Default fallback image

น้ำตาไหลตลอดเวลา โดยไม่ได้เศร้า อาจเสี่ยงท่อน้ำตาอุดตันไม่รู้ตัว

อาการน้ำตาไหลตลอดเวลา โดยไม่ได้ร้องไห้หรือรู้สึกเศร้า เกิดได้จากหลายสาเหตุ หนึ่งในสาเหตุที่พบบ่อยมาจากภาวะท่อน้ำตาอุดตัน (Blocked tear duct) แม้จะดูเหมือนไม่รุนแรง แต่หากปล่อยไว้อาจกระทบต่อดวงตา ตาอักเสบ หรือตาพร่ามัวได้เลย 

ภาวะท่อน้ำตาอุดตันคืออะไร ทำไมทำให้น้ำตาไหลตลอดเวลา

ท่อน้ำตาอุดตัน (Nasolacrimal duct obstruction) เป็นภาวะที่ทางระบายน้ำตาถูกปิดกั้น หรือเกิดการอุดตันขึ้น ส่งผลให้น้ำตาไหลออกมากกว่าปกติ ส่งผลให้น้ำตาไหล หรือน้ำตาคลอตลอดเวลา และอาจเกิดอาการข้างเคียงอื่น ๆ ตามมา

ภาวะปกติแล้ว ระบบระบายน้ำตาประกอบด้วยท่อเล็ก ๆ เรียกว่าท่อน้ำตา (Nasolacrimal duct) ซึ่งช่วยระบายน้ำตาจากตาลงไปยังโพรงจมูก เมื่อท่อน้ำตาเกิดการอุดตันหรือถูกปิดกั้น จึงไม่สามารถระบายน้ำตาได้ตามธรรมชาตินั่นเอง    

ท่อน้ำตาอุดตันเกิดจากอะไร พบได้ในช่วงวัยไหน

ภาวะท่อน้ำตาอุดตันพบได้ในคนทุกวัย ตั้งแต่เด็กทารกไปจนถึงผู้สูงวัย แต่จะพบได้ในเพศหญิงได้มากกว่าเพศชาย โดยสาเหตุเกิดได้จากหลายอย่าง ดังนี้

  • ความผิดปกติแต่กำเนิด เช่น ภาวะพังผืดในท่อน้ำตาไม่เปิด ท่อน้ำตายังไม่พัฒนาเต็มที่ หรือผนังกั้นหัวตาไม่ทะลุตั้งแต่กำเนิด ซึ่งเป็นปัญหาที่พบมากในเด็กทารกแรกเกิดถึง 6 เดือน
  • ช่องทางระบายน้ำตาตีบลงจากอายุมากขึ้น
  • การอักเสบหรือการติดเชื้อบริเวณของท่อน้ำตา ทำให้เกิดการสะสมของเนื้อเยื่อแผล จนอาจไปปิดทับทางระบายน้ำตา 
  • อุบัติเหตุที่ก่อให้เกิดแผลฉีกขาดบริเวณหัวตา
  • ก้อนเนื้อในจมูกหรือบริเวณระบบระบายน้ำตา อาจเป็นก้อนเนื้อร้ายหรือไม่ใช่เนื้อร้าย เช่น ริดสีดวงจมูก หรือมะเร็งต่าง ๆ ไปอุดกั้นท่อน้ำตา
  • การใช้ยาหยอดตาเป็นประจำ หรือใช้ยารักษาโรคตาบางชนิดในระยะยาว อย่างยารักษาโรคต้อหิน 
  • การรักษามะเร็งด้วยวิธีฉายแสงบริเวณดวงตา

อาการพบได้บ่อยของภาวะท่อน้ำตาอุดตัน

อาการเด่นชัดของภาวะท่อน้ำตาอุดตันจะพบว่าตาแฉะ น้ำตาไหลมาก โดยไม่ได้ร้องไห้ น้ำตาคลอตลอดเวลา และอาจพบอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย คือ ตาแดงหรือระคายเคือง มีขี้ตาสีเหลืองหรือสีเขียว ปวด บวม แดงบริเวณหัวตา ตาพร่า มองเห็นได้ไม่ชัดเจน 

ถ้าไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้เกิดการอักเสบจนกลายเป็นฝีหนอง  ซึ่งอาจลุกลามเข้าไปในเปลือกตาหรือกระจกตา ทำให้เกิดการติดเชื้อในตาหรือภาวะแทรกซ้อนอื่นตามมาได้ 

ภาวะท่อน้ำตาอุดตันตรวจวินิจฉัยได้อย่างไร 

การทดสอบด้วยตัวเองเบื้องต้นให้ลองนวดบริเวณหัวตาข้างสันจมูก หากพบขี้ตาทะลักออกมาหรือน้ำตาเป็นเมือกบริเวณหัวตา อาจพอคาดการณ์ได้พบความผิดปกติ ควรไปพบจักษุแพทย์

โดยทั่วไป จักษุแพทย์จะซักประวัติ ตรวจร่างกาย ตรวจดวงตาและโพรงจมูก เพื่อค้นหาความผิดปกติ จากนั้นจะตรวจเพิ่มเติมด้วยวิธีอื่น ๆ เช่น 

  • การทดสอบระบายของน้ำตา (Tear drainage test) โดยหยดสีย้อมลงบนกระจกดวงตา แล้วรอ 5–10 นาที เพื่อดูความเร็วในการระบายของน้ำตา ถ้าสียังคงค้างอยู่ที่ตา บ่งบอกได้ว่าท่อน้ำตาน่าจะมีการอุดตันเกิดขึ้น
  • การตรวจการอุดตันของท่อน้ำตา โดยใช้เข็มเล็กปลายตัดไม่คมแยงลงไปในรูเปิดของท่อน้ำตา แล้วฉีดสารน้ำเกลือทางการแพทย์ลงไป หากท่อน้ำตาอุดตันจะมีน้ำจะไหลออกมา และอาจมีขี้ตาออกมาด้วย ถ้าไม่พบความผิดปกติจะรู้สึกเพียงน้ำรสชาติเค็มไหลลงคอ
  • การถ่ายภาพรังสีบริเวณดวงตา เช่น การเอกซเรย์ การทำซีทีสแกน หรือการทำเอ็มอาร์ไอ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ เพื่อหาตำแหน่งที่เกิดการอุดตันในท่อน้ำตา หรือดูความผิดปกติของท่อน้ำตา

ภาวะท่อน้ำตาอุดตันรักษาได้ไหม

การรักษาภาวะท่อน้ำตาอุดตัน และอาการน้ำตาไหลไม่หยุดขึ้นอยู่กับสาเหตุและอาการที่พบ 

การรักษาภาวะท่อน้ำตาอุดตันในเด็ก

เด็กทารกส่วนใหญ่กว่า 90% มักหายเองได้โดยไม่ต้องรักษา หรืออาจใช้การนวดคลึงเบา ๆ ตรงหัวตาเพื่อเปิดท่อน้ำตา กรณียังไม่หายอาจต้องใช้วิธีอื่นร่วมด้วย เช่น การแยงท่อน้ำตา การใส่ท่อซิลิโคนคาไว้ในท่อน้ำตา หรือหากรักษาแล้วไม่ได้ผลอาจต้องใช้การผ่าตัด 

การรักษาภาวะท่อน้ำตาอุดตันในผู้ใหญ่

การรักษาในผู้ใหญ่มักต้องใช้การผ่าตัดเป็นหลัก หากเป็นการผ่าตัดแบบเก่า จะใช้การกรีดตาจากทางด้านนอก เพื่อนำกระดูกออกบางส่วน แล้วสร้างทางระบายน้ำตาใหม่ ซึ่งอาจทำให้เกิดแผลเป็น

ส่วนการผ่าตัดแบบใหม่จะเป็นการผ่าตัดทางเชื่อมท่อน้ำตาโดยการส่องกล้องขนาดเล็ก (Endoscope) เข้าไปในช่องจมูกแล้วทำทางระบายท่อน้ำตาใหม่ วิธีนี้จะไม่มีแผลเป็น ฟื้นตัวได้เร็วกว่า และแผลหายเร็วกว่า 

นอกจากนี้ หากเกิดการติดเชื้อจะต้องให้ยาปฏิชีวนะร่วมด้วย โดยอาจเป็นรูปแบบยาหยอดตาหรือยารับประทาน อย่างไรก็ตาม แพทย์จะพิจารณาวิธีการรักษาที่เหมาะสมให้กับผู้ป่วยแต่ละคน 

ภาวะท่อน้ำตาอุดตันป้องกันได้ไหม

ภาวะท่อน้ำตาอุดตันเกิดได้จากหลายสาเหตุ ยากที่จะป้องกันได้ทั้งหมด เบื้องต้นสามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยวิธีต่อไปนี้

  • รักษาความสะอาดบริเวณตาและจมูก
  • หลีกเลี่ยงการขยี้ตา เพื่อป้องกันการระคายเคือง และการติดเชื้อ
  • เลี่ยงการใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น เพื่อเลี่ยงการติดเชื้อ
  • รักษาความสะอาดของอุปกรณ์แต่งหน้า โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่ใช้บริเวณดวงตา
  • ใช้คอนแทคเลนส์อย่างถูกวิธี

ภาวะท่อน้ำตาอุดตันเป็นภาวะที่รักษาได้ ส่วนใหญ่ไม่เป็นอันตราย แต่ก็อาจกระทบต่อการใช้ชีวิตได้ในระยะยาว หากมีอาการน้ำตาไหลตลอดเวลา ตาแดง หรือบวม ไม่แน่ใจว่าเป็นอะไร ควรปรึกษาจักษุแพทย์โดยไม่ต้องรอ สนใจ เช็กสุขภาพดวงตา ตรวจคัดกรองโรคทางตา จากคลินิกและโรงพยาบาลต่าง ๆ ทั่วไทย ราคาพิเศษที่ HDmall.co.th

Scroll to Top