำให้ผู้สูบบุหรี่ใช้แผ่นแปะคุมกำเนิด
ผลข้างเคียงจากการใช้แผ่นแปะคุมกำเนิด จะมีอาการคล้ายกับการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด ดังนี้
- ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือมีเลือดออกกะปริดกะปรอย แม้ไม่ได้เป็นช่วงรอบเดือน
- คลื่นไส้ ปวดศีรษะ วิงเวียนศีรษะ และปวดคัดเต้านม
- อารมณ์แปรปรวน
- เกิดภาวะเลือดจับตัวเป็นลิ่ม ซึ่งเกิดขึ้นน้อยมากในผู้หญิงอายุต่ำกว่า 35 ปีที่ไม่สูบบุหรี่ และผลข้างเคียงนี้อาจเกิดขึ้นกับการใช้แผ่นแปะมากกว่าการรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด
ผลข้างเคียงอื่นๆ ที่เกิดจากการใช้แผ่นแปะคุมกำเนิด
- แผ่นแปะคุมกำเนิดอาจทำให้ผิวที่ถูกแปะเกิดอาการระคายเคือง
- มีปัญหาเมื่อใช้คอนแทคเลนส์ เช่น ระยะการมองเห็นของสายตาเปลี่ยน หรืออาจไม่สามารถใส่คอนแทคเลนส์ได้ตามปกติ
- มีอาการปวดประจำเดือน
อาการที่กล่าวมาจะเกิดขึ้นไม่รุนแรงและจะหายไป 2-3 เดือนหลังจากเริ่มใช้แผ่นแปะคุมกำเนิด
แผ่นแปะคุมกำเนิดเหมาะกับใคร
การใช้แผ่นแปะคุมกำเนิดเป็นทางเลือกที่ดีวิธีหนึ่งสำหรับ
- ผู้หญิงที่มีน้ำหนักตัวน้อยกว่า 90 กิโลกรัม
- ผู้ที่มักลืมรับประทานยาคุมกำเนิด
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการกลืนยา
แต่ใช่ว่าผู้หญิงทุกคนจะสามารถใช้แผ่นแปะคุมกำเนิดได้ สำหรับผู้ที่มีการรับประทานยารักษาโรค หรือปัญหาทางสุขภาพต่างๆ ก็อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของฮอร์โมนคุมกำเนิดและอาจเป็นอันตรายได้
กรณีลืมแผ่นแปะคุมกำเนิด จะทำอย่างไร
- กรณีลืมเปลี่ยนแผ่นแปะในสัปดาห์แรกของรอบเดือน ให้แปะยาแผ่นใหม่ทันที่ที่นึกขึ้นได้ วันเปลี่ยนแผ่นยาจะเปลี่ยนใหม่จะเป็นวันใหม่นี้แทน และต้องคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นด้วย เช่น สวมถุงยางอนามัยใน 7 วันแรก
- กรณีลืมเปลี่ยนแผ่นแปะในสัปดาห์ที่ 2 หรือ 3 ของรอบเดือน
- หากลืมน้อยกว่า 48 ชั่วโมง ควรปฏิบัติดังนี้ แปะแผ่นยาใหม่ทันทีที่นึกได้ และวันเปลี่ยนแผ่นยาคงเป็นวันเดิม ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีคุมกำเนิดอื่นร่วมด้วย
- หากลืมมากกว่า 48 ชั่วโมง ควรปฏิบัติดังนี้ แปะยาแผ่นใหม่ทันทีที่นึกขึ้นได้ ให้นับยาแผ่นใหม่ที่แปะนี้เป็นยาแผ่นแรกของรอบการใช้ยาแผ่นใหม่ทันที และต้องคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นร่วมด้วย เช่น สวมถุงยางอนามัยใน 7 วันแรก
กรณีแผ่นแปะหลุดลอกจะทำอย่างไร
- กรณีแผ่นแปะหลุดน้อยกว่า 1 วัน แปะยาแผ่นใหม่ทันที แล้วเปลี่ยนแผ่นยาใหม่ในวันเปลี่ยนแผ่นยาตามกำหนด
- กรณีแผ่นแปะหลุดนานเกิน 1 วัน ผู้ใช้ควรหยุดรอบการนับการใช้แผ่นยาเดิม และให้เริ่มต้นการใช้แผ่นแปะคุมกำเนิดรอบใหม่ทีนที และนับวันนี้เป็นวันแรกของการใช้รอบใหม่ และต้องคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นร่วมด้วย เช่น สวมถุงยางอนามัยใน 7 วันแรก
แพทย์จะไม่แนะนำวิธีคุมกำเนิดนี้กับผู้ป่วยที่มีอาการ หรือโรคต่อไปนี้
ส่วนผู้หญิงที่มีเลือดออกทางช่องคลอดในช่วงที่ไม่มีประจำเดือน หรือสงสัยว่า กำลังตั้งครรภ์ จำเป็นต้องหยุดใช้แผ่นแปะ หรือใช้วิธีคุมกำเนิดอื่นใดไปก่อนและรีบไปพบแพทย์ทันที
ผู้ที่สนใจและต้องการทราบรายละเอียดการคุมกำเนิดรวมถึงผลข้างเคียงของวิธีคุมกำเนิดรูปแบบต่างๆ และการใช้แผ่นแปะคุมกำเนิด สามารถปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง หรือสูตินรีแพทย์ เพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้องเหมาะสมได้
การพบแพทย์ก่อนใช้แผ่นแปะคุมกำเนิด
การใช้แผ่นแปะคุมกำเนิดจำเป็นต้องได้รับคำแนะนำโดยแพทย์ ซึ่งแพทย์จะซักประวัติทางสุขภาพของคุณ คนในครอบครัว และอาจตรวจร่างกายของคุณก่อน เช่น การตรวจวัดความดันโลหิต การตรวจภายใน
หากแพทย์ยืนยันว่า คุณสามารถใช้แผ่นแปะคุมกำเนิดได้ แพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการใช้งานต่อไป
ผู้หญิงที่เริ่มใช้แผ่นแปะคุมกำเนิด จะต้องพบแพทย์เพื่อตรวจวัดความดันโลหิตอีกครั้งหลังจากการใช้ไปแล้วประมาณ 1-2 เดือน เพื่อให้แน่ใจว่า การใช้แผ่นแปะไม่ได้มีปัญหาใดๆ
หลังจากนั้นแพทย์จะนัดตรวจสุขภาพ 1-2 ครั้งต่อปี หรือเมื่อจำเป็น เพื่อดูว่า การใช้แผ่นแปะคุมกำเนิดเป็นไปอย่างปกติดีหรือไม่
ราคาของแผ่นแปะคุมกำเนิด และจะหาซื้อได้จากที่ใด
แผ่นแปะคุมกำเนิดมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 400-600 บาทต่อเดือน สามารถซื้อได้ตามร้านขายยาขนาดใหญ่
ไม่ว่าจะตัดสินใจคุมกำเนิดด้วยวิธีใดนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือ การศึกษาวิธีคุมกำเนิดนั้นๆ อย่างละเอียด เงื่อนไขการใช้งาน ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิด ข้อเสีย รวมถึงราคา เพื่อเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมนั่นเอง
ที่สำคัญวิธีคุมกำเนิดแทบทุกวิธี (ยกเว้นการใช้ถุงยางอนามัย) สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้เท่านั้น แต่ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
ตรวจสอบความถูกต้องโดย พญ. รุจิรา เทียบเทียม